วันนี้ (17 พฤษภาคม) ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า จากที่มีรายงานผลการตรวจคัดกรองเชิงรุกในเรือนจำและทัณฑสถานในพื้นที่เสี่ยง และยังพบผู้ป่วยยืนยันในกลุ่มผู้ต้องขังเพิ่มสูงขึ้น พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้ติดตามกรณีนี้อย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้นายกรัฐมนตรีได้ทราบถึงมาตรการต่างๆ ที่กรมราชทัณฑ์ดำเนินการทั้งในการตรวจคัดกรอง การแยกผู้ต้องขังแรกเข้า การแยกผู้ป่วยออกไปรักษาในโรงพยาบาลสนามของราชทัณฑ์ แต่ก็ได้กำชับว่าขอให้ประสานงานอย่างใกล้ชิดกับกระทรวงสาธารณสุขเพื่อดำเนินการตามมาตรการควบคุมและรักษาโรค เพื่อให้การดูแลผู้ป่วยเป็นไปในมาตรฐานเดียวกับประชาชนทั่วไปที่อยู่นอกเรือนจำ
นอกจากนี้นายกรัฐมนตรียังขอให้ดำเนินการตรวจคัดกรองเชิงรุกในเรือนจำและทัณฑสถานในพื้นที่เสี่ยงต่างๆ ให้มากและเร็วที่สุด เพื่อประสิทธิภาพในการจำกัดวงการแพร่ระบาด รวมไปถึงความปลอดภัยของทั้งผู้ต้องขังและเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติหน้าที่ภายในเรือนจำด้วย โดยให้สาธารณสุขและหน่วยงานต่างๆ ของจังหวัดพื้นที่เสี่ยงให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่
“เนื่องจากปัจจุบันเรือนจำหลายแห่งมีผู้ต้องขังอยู่หนาแน่น มีความแออัด ด้วยพื้นที่จำกัด ซึ่งเป็นความเสี่ยงต่อการแพร่ระบาดของโรค นายกรัฐมนตรีมีข้อห่วงใยในส่วนนี้ จึงกำชับให้ทางราชทัณฑ์ประสานงานกับสาธารณสุขในเขตพื้นที่ให้เข้ามาช่วยดูแลอย่างใกล้ชิด ให้เป็นไปตามมาตรฐานเดียวกับประชาชนภายนอก โดยคำนึงถึงสิทธิมนุษยชนของผู้ต้องขัง แม้จะเป็นผู้เคยกระทำผิดจนต้องขัง แต่เมื่อป่วยต้องได้รับการดูแล” ไตรศุลี กล่าว
พิสูจน์อักษร: พรนภัส ชำนาญค้า