ทั้งๆ ที่กำลังอยู่ในช่วงฟื้นตัวด้วยเป็นช่วงไฮซีซัน คนไทยอยากขึ้นเหนือไปสัมผัสอากาศหนาว แต่ธุรกิจโรงแรมในเชียงใหม่กลับต้องเผชิญความท้าทายอีกครั้ง เมื่อมีข่าวการพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 อีกครั้งในช่วงปลายเดือนพฤศจิกายน แม้ไม่ได้พบผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มเติม แต่ความเชื่อมั่นกลับลดลงไปอีกครั้ง จนช่วงหยุดยาว 10-13 ธันวาคมที่ควรคึกคักกลับไม่เป็นอย่างที่คิด
ละเอียด บุ้งศรีทอง นายกสมาคมโรงแรมไทยภาคเหนือ (ตอนบน) ให้ข้อมูลกับ THE STANDARD WEALTH ว่า ภาพรวมธุรกิจโรงแรมในจังหวัดเชียงใหม่มีทั้งสิ้น 2,200 แห่ง รวม 60,000 ห้อง หลังจากการล็อกดาวน์รอบแรกในช่วงเดือนเมษายน พบว่าปัจจุบันมีโรงแรมประมาณ 40% ที่ยังไม่กลับมาเปิดให้บริการ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้ประกอบการขนาดเล็กที่ยังไม่เชี่ยวชาญการทำตลาดเท่ากับโรงแรมขนาดใหญ่
ธุรกิจโรงแรมในเชียงใหม่เริ่มกลับมาเปิดให้บริการอีกครั้งตั้งแต่เดือนกรกฎาคม โดยในช่วงเดือนกรกฎาคม สิงหาคม กันยายน อัตราการเข้าพักเฉลี่ยอยู่ที่ 15% พอเดือนตุลาคมเริ่มเห็นสัญญาณบวกตัวเลขเพิ่มขึ้นมาเป็น 30% และเพิ่มขึ้นสูงในเดือนพฤศจิกายนเป็น 60-70% ทำให้หลายคนคาดหวังว่าเดือนธันวาคมจะดีขึ้น ทว่าข่าวการพบผู้ติดเชื้อได้เข้ามากระทบเสียก่อน
“ในช่วงแรกที่พบผู้ติดเชื้อจากการจองเข้ามาทั้งหมดราว 10,000 ห้อง พบมีการยกเลิกประมาณ 1,700 ห้อง แต่พอสัปดาห์ที่ 2 เป็นข่าวกลับพบยอดการยกเลิกเพิ่มขึ้นมาเรื่อยๆ โดยรวมแล้วมีการยกเลิกห้องพัก 4,000 ห้องด้วยกัน
“ส่วนในช่วงหยุดยาว 10-13 ธันวาคม เมื่อเทียบกับช่วงหยุดยาวในช่วงเดือนพฤศจิกายน พบมีอัตราการเข้าพักลดลง 20% เพราะฉะนั้นจากอัตราการเข้าพักที่เราประเมินไว้ว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 70-80% ก็ลดลงเหลือ 50-60%”
นายกสมาคมโรงแรมไทยภาคเหนือ (ตอนบน) ย้ำว่า เชียงใหม่เป็นเมืองที่ปลอดภัย และหลังจากมาเที่ยวแล้วไม่จำเป็นต้องกลับไปกักตัว 14 วัน เพราะจากการทดสอบผู้ที่ต้องเข้ารับการกักตัว 312 คน ทั้ง 3 รอบไม่มีผู้ใดติดเชื้อ ซึ่งที่ผ่านมาทางจังหวัดและผู้ประกอบการต่างๆ ได้ร่วมกันสร้างความมั่นใจ ทั้งยกระดับมาตรการป้องกัน รวมไปถึงเรื่องพนักงานและบริการต่างๆ
“เรามองว่าสถานการณ์หลังจากนี้จะกลับมาดีขึ้นเรื่อยๆ โดยในช่วงสิ้นปียาวไปจนถึงเดือนเมษายน เรามองว่าสัญญาณน่าจะกลับไปดีเหมือนช่วงเดือนพฤศจิกายน คือมีอัตราการเข้าพักอยู่ที่ 60-70% ส่วนโซนนอกเมืองอาจจะเพิ่มได้ถึง 80%”
ที่ผ่านมาการท่องเที่ยวในจังหวัดเชียงใหม่ส่วนใหญ่จะเป็นนักท่องเที่ยวต่างชาติ แต่ด้วยสถานการณ์เช่นนี้ทำให้มองว่าตั้งแต่ช่วงไตรมาส 4 ปี 2563 จนถึงไตรมาส 2 ปี 2564 ทำให้มีการประเมินว่าจะต้องอยู่กับนักท่องเที่ยวชาวไทยไปก่อน ซึ่งปีที่ผ่านมามีคนไทยไปเที่ยวต่างประเทศประมาณ 12-15 ล้านคน กลุ่มนี้เป็นกลุ่มที่ต้องดึงให้เข้ามาเที่ยวในเชียงใหม่ให้มากขึ้น โดยชูเรื่องสวนดอกไม้ อาหาร และวัฒนธรรม
วิธีหนึ่งที่โรงแรมใช้ในการดึงนักท่องเที่ยวคือการลดราคาห้องพักลงประมาณ 60-70% เพื่อสร้างให้เกิดแรงกระตุ้นก่อน ให้มาใช้ก่อน แล้วอาจจะมีการบอกต่อ เนื่องจากตลาดคนไทยเราปฏิเสธไม่ได้ว่าการทำการตลาด สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือการบอกต่อ การมีประสบการณ์และการแชร์ข้อมูล แล้วก็แนะนำเพื่อน คนในครอบครัว คนในองค์กร
“ตลาดคนไทยถือเป็นตลาดที่มีความพิเศษมากกว่าตลาดต่างประเทศ เพราะฉะนั้นถ้าเกิดการรับรู้ เกิดการรู้จัก สามารถบริหารจัดการได้ดีขึ้น เราก็เลยใช้วิธีการลดแลกแจกแถม บางช่วงลดมากกว่า 70% ส่วนโครงการเราเที่ยวด้วยกันก็ถือว่าสร้างผลกระทบเชิงบวกให้กับธุรกิจโรงแรมในจังหวัดเชียงใหม่เช่นกัน”
อย่างไรก็ตาม ช่วงนี้ด้วยความที่รายได้ยังไม่กลับมาเท่าเดิม ทำให้โรงแรมต้องปรับลงต้นทุน โดยบางส่วนได้ขอความร่วมมือจากพนักงานโดยการลดเงินเดือนลง 10-25% โดยแลกกับวันหยุดที่เพิ่มขึ้น ด้วยผู้ประกอบการไม่ยากปลดพนักงานจึงใช้วิธีนี้เพื่ออุ้มพนักงานทั้งหมดและประคองธุรกิจให้ผ่านสถานการณ์ที่หนักหน่วงนี้ไปก่อน
พิสูจน์อักษร: พรนภัส ชำนาญค้า
