×

ไวรัสโคโรนา พ่นพิษเศรษฐกิจไทยหนักแค่ไหน

โดย THE STANDARD TEAM
30.01.2020
  • LOADING...

HIGHLIGHTS

4 mins. read
  • การแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาและการระงับการเดินทางของกรุ๊ปทัวร์จีน จะส่งผลกระทบโดยตรงต่อภาคการท่องเที่ยวไทยที่พึ่งพารายได้จากนักท่องเที่ยวจีนมากกว่า 5 แสนล้านบาทต่อปี หรือ 1 ใน 4 ของรายได้ในภาคการท่องเที่ยวจากต่างประเทศ
  • KKP Research คาดนักท่องเที่ยวลดลง 2.8 ล้านคนในปีนี้ และอาจลดลงถึง 4 ล้านคนหากสถานการณ์ยืดเยื้อ ขณะที่รายได้จากภาคการท่องเที่ยวจะลดลง 1.4 แสนล้านบาท
  • ผลกระทบโดยตรงจากการระงับกรุ๊ปทัวร์จีนจะฉุดการเติบโตของ GDP ปีนี้ลงอย่างน้อย 0.3% (ประเมินเฉพาะความเสี่ยงในภาคการท่องเที่ยว) และยังมีผลกระทบทางอ้อมต่อเนื่อง ทั้งจากการเปลี่ยนแผนการเดินทางมายังไทยของนักท่องเที่ยวจากชาติอื่น การเดินทางและการใช้จ่ายในประเทศที่จะชะลอตัว รวมถึงภาคการผลิตและส่งออกไทยที่อาจฟื้นตัวได้ช้าจากเศรษฐกิจจีนที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัส
  • ธุรกิจที่ถูกกระทบโดยตรงคือ สายการบิน โรงแรม ธุรกิจค้าปลีก ร้านอาหาร และการจัดงานสัมมนาหรืองานเลี้ยงสังสรรค์

การระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (Novel Coronavirus; 2019-nCoV) ที่มีต้นกำเนิดในเมืองอู่ฮั่น (Wuhan) กลายเป็นปัญหาด้านสาธารณสุขที่ลุกลามในวงกว้าง การแพร่กระจายอย่างรวดเร็วของเชื้อไวรัสนี้สร้างความตื่นตระหนกต่อผู้คนทั่วโลก โดยเฉพาะในประเทศไทย เนื่องจากมีรายงานตัวเลขการพบจำนวนผู้ติดเชื้อมากที่สุด (14 ราย ณ วันที่ 30 มกราคม) จาก 17 ประเทศที่พบผู้ติดเชื้อนอกประเทศจีน 

 

อีกทั้งยังมีรายงานว่ามีนักท่องเที่ยวจีนจากอู่ฮั่นมาเยือนประเทศไทยสูงถึง 20,000 ราย (จากข้อมูล ณ วันที่ 1-30 มกราคม แบ่งเป็นกลับประเทศจีนไปแล้ว 17,000 ราย เหลืออยู่ในไทย 2,600 ราย) ยิ่งสร้างความหวั่นวิตกให้กับคนไทยและนักท่องเที่ยวที่มีแผนการเดินทางมาประเทศไทยไม่น้อย ขณะที่ทางการจีนพยายามระงับการแพร่กระจายของไวรัสโคโรนา โดยการประกาศห้ามการเดินทางเข้าออกจากเมืองอู่ฮั่นตลอดจนพื้นที่โดยรอบ และยังสั่งห้ามไม่ให้บริษัทนำเที่ยวจัดกรุ๊ปทัวร์ออกนอกประเทศ

 

ไวรัสโคโรนากระทบภาคการท่องเที่ยว เครื่องยนต์หลักเศรษฐกิจไทย

ในช่วงที่ผ่านมาเศรษฐกิจไทยได้รับอานิสงส์อย่างมากจากการเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดดของนักท่องเที่ยวจีน ทำให้ภาคการท่องเที่ยวยังคงเป็นแรงขับเคลื่อนหลักของการเติบโตของเศรษฐกิจไทย โดยเฉพาะในช่วงที่หัวจักรตัวอื่นทั้งการส่งออกและการลงทุนชะลอตัวลง นักท่องเที่ยวต่างชาติสร้างรายได้ให้กับประเทศไทยปีละเกือบ 2 ล้านล้านบาท หรือคิดเป็นประมาณ 12% ของ GDP ไทย

 

โดยกว่า 1 ใน 4 ของจำนวนนักท่องเที่ยวและรายได้ดังกล่าวมาจากนักท่องเที่ยวจีน ดังนั้น การประกาศห้ามการเดินทางของกรุ๊ปทัวร์จีนและความวิตกกังวลต่อสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนานี้จะส่งผลกระทบต่อการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจไทยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

 

เปรียบเทียบการระบาดของซาร์ส กระทบท่องเที่ยวไทยหนัก

การระบาดของซาร์ส (SARS) เมื่อปี 2003 ส่งผลให้จำนวนนักท่องเที่ยวลดลงกว่า 7 แสนคนตลอดรอบ 1 ปี 

 

โดยการระบาดของซาร์สที่เริ่มต้นในจีน และลุกลามไปยังฮ่องกง ไต้หวัน และสิงคโปร์ ส่งผลกระทบอย่างมากต่อภาคการท่องเที่ยวไทยในขณะนั้น

 

โดยจำนวนนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้าประเทศในรอบ 12 เดือนลดลงจากระดับ 10.9 ล้านคนในเดือนกุมภาพันธ์ 2003 เหลือเพียง 10.1 ล้านคนในเดือนกุมภาพันธ์ 2004 คิดเป็นการลดลงถึง 6.8% โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจากจีนที่ลดลงไปถึง 25% และ

หากนับรวมผลกระทบต่อการท่องเที่ยวทั้งหมดเมื่อเปรียบเทียบกับในกรณีสมมติที่ไม่มีการระบาดของซาร์ส อาจคิดเป็นจำนวนนักท่องเที่ยวที่หายไปถึงกว่า 1.2 ล้านคนหรือกว่า 10.7% ของจำนวนนักท่องเที่ยวทั้งหมด ทั้งนี้ผลกระทบจากซาร์สกินระยะเวลาประมาณ 9 เดือนก่อนที่จำนวนนักท่องเที่ยวเริ่มฟื้นตัว 

 

 

 

KKP Research คาดนักท่องเที่ยวลดลง 2.8 ล้านคน รายได้หด 1.4 แสนล้านบาท ฉุดคาดการณ์ GDP ปีนี้ลงอย่างน้อย 0.3%

การระบาดของโคโรนาไวรัสสายพันธุ์ใหม่จะส่งผลให้จำนวนนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศในปีนี้ลดลงถึง 2.8 ล้านคน หรืออาจลดลงถึง 4 ล้านคนหากสถานการณ์เลวร้าย KKP Research หรือฝ่ายวิจัยเศรษฐกิจและกลยุทธ์ กลุ่มธุรกิจการเงินเกียรตินาคินภัทรมองว่า ด้วยสภาวะสังคมที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างมากในเมืองใหญ่ของจีน ประชากรมีการเคลื่อนย้ายเพื่อทำงานหรือท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นมากจากปี 2003 เชื้อไวรัสโคโรนาจึงมีอัตราการระบาดรวดเร็วกว่ามาก ส่งผลต่อการตัดสินใจเดินทางของนักท่องเที่ยวทั่วโลกมายังจีนและภูมิภาคใกล้เคียง 

 

ขณะที่มาตรการจากทางการจีนทั้งการปิดการคมนาคมและยกเลิกการขายทัวร์ออกนอกประเทศทั้งหมดจนกว่าจะมีการเปลี่ยนแปลง จะส่งผลต่อภาคธุรกิจท่องเที่ยวของไทยอย่างหนักหน่วง และไม่น้อยไปกว่าช่วงการระบาดของซาร์สในปี 2003 โดย KKP Research คาดว่าจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้าไทยในปีนี้จะลดลง 2.8 ล้านคน หรือ 7% ในปีนี้ คิดเป็นรายได้ที่สูญเสียไปราว 140,000 ล้านบาท และประเมินว่าผลกระทบโดยตรงจากมาตรการระงับการเดินทางของกรุ๊ปทัวร์จีนจะทำให้อัตราการเติบโตของ GDP ปีนี้ลดลงอย่างน้อย 0.3% (ประเมินเฉพาะความเสี่ยงภาคการท่องเที่ยว) ส่งผลให้ยอดนักท่องเที่ยวต่างชาติอยู่ที่ราว 37 ล้านคน และหากในกรณีที่การระบาดยืดเยื้อและแผ่ขยายในไทยเป็นวงกว้าง อาจทำให้จำนวนนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศลดลงได้ถึง 4 ล้านคน

 

 

ขณะที่ภาพรวม GDP ของไทย KKP Research ประเมินเบื้องต้นไว้ว่าอาจได้รับผลกระทบจาก 3 ปัจจัยหลัก คือ งบประมาณ 2563 ที่อาจล่าช้า, ภัยแล้งที่อาจส่งผลกระทบต่อภาพรวมการบริโภคและหนี้ครัวเรือน รวมถึงไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ที่กระทบภาคการท่องเที่ยว จึงทำให้ GDP ปี 2563 ลดลงเหลือ 2.2% จากที่เคยประเมินไว้ว่าจะเติบโต 2.8%

 

จับตาผลกระทบต่อเนื่องเศรษฐกิจไทย

นอกจากมาตรการระงับการเดินทางของกรุ๊ปทัวร์จีนที่ออกมาในช่วงฤดูท่องเที่ยว (Peak Season) จะส่งผลกระทบทางตรงต่อภาคการท่องเที่ยวไทยแล้ว การระบาดของไวรัสโคโรนายังอาจส่งผลกระทบต่อเนื่องเป็นวงกว้างต่อเศรษฐกิจไทยที่อ่อนแออยู่แล้ว 

 

โดยในภาคการท่องเที่ยวเอง นอกจากการลดลงของนักท่องเที่ยวจีนที่จะเกิดขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้แล้ว อาจมีการยกเลิกหรือการเปลี่ยนแผนการเดินทางของนักท่องเที่ยวจากประเทศอื่นมายังไทยจากความกังวลต่อการแพร่ระบาด 

 

นอกจากนี้ผลกระทบของไวรัสโคโรนาต่อเศรษฐกิจจีนเองอาจฉุดให้เศรษฐกิจโลกรวมถึงเศรษฐกิจไทย โดยเฉพาะภาคการส่งออกฟื้นตัวได้ช้ากว่าที่คาดไว้เดิม

 

ธุรกิจที่ถูกกระทบโดยตรงคือ สายการบิน โรงแรม ธุรกิจค้าปลีก ร้านอาหาร การจัดงานสัมมนาหรืองานเลี้ยงสังสรรค์ของชาวต่างชาติในประเทศไทย อย่างไรก็ดี ผลกระทบอาจขยายวงกว้างกว่าภาคการท่องเที่ยวของชาวต่างชาติ  เนื่องจากปัจจัยทางจิตวิทยาส่งผลให้แม้แต่คนในประเทศเองก็ลดการออกไปจับจ่ายใช้สอยหรือการเดินทางไปสถานที่พลุกพล่าน อีกทั้งรายได้จากภาคการท่องเที่ยวที่หายไปส่งผลต่อรายรับของผู้ประกอบกิจการและลูกจ้างในภาคบริการ อาจทำให้ครัวเรือนมีความระมัดระวังการใช้จ่ายอีกต่อหนึ่งด้วย ซึ่งหากสถานการณ์การแพร่กระจายของไวรัสโคโรนานี้ใช้เวลานานกว่าจะคลี่คลาย ก็จะยิ่งส่งผลกระทบมากขึ้นต่อเศรษฐกิจไทยกว่าตัวเลขที่ประเมินไว้

 

 

พิสูจน์อักษร: พรนภัส ชำนาญค้า

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

X
Close Advertising