CNN+ ซึ่งเป็นบริการสตรีมมิงที่รายงานของ CNN Business ชี้ว่า เป็นหนึ่งในการพัฒนาที่สำคัญที่สุดในประวัติศาสตร์ของ CNN ประกาศปิดตัวลงในวันที่ 30 เมษายน ซึ่งเกิดขึ้นเพียง 1 เดือนหลังจากเปิดตัว
การตัดสินใจเกิดขึ้นโดยผู้บริหารคนใหม่หลังจากที่ WarnerMedia ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของ CNN ได้ควบรวมกิจการกับ Discovery เพื่อก่อตั้ง Warner Bros. Discovery เมื่อต้นเดือนนี้ที่ผ่านมา
คริส ลิชต์ แม่ทัพคนใหม่ของ CNN ได้แจ้งข่าวไปยังลูกทีมใหม่ของเขาผ่านการประชุมร่วมกันในวันพฤหัสบดี (21 เมษายน) ที่ผ่านมา โดยจะปิดตัวเบ็ดเสร็จภายในวันที่ 30 เมษายนของปีนี้
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
- หุ้น Netflix ร่วง 35% ทำมาร์เก็ตแคปวูบ 1.8 ล้านล้านบาท ประกาศกร้าวเตรียมคุม ‘การแชร์รหัส’ เร็วสุดภายในปี 2023
- ไม่มีอีกแล้ว ‘เวทมนตร์’ ของ Disney นักลงทุนกังวลอาจกำลังเผชิญ ‘ฝันร้าย’ เหมือน Netflix
การตัดสินใจปิดตัวลงนั้น “ไม่ได้เกิดจากคุณภาพ ความสามารถ หรือเนื้อหาของ CNN+’ แต่การตัดสินใจนี้มาจากกลยุทธ์ทางการตลาดที่กว้างขึ้น โดย ‘ในตลาดสตรีมมิงที่ซับซ้อนนั้น ผู้บริโภคต่างต้องการบริการแบบเรียบงjายและครบวงจร ซึ่งสามารถมอบประสบการณ์ที่คุ้มค้าและดีกว่าข้อเสนอแบบสแตนด์อโลน” ลิชต์กล่าว
ลูกค้า CNN+ จะได้รับการ ‘คืนเงินตามสัดส่วนของค่าสมัคร’ ขณะที่พนักงานหลายร้อยคนของ CNN+ อาจตกงาน โดยในระหว่างนี้ทุกคนจะยังได้รับค่าจ้างและรับผลประโยชน์ต่อไปอีก 90 วัน เพื่อมองหาการย้ายไปทำงานยังทีมอื่นๆ เช่น CNN, CNN Digital และที่อื่นๆ ใน Warner Bros. Discovery ส่วนใครที่ประสงค์ไม่อยู่ต่อจะได้รับเงินชดเชยอย่างน้อย 6 เดือน
The Verge ชี้ว่า CNN+ มีท่าทีว่าจะ ‘ล่ม’ ตั้งแต่เริ่ม โดย CNN ได้จินตนาการถึงแนวคิดใหม่แห่งการรายงานข่าว การสร้างบุคลิกใหม่และการเข้าถึงซีรีส์ต่างๆ ของ CNN ซึ่ง CNN+ มีความสัมพันธ์ที่ซับซ้อนกับเครือข่ายหลัก โดย CNN+ ไม่ได้เสนอข่าวแบบเป็นเส้นตรง แต่เป็นการพยายามสร้างสิ่งที่แตกต่างและเฉพาะตัวมากขึ้น
กระนั้นทิศทางดังกล่าวทีมผู้บริหารชุดเก่าได้ขัดแย้งกับมุมมองของแม่ทัพ Warner Bros. Discovery ที่ต้องการนำเสนอคอนเทนต์ทั้งหมดภายใต้บริการสตรีมมิงเดียวอย่าง HBO Max และ Discovery Plus
บริการสตรีมมิงนี้เปิดตัวเพียง 2 สัปดาห์ก่อนการควบกิจการของ WarnerMedia และ Discovery จะเสร็จสมบูรณ์ ทำให้หัวเรืออย่าง Discovery ไม่พอใจต่อกลยุทธ์ที่ต่างกัน แต่ไม่สามารถพูดคุยอย่างเป็นทางการกับผู้บริหาร CNN ได้ก่อนที่ข้อตกลงจะบรรลุ
จากรายงาน CNN วางแผนที่จะใช้เงินราว 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 3.4 หมื่นล้านบาท กับ CNN+ ในไม่กี่ปีที่ผ่านมา และได้ทุ่มเงินไปอย่างน้อย 100 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ 3.4 พันล้านบาท (และอาจมากถึง 300 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 1 หมื่นล้านบาท) ในระหว่างเปิดให้บริการ
ในขณะที่การลงทุนมหาศาลแต่ผลตอบแทนกลับเป็นไปในทางตรงกันข้าม จำนวนสมาชิกในช่วงแรกนั้นค่อนข้างต่ำเตี้ยเรี่ยดินเลยทีเดียว จากรายงานของ Axios รายงานว่ามีผู้ลงทะเบียนใช้บริการซึ่งราคาอยู่ที่ 5.99 ดอลลาร์ (ประมาณ 200 บาท) ต่อเดือนราว 1.5 แสนคนเท่านั้นในสัปดาห์นี้ ขณะที่ CNBC รายงานว่ามีผู้ใช้บริการน้อยกว่า 10,000 คนต่อวัน
อย่างไรก็ตาม Warner Bros. Discovery มีหนี้เป็นพันล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผลมาจากข้อตกลงการควบบริษัท และผู้บริหารทั้งหลายอยู่ภายใต้แรงกดดันที่จะต้องหาเงิน 3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ที่เหล่านักลงทุนในวอลล์สตรีทกำลังรอจากพวกเขา
บริการสตรีมมิงนับเป็นธุรกิจที่มาแรง แต่ก็ ‘เกิดขึ้น’ และ ‘ตายลง’ อย่างรวดเร็วในไม่กี่ปีที่ผ่านมา กระนั้นก็เป็นการยากที่จะหาบริการที่มีอายุขัยสั้นกว่า CNN+ โดย go90 ของ Verizon ใช้เวลา 3 ปี หรือแม้แต่ Quibi กินเวลาถึง 6 เดือนก่อนจะปิดตัวลง
ภาพ: Spencer Platt / Getty Images
อ้างอิง: