ยักษ์ใหญ่ EV จีน ปักหมุดในไทยแน่น! มองอีก 5 ปีปริมาณการใช้รถยนต์ไฟฟ้าจะมาก

ผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้า EV จีน ขนเงินเข้าไทยไม่หยุด! หวังรักษาฐานอุตสาหกรรมการผลิตยานยนต์และปักหมุดฮับยานยนต์ไฟฟ้า มองจุดเด่นไทยใช้เทคโนโลยีก้าวหน้าและล้ำสมัย มีมาตรการจูงใจสิทธิประโยชน์ทางภาษี และเชื่อว่าในอีก 5 ปีข้างหน้า ปริมาณการใช้รถยนต์ไฟฟ้าในไทยอาจมากกว่ารถยนต์เครื่องยนต์สันดาป และจะเข้ามาชิงสัดส่วนตลาดยานยนต์มากกว่า 50%

บรรยากาศนักธุรกิจจีนหลั่งไหลบินเข้าประเทศในขณะนี้เป็นไปอย่างคึกคัก ซึ่งไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะเกิดขึ้น เมื่อนักธุรกิจจีนจากทุกมุมโลกกว่า 4,000 คนบินตรงจาก 50 ประเทศเพื่อมาร่วมงาน World Chinese Entrepreneurs Convention: WCE ถือเป็นสัญญาณที่ดีต่อทิศทางการลงทุนและเศรษฐกิจไทย โดยเฉพาะอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าและพลังงานที่ไทยกำลังเนื้อหอมในสายตานักลงทุนจีน

สำนักข่าว South China Morning Post รายงานว่า จากบรรยากาศการประชุมนักธุรกิจจีนโลก ครั้งที่ 16 (World Chinese Entrepreneurs Convention: WCE) ที่มีนักธุรกิจจีนจำนวน 3,500-4,000 คน จาก 50 ประเทศทั่วโลก เข้าร่วมนั้น คาดว่าจะทำให้มีเม็ดเงินสะพัดในไทยไม่ต่ำกว่า 500 ล้านบาท เนื่องจากนักลงทุนจีนมั่นใจว่า สถานการณ์การเมืองไทยมีทิศทางที่ดีขึ้น อีกทั้งเชื่อว่าจะมีการจัดตั้งรัฐบาลในไม่ช้า ทำให้บรรดานักลงทุนจีนและต่างชาติเตรียมเข้ามาลงทุนในไทยต่อเนื่อง โดยเฉพาะอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า EV

ข่าวที่เกี่ยวข้อง:

โดยผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้ารายใหญ่จากจีนต่างมุ่งทุ่มเงินและขยายการลงทุนเข้าสู่ประเทศไทย เพื่อรักษาฐานผลิตอุตสาหกรรมรถยนต์ โดยมองว่าไทยมีจุดเด่นที่ก้าวหน้าและล้ำสมัยกว่า ซึ่งจะเห็นว่าค่ายรถยักษ์ใหญ่อย่าง Great Wall Motor และ BYD ต่างมีโรงงานผลิตรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศ บนพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก EEC จังหวัดระยอง รวมไปถึงการประกาศลงทุนค่ายรถรายใหม่ๆ ของ Chongqing Changan GAC Aion มูลค่ารวม 16,200 ล้านบาท (470 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) เพื่อปักหมุดการผลิตในประเทศไทยให้เป็นศูนย์กลางการส่งออกของตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

ณรงค์ศักดิ์ พุทธมงคล ประธานกรรมการหอการค้าไทย-จีน เปิดเผยว่า อุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าเป็นอุตสาหกรรมที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในตอนนี้ เห็นได้จากการลงทุนของ MG, Great Wall Motor และ BYD และล่าสุด Hozon New Energy Automobile ของจีน จะเริ่มการผลิตในประเทศไทย เพื่อขายไปยังเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในปี 2567 ซึ่งจะทำให้ไทยกลายเป็นผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้ารายใหม่ที่เริ่มสร้างห่วงโซ่อุปทานในศูนย์กลางการผลิตรถยนต์ชั้นนำของภูมิภาคในอีกไม่นาน

โดยการประชุมผู้ประกอบการจีนโลกครั้งนี้มีผู้ประกอบการรายใหญ่จากจีนจำนวนมากที่น่าสนใจ ไม่ว่าจะเป็น Li Chuyuan ประธานของ Guangzhou Pharmaceutical Holdings และ Hui Yuan ประธานของ Xiao-I Corporation เป็นหนึ่งในนักธุรกิจชาวจีนที่มีชื่อเสียง และยังมี Hozon บริษัทสตาร์ทอัพ EV สัญชาติจีนที่กำลังได้รับความนิยมที่เพิ่มขึ้นจากยอดขายรุ่น Neta SUV

เขากล่าวอีกว่า ปัจจัยที่นักธุรกิจจีนให้ความสนใจในการลงทุนในอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า EV และอุตสาหกรรมเกี่ยวเนื่องในไทยมากขึ้นนั้น เนื่องจากมองว่า ในอีก 5 ปีข้างหน้าไทยจะมีปริมาณการใช้รถยนต์ไฟฟ้ามากกว่ารถยนต์เครื่องยนต์สันดาป และรถยนต์ EV จะเข้ามาชิงสัดส่วนในตลาดยานยนต์มากกว่า 50%

อย่างไรก็ตามสิ่งที่ต้องจับตาปีนี้คือ การที่อีก 3 ค่ายใหญ่จากจีนเตรียมจะเข้ามาลงทุนตั้งฐานการผลิตในไทย โดยไทยเองก็ชูจุดเด่นพร้อมเป็นศูนย์กลางการผลิตยานยนต์ไฟฟ้า (EV) พร้อมทั้งมีข้อเสนอมาตรการจูงใจและสิทธิประโยชน์ทางภาษี

“ประเด็นต้นทุนค่าแรงที่เพิ่มขึ้นจะมีผลต่อนักลงทุนจีนหรือไม่นั้นมองว่าอาจกำลังกดดัน แต่ในแง่ดีอาจกระตุ้นการปรับขึ้นค่าแรงให้เป็นไปตามความก้าวหน้าด้านเทคโนโลยีและอุตสาหกรรม EV รัฐบาลไทยได้ให้การสนับสนุนและส่งเสริมอยู่แล้ว ไม่ว่าจะอยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่านรัฐบาลไหน นักลงทุนจีนก็ยังมั่นใจและเชื่อว่าจะสามารถจัดตั้งรัฐบาลได้ในไม่ช้า เราก็อยากเชิญนักลงทุนจีนให้เข้ามาลงทุนในประเทศไทย และขอให้คนไทยอย่าไปคิดว่าคนจีนที่มาลงทุนในไทยเป็นทุนสีเทา”

สำหรับการลงทุนจากจีน เมื่อดูจากตัวเลขที่ประเทศไทยมีคำขอลงทุนจากต่างประเทศพบว่า เพิ่มขึ้นกว่าเท่าตัวเป็น 1.553 แสนล้านบาท (44 ล้านดอลลาร์) ในช่วง 3 เดือนจนถึงเดือนมีนาคมจากปีที่แล้ว นำโดยบริษัทจากเกาหลีใต้ สิงคโปร์ และจีน โดยเฉพาะบริษัทจีนทุ่มลงทุน 2.5 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 87% จากปีที่แล้ว ในกลุ่มอุตสาหกรรมพลังงาน เช่น ยานยนต์ไฟฟ้า การผลิตแบตเตอรี่ อิเล็กทรอนิกส์ ปิโตรเคมี และเซลล์แสงอาทิตย์

ไทยขึ้นแท่นผู้นำการผลิตยานยนต์ EV เต็มสูบ

สำนักข่าว The Economist สื่อเศรษฐกิจจากสหรัฐฯ รายงานว่า การลงทุนอุตสาหกรรมยานยนต์โลกเปลี่ยนแปลงไป เมื่อผู้ผลิตรถยนต์จากญี่ปุ่นขยายธุรกิจออกไปนอกประเทศ เริ่มจากบรรดายักษ์ใหญ่ระดับโลก เช่น Toyota, Nissan และ Honda เริ่มขยายการผลิตในประเทศไทย ทำให้ไทยก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำการผลิตของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และอาจหมายความว่า เวลาไม่นานจากนี้ไทยจะเป็นผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่อันดับ 10 ของโลก แซงหน้าประเทศมหาอำนาจอย่างฝรั่งเศสและอังกฤษ

ขณะที่ปัจจุบันประเทศไทยกำลังจะก้าวขึ้นมาอีกขั้นของการเป็นผู้นำและผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้า EV ในระดับสากล จากปัจจัยหลักมาจากนักลงทุนจากประเทศจีน เมื่อบริษัทจีนต่างประกาศลงทุนในโรงงานไทยอย่างต่อเนื่อง โดยในช่วงไตรมาสแรกจะเห็นว่า บางค่ายอย่าง BYD สามารถทำยอดขายในไทยแซง Volkswagen ในฐานะบริษัทรถยนต์ที่ขายดีที่สุดในจีนได้สำเร็จ

ดังนั้นการเข้ามาขยายการลงทุนในไทยอย่างจังหวัดระยองที่มีอย่างต่อเนื่อง ทำให้ไทยกำลังเป็นศูนย์กลางการผลิตรถยนต์ไฟฟ้า ซึ่งส่วนใหญ่ค่ายรถจากจีนเข้ามาตั้งฐานผลิต เพื่อขยายฐานส่งออกตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้สำหรับรถยนต์พวงมาลัยขวา ซึ่งเร็วๆ นี้จะมี Hozon บริษัทจีนรายใหม่ที่มีแผนจะผลิตรถยนต์ EV โมเดลไฟฟ้า Neta V ในประเทศไทยอีกด้วย

อ้างอิง: