×

สตาร์ทอัพจีนเขย่าวงการ AI โลก ‘DeepSeek’ ขึ้นแท่นแอปยอดนิยมอันดับ 1 ในสหรัฐฯ ท้าชิงผู้นำบิ๊กเทคฝั่งตะวันตก

27.01.2025
  • LOADING...
DeepSeek AI ขึ้นแท่นแอปยอดนิยมอันดับ 1 สหรัฐฯ

สหรัฐอเมริกานับเป็นประเทศที่ถูกมองจากคนทั่วโลกว่าเป็นผู้ที่ครองนวัตกรรมทางเทคโนโลยีขั้นสูงที่ล้ำหน้าที่สุดบนโลก โดยเฉพาะด้าน AI แต่ภาพจำเหล่านั้นอาจกำลังเปลี่ยนไป เมื่อจีนเองก็ไม่ยอมผ่อนแรงและเร่งพัฒนา AI ของตนเองให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น แม้จะถูกสหรัฐฯ ตั้งกำแพงการค้าต่างๆ เพื่อพยายามกีดกันการเข้าถึงเทคโนโลยีที่สำคัญก็ตาม

 

เพียง 1 สัปดาห์หลังจากการเปิดตัวเมื่อวันที่ 20 มกราคม โมเดล AI ของบริษัท DeepSeek รุ่น R1 ที่มาพร้อมความสามารถในการคิดวิเคราะห์ (Reasoning Capabilities) ก็ทำให้วงการ AI โลกต้องสั่นสะเทือน เนื่องจากผลการทดสอบศักยภาพของโมเดล AI เผยว่า ตัวโมเดล R1 ของสตาร์ทอัพสัญชาติจีนมีความสามารถเทียบเคียงหรือเหนือกว่าโมเดล o1 ในงานบางประเภท เช่น ‘แบบทดสอบคณิตศาสตร์ AIME’ ที่ DeepSeek-R1 ได้คะแนน 79.8% เฉือนชนะ o1 ที่เป็นหนึ่งในโมเดลล้ำหน้าที่สุดของ OpenAI ซึ่งทำได้ 79.2% ในขณะที่แบบทดสอบ GPQA Diamond ยังตามหลัง OpenAI อยู่เล็กน้อย

 

อีกหนึ่งส่วนสำคัญที่ DeepSeek ทำให้วงการ AI โลกต้องประหลาดใจก็คือข้อได้เปรียบของ ‘ราคา’ โดยบริษัทเคลมว่าโมเดลอีกรุ่นหนึ่งของตนที่ชื่อว่า ‘V3’ ใช้ต้นทุนในการฝึกเพียง 5.6 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งถูกกว่าเงินทุนที่หลายบริษัทเทคโนโลยีในฝั่งตะวันตกต้องใช้อย่างมีนัยสำคัญ โดย Dario Amodei ซีอีโอของ Anthropic ประเมินว่า การจะสร้างโมเดลต้องใช้ต้นทุนตั้งแต่ระดับ 100-1,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ 

 

Marc Andreessen นักลงทุน VC ชื่อดัง โพสต์บน X เมื่อวันศุกร์ (24 มกราคม) ว่า “DeepSeek-R1 คือนวัตกรรมล้ำหน้าที่น่าทึ่งมากที่สุดอันหนึ่งที่ผมเคยเห็น”

 

DeepSeek ก่อตั้งโดย Liang Wenfeng ผู้จัดการกองทุนเฮดจ์ฟันด์ ที่ตอนนี้กลายเป็นจุดศูนย์กลางของความภาคภูมิใจในระดับประเทศของเขาไปแล้ว โดยในสัปดาห์ที่ผ่านมา Liang เป็นผู้นำในวงการ AI เพียงคนเดียวที่ได้รับเลือกให้เข้าร่วมประชุมในหมู่นักธุรกิจของจีนกับผู้นำอันดับ 2 ของประเทศอย่าง Li Qiang ที่เน้นย้ำให้ผู้ประกอบการพยายามทุ่มเททำงานเพื่อทำลายข้อจำกัดด้านเทคโนโลยี

 

การเปิดตัวโมเดล R1 ของ DeepSeek ทิ้ง ‘โจทย์สำคัญ’ ที่กลายเป็นประเด็นให้กับเหล่าบริษัทในซิลิคอนแวลลีย์เกี่ยวกับทิศทางของ AI ในสหรัฐฯ ที่มีทรัพยากรพร้อมกว่า โดยเฉพาะชิปประมวลผลที่ล้ำหน้าที่สุด ซึ่งจีนไม่สามารถเข้าถึงได้จากการถูกสหรัฐฯ กีดกัน ดังนั้นสิ่งที่หลายคนจับตาคือสหรัฐฯ จะสามารถรักษาข้อได้เปรียบในการแข่งขันของตนเองได้อีกนานแค่ไหน ในระหว่างที่จีนเดินหน้ายุทธศาสตร์ AI ของตนอย่างต่อเนื่อง

 

The Wall Street Journal รายงานว่า โมเดล R1 และ V3 ของ DeepSeek มีประสิทธิภาพที่ดีกว่าหรือใกล้เคียงกับโมเดลชั้นนำจากบริษัทฝั่งตะวันตก โดย 2 โมเดลขยับเข้าไปอยู่ใน 10 อันดับแรกบน Chatbot Arena เว็บไซต์สำหรับการจัดอันดับประสิทธิภาพของแชตบอต (ข้อมูล ณ วันจันทร์ที่ 27 มกราคม) โดย Gemini ของ Google ครองอันดับ 1 ขณะที่โมเดลของ DeepSeek นำหน้า Claude ของ Anthropic และ Grok จาก xAI ของ Elon Musk

 

Anthony Poo ผู้ร่วมก่อตั้งสตาร์ทอัพด้านการเงิน ให้ข้อมูลกับ The Wall Street Journal ว่า บริษัทของเขาเปลี่ยนมาใช้งาน DeepSeek แทนโมเดลจาก Anthropic ตั้งแต่เดือนกันยายน เนื่องจากประสิทธิภาพของทั้ง 2 โมเดลใกล้เคียงกัน แต่ต้นทุนการใช้ DeepSeek คิดเป็นแค่ 1 ใน 4 ของการใช้โมเดลจาก Anthropic เท่านั้น

 

อย่างไรก็ตาม ใช่ว่า DeepSeek จะไม่มีจุดด้อยเลย เพราะนักวิจัยภายนอกที่ให้ข้อมูลกับ The Wall Street Journal เผยว่า DeepSeek ยังขาดศักยภาพในการประมวลผลและจดจำข้อมูลในบทสนทนายาวๆ ซึ่งเป็นสิ่งที่คู่แข่งฝั่งตะวันตกทำได้ดีกว่า อีกทั้งยังมีประเด็นความลำเอียงที่ไม่เลือกแสดงความเห็นเกี่ยวกับการวิจารณ์ผู้นำสูงสุดของจีนอย่าง Xi Jinping แต่ Barrett Woodside ผู้ร่วมก่อตั้ง Positron บริษัทฮาร์ดแวร์กล่าวว่า เรื่องนี้แก้ไขได้ เพราะโมเดลเป็นแบบ Open Source ทำให้นักพัฒนามีสิทธิ์แก้ไขโค้ดได้อย่างอิสระ

 

DeepSeek ถือเป็นแอปพลิเคชันที่ได้รับความนิยมอย่างร้อนแรงจากผู้ใช้งานทั่วไปในเวลาเพียงแค่ 1 สัปดาห์ โดย Business Insider เผยว่า แอปฟรีที่ถูกดาวน์โหลดมากที่สุดใน Apple App Store ของสหรัฐฯ ก็คือ DeepSeek – AI Assistant นำหน้า ChatGPT ที่ตามมาในอันดับ 2

 

สำหรับประเทศไทย DeepSeek – AI Assistant ขึ้นมาอยู่ในอันดับที่ 3 ของแอปยอดนิยมในหมวด Productivity ตามหลัง ทางรัฐ และ ChatGPT ในอันดับที่ 1 และ 2 ตามลำดับ

 

ภาพ: Greg Baker / Getty Images

อ้างอิง:

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising