สมาคมผู้สื่อข่าวสืบสวนสอบสวนนานาชาติ (ICIJ) ได้เผยแพร่เอกสารลับที่รั่วไหลมาจากรัฐบาลจีน ซึ่งเผยให้เห็นข้อมูลว่าทางการจีนมีการดำเนินการอย่างเป็นระบบในการล้างสมองนักโทษชาวมุสลิมนับแสนคน ที่ถูกคุมขังอยู่ในค่ายกักกันหลายแห่งที่มีการคุ้มกันระดับสูง ซึ่งสร้างขึ้นในเขตปกครองตนเองซินเจียงอุยกูร์ ทางตะวันตกของจีน ช่วง 3 ปีที่ผ่านมา ภายในค่ายมีนักโทษราว 1 ล้านคน ส่วนใหญ่เป็นชาวมุสลิมอุยกูร์ที่คาดว่าถูกส่งไปกักขังโดยไม่มีการไต่สวน
รัฐบาลจีนยืนยันมาตลอดว่านักโทษในค่ายกักกันดังกล่าวจะได้รับการดูแลและให้เข้าร่วมการฝึกฝนและการศึกษาด้วยความสมัครใจ เพื่อเป้าหมายในการต่อต้านลัทธิหัวรุนแรง ซึ่งขัดแย้งกับข้อมูลหลักฐานจากเอกสารลับ ที่ถูกส่งออกมาโดยรองเลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์ในเขตซินเจียง และเจ้าหน้าที่ความมั่นคงระดับสูงสุดที่ดูแลค่ายกักกันดังกล่าวช่วงปี 2017
เนื้อหาในเอกสารลับดังกล่าว รวมถึงบันทึกทั้งหมด 9 หน้า ระบุข้อแนะนำที่ชัดเจนในการควบคุมและสอดส่องชีวิตของนักโทษในค่ายกักกัน อาทิ
- เพิ่มมาตรการคุ้มกันในระดับสูง เพื่อไม่ให้มีนักโทษหลบหนี
- เพิ่มความเข้มงวดและลงโทษผู้ที่มีพฤติกรรมละเมิดกฎระเบียบ
- ส่งเสริมการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมและความเชื่อของนักโทษ ด้วยการสำนึกผิดและสารภาพบาป เพื่อให้นักโทษเข้าใจอย่างลึกซึ้ง ถึงการทำผิดกฎหมายและก่ออาชญากรรม ตลอดจนสำนึกในพฤติกรรมที่เป็นอันตรายในอดีต และเปลี่ยนแปลงทัศนคติในแง่ลบ
- เน้นความสำคัญในการให้นักโทษศึกษาภาษาจีนกลาง และเฝ้าระวังผ่านกล้องวงจรปิดเต็มรูปแบบทั้งในห้องขังและในห้องเรียน
การควบคุมชีวิตนักโทษแต่ละคนจะถูกกำหนดอย่างเข้มงวดและห้ามเปลี่ยนแปลง ทั้งตำแหน่งที่นอน ตำแหน่งการต่อแถว ตำแหน่งที่นั่งในห้องเรียน ตำแหน่งในการฝึกฝนทักษะการทำงาน
“การปลูกฝังแบบอย่างพฤติกรรมและระเบียบวินัย เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับนักโทษ ตั้งแต่การตื่นนอน, การเรียกแถว, ล้างจาน, เข้าห้องน้ำ, เก็บกวาดและทำความสะอาดที่พัก, การรับประทานอาหาร, การเรียน, นอนหลับ ไปจนถึงปิดประตูที่พัก ก่อนจะได้รับการปล่อยตัว” ส่วนหนึ่งของเนื้อหาเอกสารลับระบุ
ขณะที่นักโทษที่มีพฤติกรรมการเรียน การฝึกอาชีพ และการเปลี่ยนแปลงแนวคิดที่ดี รวมถึงปฏิบัติตามกฎระเบียบ จะได้คะแนนพิเศษและได้รางวัล เช่น อนุญาตให้ติดต่อครอบครัวได้ ขณะที่นักโทษทั้งหมดจะได้รับการปล่อยตัวต่อเมื่อคณะกรรมาธิการพรรคคอมมิวนิสต์เล็งเห็นว่ามีหลักฐานยืนยันว่าพวกเขามีการเปลี่ยนแปลงตัวตนแล้วเท่านั้น
เบน เอ็มเมอร์สัน ทนายความด้านสิทธิมนุษยชนและที่ปรึกษาสภาอุยกูร์โลกชี้ว่า ค่ายกักกันดังกล่าวพยายามที่จะเปลี่ยนแปลงตัวตนทั้งหมดของนักโทษ
“มันยากที่จะมองว่าสิ่งที่เกิดขึ้นนั้นเป็นอย่างอื่น นอกเหนือจากการล้างสมองแบบหมู่ ที่ถูกออกแบบและกำหนดมาเพื่อนักโทษชนกลุ่มน้อย” เอ็มเมอร์สันกล่าว
นอกจากนี้เอกสารอื่นๆ ยังยืนยันให้เห็นถึงกระบวนการกักขังนักโทษที่ไม่ปกติ เช่น ครั้งหนึ่งพบว่าประชาชนจากทางตอนใต้ของซินเจียงราว 15,000 คน ถูกส่งไปอยู่ในค่ายกักกันต่างๆ เป็นเวลาประมาณ 1 สัปดาห์ ในช่วงปี 2017
ภาพ: Greg Baker / AFP via Getty Images
พิสูจน์อักษร: พรนภัส ชำนาญค้า
อ้างอิง: