×

หุ้นจีนคืนชีพ? ‘สีจิ้นผิง’ จ่อหารือ ก.ล.ต. กู้วิกฤตศรัทธา เบรกทุนต่างชาติหนีไปอินเดีย

06.02.2024
  • LOADING...
หุ้นจีน

ดัชนีตลาดหุ้นจีนและตลาดหุ้นฮ่องกงพุ่งขึ้นอย่างโดดเด่นในวันนี้ (6 กุมภาพันธ์) โดยดัชนี CSI 300 เพิ่มขึ้น 3.5% ขณะที่ดัชนี Hang Seng ของฮ่องกงเพิ่มขึ้น 4% นอกจากนี้ ดัชนีหุ้นจีนอื่นๆ อย่าง CSI 1000 ซึ่งเป็นตัวแทนหุ้นขนาดกลางและเล็กในจีน ปรับตัวขึ้นถึง 8% รวมถึงดัชนี SZSE Component ของเซินเจิ้นก็ปรับตัวขึ้นได้ถึง 6.2% 

 

ตั้งแต่ปี 2021 หุ้นจีนและฮ่องกงเผชิญแรงเทขายอย่างต่อเนื่อง จนทำให้มูลค่าของตลาดหายไปราว 7 ล้านล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 250 ล้านล้านบาท ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นผลจากนโยบายของรัฐบาลจีนที่ต้องการลดความร้อนแรงของการเก็งกำไรทั้งในตลาดหุ้นและในบางอุตสาหกรรม เช่น อสังหาริมทรัพย์ ขณะเดียวกันก็ได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลง 

 

ล่าสุด หุ้นจีนกลับมามีความหวังอีกครั้ง โดย Bloomberg รายงานว่า สีจิ้นผิง ประธานาธิบดีจีน เตรียมที่จะหารือกับหน่วยงาน ก.ล.ต. ของจีน เพื่อหาแนวทางแก้วิกฤตศรัทธาที่เกิดขึ้นกับหุ้นจีน

 

รัฐศรัณย์ ธนไพศาลกิจ ผู้อำนวยการอาวุโส หัวหน้าฝ่ายหลักทรัพย์ต่างประเทศและฟิวเจอร์ส บล.บัวหลวง มองว่าสถานการณ์ที่เกิดขึ้นกับหุ้นจีนเป็นวิกฤตความเชื่อมั่น

 

“นักลงทุนไม่มั่นใจว่ารัฐบาลจีนจะออกมาตรการอะไรซึ่งกระทบต่อตลาดหุ้นอีกหรือไม่ แม้กำไรของบริษัทจีนจะดีขึ้น เช่นเดียวกับบริษัทเทคโนโลยีที่พัฒนาจนแข่งขันกับสหรัฐฯ ได้ แต่นักลงทุนกลับให้มูลค่าหุ้นจีนในระดับที่ต่ำกว่ามาก” 

 

รัฐศรัณย์มองว่า หนึ่งในปัจจัยสำคัญที่จะช่วยให้หุ้นจีนทะยานกลับมาได้อย่างมั่นคง คือกองทุนพยุงหุ้นที่อาจมีมูลค่าสูงถึง 10 ล้านล้านบาท (ราว 1.99 ล้านล้านหยวน) เข้ามาเป็นตัวจุดชนวนให้นักลงทุนกลับมาสนใจหุ้นจีนอีกครั้ง

 

“ส่วนภาพระยะสั้น จากสถิติในอดีตที่ไม่ใช่ 3 ปีที่ผ่านมา หุ้นจีนมักจะให้ผลตอบแทนเป็นบวกหลังจากวันหยุดยาวช่วงเทศกาลตรุษจีน ซึ่งปีนี้ตรงกับวันที่ 9-13 กุมภาพันธ์”

 

Li Weiqing ผู้จัดการกองทุนของ JH Investment Management Co. เชื่อว่า “นี่คือเวลาที่ควรซื้อหุ้นจีน ข่าวที่ว่าผู้นำสูงสุดของจีนจะร่วมประชุมเป็นการบ่งบอกว่าการดิ่งลงของหุ้นจีนใกล้ฟื้นตัวจากนโยบายที่ผ่อนคลายลง” 

 

ขณะที่เม็ดเงินลงทุนต่างชาติที่เคยไหลออกจากหุ้นจีนอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดกลับมาไหลเข้าคิดเป็นมูลค่ากว่า 1.8 พันล้านดอลลาร์ เฉพาะช่วงบ่ายของวันที่ 6 กุมภาพันธ์  

 

Linda Lam หัวหน้าฝ่ายที่ปรึกษาตลาดทุนภูมิภาคเอเชียเหนือของ Union Bancaire Privée กล่าวว่า จากประสบการณ์ตั้งแต่ปี 2015 ซึ่งหุ้นจีนผ่านสถานการณ์ที่คล้ายกัน ทั้งเศรษฐกิจชะลอตัว และการเก็งกำไรที่ลดลง หากมองย้อนกลับไปจะเห็นว่าการฟื้นตัวจะไม่ได้เป็นแบบ V-Shape และมั่นคงภายในไม่กี่วัน แต่จะต้องใช้เวลาหลายเดือนกว่าที่นักลงทุนจะกลับมาเชื่อมั่นอีกครั้ง

 

กองทุนสหรัฐฯ แห่ขนเงินออกจากหุ้นจีนไปหาหุ้นอินเดีย

 

ช่วงที่ผ่านมา นักลงทุนทั่วโลกต่างจับตามองจีนและอินเดีย ซึ่งเป็นสองประเทศที่มีเศรษฐกิจขนาดใหญ่ของเอเชีย โดยอินเดียในฐานะเศรษฐกิจหลักที่เติบโตเร็วที่สุดของโลกในเวลานี้ 

 

สิ่งที่ต้องติดตามหลังจากนี้คือท่าทีของกองทุนต่างชาติ โดยเฉพาะกองทุนสหรัฐฯ ที่ก่อนหน้านี้มองว่าตลาดหุ้นอินเดียเป็นตลาดที่น่าสนใจมากกว่า จนล่าสุดมูลค่าของสินทรัพย์ของ iShares MSCI India ETF ที่เคยต่ำกว่า iShares MSCI China ETF ราวเท่าตัว ปัจจุบันกลับพุ่งขึ้นมามีมูลค่า 8.1 พันล้านดอลลาร์ สวนทางกับมูลค่าของ ETF หุ้นจีนที่ลดลงไปเหลือ 4.9 พันล้านดอลลาร์ 

 

โดยปี 2023 ที่ผ่านมา กองทุนหุ้นจีนที่ใหญ่ที่สุด 4 อันดับแรก มียอดขายสุทธิเกือบ 800 ล้านดอลลาร์ ขณะที่ Morgan Stanley ทำนายว่าตลาดหุ้นอินเดียจะกลายเป็นตลาดที่มีมูลค่ามากที่สุดอันดับ 3 ของโลก ภายในปี 2030 

 

จากข้อมูลในอดีตที่ผ่านมา จะเห็นว่าตัวเลขการเติบโตของเศรษฐกิจอินเดียกับมูลค่าตลาดหุ้นค่อนข้างจะใกล้เคียงกัน หากเศรษฐกิจอินเดียยังเติบโตได้ในระดับใกล้เคียงกัน หากเศรษฐกิจอินเดียยังเติบโตได้ในระดับ 7% ต่อปี ตลาดหุ้นก็น่าจะเติบโตได้ในระดับนั้น 

 

อ้างอิง:

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising