×

ต้องดูเป็นตัวอย่าง ทางการจีนเข้มเก็บภาษีเศรษฐี โอนให้ลูก-ถือสัญชาติอื่นก็ต้องจ่ายด้วย

03.01.2019
  • LOADING...

หลังจากรัฐบาลจีนปรับกฎหมายเพื่อยกระดับกระบวนการทางภาษีใหม่ มีผลตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2562 ที่ผ่านมา ทำให้บรรดามหาเศรษฐีจีนตอนนี้ต่างหายใจไม่ทั่วท้อง เพราะจากนี้ไปทางการจะตรวจสอบการถือครองทรัพย์สินและการลงทุนให้เข้มข้นมากขึ้นกว่าเดิม

 

หากพิจารณาตัวเลขความมั่งคั่งของชาวจีนในปี 2018 ที่ผ่านมาพุ่งสูงถึง 24 ล้านล้านเหรียญสหรัฐหรือราว 768 ล้านล้านบาท ซึ่งมีเม็ดเงินถึง 1 ล้านล้านเหรียญสหรัฐหรือราว 32 ล้านล้านบาทถูกถือครองในต่างประเทศ และช่วงที่ผ่านมาเม็ดเงินจากผู้มีอันจะกินเหล่านี้ทะลักออกนอกโลก ไปกว้านซื้อสินทรัพย์มหาศาลและผลักดันราคาให้ทะยานสูงขึ้นตั้งแต่อสังหาริมทรัพย์ ไวน์และงานศิลปะระดับโลก จากข้อมูลของ Boston Consulting Group (BCG) บริษัทให้คำปรึกษาชั้นนำของโลกรายงานว่า ตัวเลขทรัพย์สินของเศรษฐีจีนเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าจากปี 2012 จากเดิมมูลค่าต่ำกว่า 5 แสนล้านเหรียญสหรัฐ และค่อยๆ ขยับต่อเนื่องจนแตะ 1 ล้านล้านเหรียญสหรัฐในปัจจุบัน ด้วยเม็ดเงินขนาดใหญ่ จึงเป็นเป้าหมายสำคัญที่ทางการจีนจะเข้ามาจัดการเพื่อผลประโยชน์ของประเทศ

 

มาตรการใหม่นี้ด้วยระบบ Golden Tax System เฟส 3 ของทางการจีนจะตรวจสอบที่มาของรายได้ผ่านการรวมข้อมูลจากทุกหน่วยงานเป็นแพลตฟอร์มเดียวกัน ซึ่งจะลงลึกได้ทั้งกรณีที่ผู้มีเงินได้แบ่งรายรับออกเป็นหลายแหล่ง หรือสวมเลขบัตรประจำตัวประชาชนของผู้อื่นรับเงินแทน นอกจากนี้บริษัทออฟชอร์ของจีนที่ไปเปิดกิจการในต่างประเทศเพื่อสิทธิด้านภาษี ไม่เพียงต้องจ่ายภาษีจากเงินปันผลเท่านั้น แต่ยังต้องเสียภาษีอีก 20% ของกำไรองค์กรเพิ่มด้วย จากเดิมที่จะเก็บภาษีในระดับที่ต่ำมากจนเกือบเป็นศูนย์ ทำให้ตอนนี้ต้องจัดการทรัพย์สินในรูปของทรัสต์ ซึ่งจะไม่ต้องเสียภาษีจนกว่าจะมีการจ่ายเงินปันผล โดยทรัสต์จะถูกตรวจสอบง่ายกว่าอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งปัจจุบันมีข้อตกลงในการแชร์ข้อมูลร่วมกันชื่อ Common Reporting Standard (CRS)

 

สำหรับเศรษฐีจีนจะใช้วิธีถือพาสปอร์ตต่างชาติหรือกรีนการ์ด และยังคงสถานะพลเมืองของจีนไว้ แต่มาตรการใหม่จะเก็บภาษีทั้งหมดกับใครก็ตามที่มีชื่อใน ‘ฮู่โข่ว’ หรือระบบสำมะโนครัวของจีน ดังนั้นทุกคนต้องรายงานที่มาของรายได้ในทุกกรณี ไม่ว่าคนคนนั้นถือสัญชาติอื่นด้วยหรือไม่ก็ตาม จึงเป็นเหตุให้หลายคนเลือกที่จะยกเลิกสัญชาติจีนของตัวเองภายในปี 2018 ที่ผ่านมา ขณะที่เทคนิคเดิมๆ อย่างการโอนสินทรัพย์เป็นชื่อญาติหรือบุคคลอื่นก็จะถูกตรวจสอบเข้มขึ้น โดยผู้รับโอนสินทรัพย์จะต้องเสียภาษี 20% ของราคาสินทรัพย์ที่เพิ่มขึ้น (Asset Appreciated Value) กรณีผู้รับโอนเป็นต่างชาติอาจถูกเก็บภาษีในระดับที่สูงขึ้นอีก เนื่องจากเมื่อถ่ายโอนแล้วจะอยู่นอกเหนือการติดตามของทางการจีน

 

ถือเป็นอีกก้าวที่น่าจับตาว่าหลังจากที่ทางการจีนภายใต้การบริหารของประธานาธิบดีสีจิ้นผิง ออกโรงปราบคอร์รัปชันจนเป็นที่ฮือฮาไปทั้งโลก รอบนี้จะเข้มงวดกับบรรดาเศรษฐีจีนที่ถือเป็นเส้นเลือดสำคัญของดินแดนพญามังกรนี้ได้เพียงไร

 

พิสูจน์อักษร: ลักษณ์นารา พักตร์เพียงจันทร์

อ้างอิง:

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising