จีนสั่งปิดสถานกงสุลสหรัฐฯ ในเมืองเฉิงตู เพื่อตอบโต้การที่สหรัฐฯ สั่งปิดสถานกงสุลจีนในเมืองฮุสตันไปก่อนหน้านี้ ขณะที่ความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศตกต่ำและตึงเครียดอย่างหนักจากสงครามการค้า สงครามเทคโนโลยี สงครามวัคซีน และกำลังขยายวงสู่สงครามการทูต
ก่อนหน้านี้สหรัฐฯ ขีดเส้นตายให้จีนปิดสถานกงสุลเมืองฮุสตันภายใน 72 ชั่วโมง โดยให้เหตุผลว่า สถานกงสุลดังกล่าวมีความเกี่ยวข้องกับการขโมยทรัพย์สินทางปัญญาของสหรัฐฯ ขณะที่กระทรวงการต่างประเทศของจีนระบุว่า การปิดสถานกงสุลในเมืองเฉิงตูเป็นมาตรการตอบโต้ที่ถูกต้องและจำเป็น
“สถานการณ์ล่าสุดระหว่างจีนและสหรัฐฯ เป็นสิ่งที่จีนไม่อยากเห็น และสหรัฐฯ ต้องแบกความรับผิดชอบเหล่านั้นทั้งหมด” กระทรวงการต่างประเทศจีนระบุในแถลงการณ์
สถานกงสุลสหรัฐฯ ประจำเมืองเฉิงตู มณฑลเสฉวน (ซื่อชวน) ตั้งขึ้นเมื่อปี 1985 โดยปัจจุบันมีเจ้าหน้าที่และนักการทูตปฏิบัติงานอยู่กว่า 200 คน นอกจากนี้ยังมีความสำคัญในเชิงยุทธศาสตร์ที่ตั้ง เนื่องจากอยู่ใกล้กับเขตปกครองตนเองทิเบต
ความเคลื่อนไหวของจีนมีขึ้นไม่นานหลังจากที่สหรัฐฯ ประกาศตั้งข้อหาพลเมืองจีน 4 คน ฐานโกงวีซ่าและปกปิดข้อมูลความสัมพันธ์กับกองทัพจีน โดยเจ้าหน้าที่กระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ ระบุว่า พรรคคอมมิวนิสต์จีนมีแผนส่งนักวิทยาศาสตร์เข้ามาแสวงหาผลประโยชน์จากสถาบันการศึกษาสหรัฐฯ โดยอาศัยวีซ่าการค้นคว้าวิจัย
นอกจากประเด็นข้างต้นแล้ว สหรัฐฯ และจีนยังมีปมบาดหมางจากกรณีการบังคับใช้กฎหมายความมั่นคงแห่งชาติของจีนในฮ่องกง รวมทั้งประเด็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนชาวอุยกูร์ในเขตปกครองตนเองซินเจียง ซึ่งทำให้สหรัฐฯ ตัดสินใจถอดสถานภาพพิเศษของฮ่องกง และผ่านกฎหมายคว่ำบาตรเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับการผลักดันกฎหมายในฮ่องกงและละเมิดสิทธิมนุษยชนในซินเจียง ขณะที่ความขัดแย้งด้านเทคโนโลยีก็ยังดำเนินอยู่ต่อเนื่อง หลังสหรัฐฯ ประกาศแบนอุปกรณ์ของ Huawei ไปก่อนหน้านี้
พิสูจน์อักษร: ภาวิกา ขันติศรีสกุล
อ้างอิง: