×

ล็อกดาวน์จีนระลอกใหม่เสี่ยงฉุด GDP อีกระลอก Credit Suisse หวังเห็นการเปิดเมืองจริงจังปลายไตรมาส 1 ปี 2023

24.11.2022
  • LOADING...
ล็อกดาวน์จีน

ตัวเลขผู้ป่วยโควิดในประเทศจีนพุ่งสูงขึ้นอีกครั้งจนใกล้เคียงกับระดับสูงสุดเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา โดยทางการจีนได้รายงานจำนวนผู้ติดเชื้อใหม่เกือบ 28,000 คน เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา จากการแพร่ระบาดหนักในเมืองสำคัญอย่างปักกิ่ง กว่างโจว และฉงชิ่ง

 

เป็นช่วงเวลาเกือบ 3 ปี หลังการระบาดของโควิดครั้งแรกที่เมืองอู่ฮั่น แต่อัตราส่วนของการฉีดวัคซีนของประชาชนจีนยังคงอยู่ในระดับต่ำกว่าประเทศใหญ่หลายประเทศ ในขณะที่ทางการจีนยังเลือกใช้วิธีการล็อกดาวน์เป็นแนวทางหลักในการควบคุมการแพร่ระบาด 


ข่าวที่เกี่ยวข้อง:


ล่าสุดทางการจีนได้สั่งปิดธุรกิจที่ไม่ใช่บริการที่จำเป็นต่อการดำรงชีพในเขตเมืองใหญ่หลายแห่ง อย่างเมืองเฉาหยางที่มีประชากร 3.4 ล้านคน ถูกสั่งปิดร้านอาหารและสถานบันเทิงเกือบทั้งหมด และออกประกาศให้ประชาชนทำงานจากที่บ้าน 

 

Ting Lu ประธานทีมเศรษฐกิจจีนของโนมูระ กล่าวว่า “จีนกำลังเผชิญกับการล็อกดาวน์ที่เข้มข้นมากที่สุด ซึ่งหนักหนากว่าการล็อกดาวน์เซี่ยงไฮ้ก่อนหน้านี้ เพราะครั้งนี้มีเมืองจำนวนมากที่เผชิญกับการล็อกดาวน์บางส่วน”

 

นอกจากนี้โนมูระยังประเมินว่าการควบคุมโควิดรอบนี้จะกระทบต่อพื้นที่ในหลายเมือง ซึ่งมีส่วนต่อ GDP จีนราว 1 ใน 5 ของ GDP ทั้งประเทศ 

 

ก่อนหน้านี้การล็อกดาวน์ของจีนทำให้เศรษฐกิจของประเทศเติบโตชะลอลงในไตรมาส 2 เหลือเพียง 0.4% จากปีก่อนหน้า ขณะที่การคุมเข้มอย่างต่อเนื่องยังได้กระทบต่อเศรษฐกิจภายรวม และทำให้ยอดค้าปลีกลดลง 0.5% ในเดือนตุลาคมที่ผ่านมา 

 

ในมุมของ John Woods ประธานเจ้าหน้าที่บริหารการลงทุน ประจำภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก Credit Suisse กล่าวว่า เศรษฐกิจจีนในปี 2023 มีแนวโน้มจะฟื้นตัวได้พอประมาณ โดยคาดว่า GDP จะเติบโต 4.5% จากปีนี้ที่คาดว่าจะเติบโตได้ 3.3% 

 

อย่างไรก็ตาม เศรษฐกิจจีนจะยังถูกกดดันจากนโยบาย Zero-COVID ขณะเดียวกันยอดขายของภาคอสังหาริมทรัพย์จะยังคงอ่อนแอต่อไป แม้ว่ามาตรการควบคุมโควิดจะจบลงไปแล้ว โดยเราคาดว่าการฟื้นตัวของภาคอสังหาจีนจะเป็นรูปแบบของ L Shape 

 

“เราคาดว่าจีนจะเปิดประเทศได้ช่วงปลายไตรมาส 1 ซึ่งล่าช้ากว่าการเปิดประเทศของฮ่องกงราว 6 เดือน หลังจากที่การฉีดวัคซีนในจีนเริ่มมากขึ้น”

 

สำหรับผลกระทบต่อตลาดหุ้นจีนจากการล็อกดาวน์ครั้งนี้ ดัชนี CSI 300 ลดลง 2.5% จากสัปดาห์ก่อน ส่งผลให้ดัชนีลดลงมาแล้วประมาณ 25% จากต้นปี 

 

นอกจากนี้ Goldman Sachs Group ยังได้ประเมินว่า การยึดมั่นต่อนโยบาย Zero-COVID ของจีน อาจจะกระทบต่อมาตรการฟื้นฟูภาคอสังหาของจีน และอาจทำให้นโยบายช่วยเหลือไม่เกิดประสิทธิผลเท่าที่ควร 

 

ทั้งนี้ Goldman คาดการณ์ว่าจีนจะเปิดประเทศ ซึ่งในที่นี้หมายถึงการที่ทางการจีนจะไม่ล็อกดาวน์อีกต่อไปเมื่อจำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้น จะเกิดขึ้นในครึ่งปีแรกของปี 2023 

 

นักเศรษฐศาสตร์คาดไร้ความหวังจีนยกเลิก Zero-COVID

Larry Hu หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์จีนจาก Macquarie กล่าวว่า จำนวนผู้ติดโควิดที่เพิ่มขึ้นทั่วประเทศจีน ทำให้เป็นเรื่องยากขึ้นสำหรับรัฐบาลจีนที่จะบรรลุกลยุทธ์ ‘โควิดเป็นศูนย์’ โดยไม่กลับไปใช้มาตรการล็อกดาวน์ที่รุนแรง

 

ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา จำนวนผู้ติดเชื้อรายวันเพิ่มขึ้นเป็นประมาณหรือมากกว่า 28,000 ราย ซึ่งใกล้เคียงกับระดับที่เห็นในเดือนเมษายน ซึ่งนำไปสู่การปิดเมืองอย่างเข้มงวดในเซี่ยงไฮ้ 

 

โดยตามการคำนวณของ CNBC ซึ่งใช้ข้อมูลจาก Wind Information แสดงให้เห็นว่า ครั้งสุดท้ายที่จีนพบผู้ติดเชื้อเพียงไม่กี่คนต่อวันคือในเดือนมิถุนายน หรือไม่นานหลังจากเซี่ยงไฮ้ผ่อนคลายการล็อกดาวน์

 

การระบาดระลอกล่าสุดโจมตีเมืองกว่างโจวทางตอนใต้ของจีน กรุงปักกิ่ง และเมืองทางภาคกลางหลายแห่งของจีน ทำให้เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นต้องออกมาตรการเข้มงวดกับธุรกิจและกิจกรรมทางสังคมเพิ่มขึ้นในเดือนนี้

 

Hu กล่าวอีกว่า “จีนอาจผ่านจุดที่กลับตัวไม่ได้ไปแล้ว” เนื่องจากจีนไม่น่าจะบรรลุเป้าหมายโควิดเป็นศูนย์ได้ หากไม่ล็อกดาวน์แบบเดียวกับเซี่ยงไฮ้ และสิ่งที่ผู้กำหนดนโยบายสามารถทำได้ในตอนนี้คือ การชะลอการแพร่ระบาดของไวรัส โดยกระชับมาตรการควบคุมโควิดให้เข้มงวดขึ้น

 

ตลาดมีการคาดเดากันมานานหลายสัปดาห์เกี่ยวกับจังหวะเวลาที่จีนจะเลิกใช้นโยบายโควิดเป็นศูนย์ที่เข้มงวด หลังการควบคุมดังกล่าวส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ จะเห็นได้ว่า เศรษฐกิจเซี่ยงไฮ้ ซึ่งถูกล็อกดาวน์ มีการเติบโตเพียง 3% ในช่วง 3 ไตรมาสแรกของปีนี้

 

อ้างอิง:

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising