รายงานจากสถาบันคลังสมองของออสเตรเลียชี้ให้เห็นว่า สหรัฐอเมริกาและประเทศตะวันตกอื่นๆ กำลังพ่ายแพ้ให้กับจีนในการแข่งขันเพื่อพัฒนาความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โดยจีนเป็นผู้นำโลกด้านเทคโนโลยีที่สำคัญ 37 สาขา จาก 44 สาขา ทั้งยังมีศักยภาพที่จะผูกขาดความเป็นผู้นำในบางสาขา อย่างเช่น วัสดุและการผลิตระดับนาโน ชีววิทยาสังเคราะห์ ไฮโดรเจนและแอมโมเนียสำหรับพลังงาน
สถาบันนโยบายยุทธศาสตร์ออสเตรเลีย (Australian Strategic Policy Institute: ASPI) ระบุในรายงาน Critical Technology Tracker ซึ่งติดตามความก้าวหน้าของเทคโนโลยีที่สำคัญมาเป็นระยะเวลา 1 ปี และได้รับการเผยแพร่ในที่การประชุม Raisina Dialogue กรุงนิวเดลี เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา (2 มีนาคม) ว่า จีนมีศักยภาพที่จะกลายเป็นมหาอำนาจด้านเทคโนโลยีอันดับ 1 ของโลก โดยปัจจุบันจีนครองความเป็นผู้นำแล้วในหลายสาขาตั้งแต่การป้องกันประเทศ, อวกาศ, วิทยาการหุ่นยนต์, พลังงาน, สิ่งแวดล้อม, เทคโนโลยีชีวภาพ, ปัญญาประดิษฐ์ (AI), วัสดุขั้นสูง ไปจนถึงเทคโนโลยีควอนตัม
รายงานระบุด้วยว่า โดรน, แมชชีนเลิร์นนิง, แบตเตอรี่ไฟฟ้า, พลังงานนิวเคลียร์, เซลล์แสงอาทิตย์, เซ็นเซอร์ควอนตัม, การสกัดแร่ธาตุที่สำคัญ, ไฮเปอร์โซนิก และการสื่อสารด้วยคลื่นความถี่วิทยุขั้นสูง เช่น 5G และ 6G ล้วนเป็นอุตสาหกรรมสำคัญที่จีนเป็นเจ้าตลาดอยู่ในเวลานี้
“การวิจัยของเราเผยให้เห็นว่า จีนได้สร้างรากฐานเพื่อวางตำแหน่งตัวเองเป็นมหาอำนาจด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีชั้นนำของโลก” รายงานระบุ “โดยเทคโนโลยีในบางสาขานั้นสถาบันวิจัยชั้นนำ 10 อันดับแรกของโลกล้วนตั้งอยู่ในประเทศจีน” ยกตัวอย่างเช่น ระบบไฮเปอร์โซนิก ซึ่งจีนเป็นที่ตั้งของสถาบันวิจัย 7 ใน 10 อันดับแรกของโลกในสาขานี้
เมื่อเปรียบเทียบกันแล้ว สหรัฐฯ ครองความเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีเพียง 7 สาขาที่เหลือ เช่น วัคซีน ควอนตัมคอมพิวเตอร์ และระบบปล่อยตัวสู่อวกาศ จากการเปิดเผยของสถาบัน ASPI ซึ่งได้รับเงินทุนจากรัฐบาลออสเตรเลีย สหราชอาณาจักร และสหรัฐฯ รวมถึงภาคเอกชน
รายงานระบุด้วยว่า สหราชอาณาจักรและอินเดียติด 1 ใน 5 ประเทศชั้นนำสำหรับเทคโนโลยี 29 สาขา จากทั้งหมด 44 สาขา ขณะที่เกาหลีใต้และเยอรมนีติด 5 อันดับแรกใน 20 และ 17 สาขา ตามลำดับ
ASPI ระบุว่า ความเหนือกว่าที่เพิ่มขึ้นของจีนในด้านเทคโนโลยีนั้นเกิดจากการวางแผนนโยบายระยะยาวของรัฐบาลและเหล่าผู้นำจีนหลายยุคหลายสมัย และสิ่งนี้ควรเป็นสัญญาณปลุกประเทศประชาธิปไตยให้ตื่นตัวขึ้น
“ความเป็นผู้นำของจีนคือผลผลิตของการออกแบบโดยเจตนาและการวางแผนนโยบายระยะยาว ดังที่ สีจิ้นผิง และผู้นำรุ่นก่อนของเขา วางโครงร่างไว้” รายงานระบุ
นอกจากนี้สถาบันคลังสมองออสเตรเลียยังระบุด้วยว่า ความสามารถที่เหนือกว่าของจีนไม่ได้หมายความถึงเพียงแค่การพัฒนาด้านเทคโนโลยีเกือบทุกสาขาในปัจจุบันเท่านั้น แต่ยังรวมถึงเทคโนโลยีในอนาคตที่ยังไม่มีอยู่จริงในตอนนี้
“สิ่งนี้อาจสร้างการเปลี่ยนแปลงไม่เฉพาะเพียงแค่การพัฒนาและการควบคุมทางเทคโนโลยีเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงการย้ายอำนาจและอิทธิพลระดับโลกให้ไปสู่รัฐเผด็จการ ซึ่งการพัฒนา การทดสอบ และการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีที่เกิดขึ้นใหม่ ที่สำคัญ และเทคโนโลยีทางทหารนั้นไม่เปิดเผย ไม่โปร่งใส และไม่สามารถตรวจสอบได้โดยภาคประชาสังคมและสื่ออิสระ”
พร้อมกันนี้สถาบันคลังสมองยังได้เสนอคำแนะนำ 23 ข้อสำหรับประเทศตะวันตก ตลอดจนหุ้นส่วนและพันธมิตรของชาติตะวันตก ซึ่งคำแนะนำดังกล่าวรวมถึงการจัดตั้งกองทุนความมั่งคั่งแห่งชาติเพื่อเป็นทุนในการวิจัยและพัฒนา (R&D) การอำนวยความสะดวกด้านวีซ่าเทคโนโลยี การเลือกทำธุรกิจหรือลงทุนเฉพาะกับประเทศที่เป็นมิตร (Friend-Shoring) และการแสวงหาความร่วมมือใหม่ๆ ระหว่างภาครัฐและเอกชน เป็นต้น
ภาพ: Andrey Suslov via ShutterStock
อ้างอิง:
- https://www.theguardian.com/world/2023/mar/02/china-leading-us-in-technology-race-in-all-but-a-few-fields-thinktank-finds
- https://www.aljazeera.com/economy/2023/3/3/china-beating-west-in-race-for-critical-technologies-report-says