ศุลกากรจีนเผยยอด ส่งออก -นำเข้าเดือนกรกฎาคม พบส่งออกเติบโตต่ำกว่าที่คาดการณ์ ขณะที่การนำเข้าเพิ่มขึ้นมากกว่าที่ประเมินไว้
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานการเปิดเผยข้อมูลของศุลกากรจีนว่า การส่งออกของจีนในเดือนกรกฎาคมเติบโตต่ำกว่าที่คาดการณ์ ขณะที่การนำเข้าเพิ่มขึ้นแข็งแกร่งเกินคาด โดยมูลค่าการส่งออกเมื่อคิดเป็นดอลลาร์สหรัฐเพิ่มขึ้น 7% ในเดือนกรกฎาคม เมื่อเทียบกับปีที่แล้วต่ำกว่าคาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้น 9.7% นอกจากนี้ตัวเลขในเดือนกรกฎาคมยังเติบโตช้ากว่าระดับ 8.6% ในเดือนมิถุนายน ด้านการนำเข้าเพิ่มขึ้น 7.2% ในเดือนกรกฎาคม มากกว่าที่คาดการณ์ไว้ที่ 3.5% เป็นอย่างมาก
จากการคำนวณข้อมูลของ CNBC พบว่าจีนนำเข้าจากสหรัฐอเมริกาเพิ่มขึ้น 24% เมื่อเทียบเป็นรายปีในเดือนกรกฎาคม ขณะที่จีนนำเข้าจากอาเซียนเพิ่มขึ้น 11% และนำเข้าจากสหภาพยุโรปเพิ่มขึ้น 7% อย่างไรก็ตาม หากนับตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบัน พบว่าจีนนำเข้าจากสหรัฐฯ ลดลง 1.4% แต่ส่งออกเพิ่มขึ้น 2.4%
ในส่วนของการนำเข้าน้ำมันดิบของจีนในเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมาเพิ่มขึ้น 8% และการนำเข้าก๊าซธรรมชาติเพิ่มขึ้น 6%
ด้านการส่งออกจากจีนไปยังสหรัฐฯ และสหภาพยุโรปเมื่อคิดเป็นดอลลาร์สหรัฐเพิ่มขึ้น 8% ในเดือนกรกฎาคม ขณะที่การส่งออกไปยังอาเซียนพุ่งสูงขึ้น 12% ทำให้อาเซียนกลายเป็นคู่ค้ารายใหญ่ที่สุดของจีนอย่างชัดเจน ส่วนการส่งออกของจีนไปยังรัสเซียลดลง 3% ขณะที่การนำเข้าเพิ่มขึ้น 5%
ขณะที่การส่งออกรถยนต์ของจีนเพิ่มขึ้น 26% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว สู่ระดับ 5.53 แสนคัน การส่งออกเครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้านเพิ่มขึ้น 17% เช่นเดียวกับการส่งออกสมาร์ทโฟนก็ปรับตัวเพิ่มขึ้นเช่นกัน แต่การส่งออกแร่หายากลดลง 19%
ในสกุลเงินหยวน การส่งออกชะลอตัวลงจากเดือนมิถุนายน มาอยู่ที่ 6.5% เมื่อเทียบปีต่อปีในเดือนกรกฎาคม การนำเข้าในสกุลเงินหยวนเพิ่มขึ้น 6.6% ในเดือนกรกฎาคม เพิ่มขึ้นจาก -0.6% ในเดือนมิถุนายน
ทั้งนี้ ในเดือนมิถุนายน การนำเข้าลดลงอย่างไม่คาดคิด เนื่องจากความต้องการภายในประเทศยังคงอ่อนแอ ท่ามกลางแรงกดดันจากอสังหาริมทรัพย์และการใช้จ่ายผู้บริโภคที่ซบเซา การส่งออกยังคงเป็นจุดสว่างหนึ่งเดียวในเศรษฐกิจจีน
เศรษฐกิจจีนเติบโต 5% ในช่วงครึ่งปีแรกของปี แต่เดือนมิถุนายนเห็นการชะลอตัวการเติบโตของยอดค้าปลีกเหลือ 2% ทำให้เกิดข้อสงสัยเกี่ยวกับการบรรลุเป้าหมาย GDP ตลอดทั้งปี 2024
สิ้นสุดวัฏจักรการค้าขาขึ้น
สำนักข่าว Reuters รายงานว่า การส่งออกของจีนเติบโตต่ำสุดในรอบ 3 เดือนในเดือนกรกฎาคม ไม่เป็นไปตามคาดการณ์ และเพิ่มความกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มของภาคการผลิตขนาดใหญ่ ขณะเดียวกัน การเร่งซื้อชิปเพื่อเตรียมรับมือกับข้อจำกัดด้านเทคโนโลยีของสหรัฐฯ ส่งผลให้การนำเข้าเพิ่มขึ้น
นักวิเคราะห์รายหนึ่งกล่าวกับ Reuters ว่า โรงงานของจีนน่าจะเผชิญแรงกดดันอย่างหนักในช่วงเดือนต่อๆ ไป เนื่องจากภาษีของตะวันตกและปัญหาความต้องการลดลง ขณะที่ความผันผวนของตลาดการเงินและความวิตกกังวลเกี่ยวกับเศรษฐกิจถดถอยของสหรัฐฯ ก่อให้เกิดความท้าทายใหม่สำหรับผู้กำหนดนโยบายที่พยายามกระตุ้นการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจที่เปราะบาง
Lynn Song หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของ ING ประจำจีนแผ่นดินใหญ่ กล่าวว่า “เนื่องจากฐานที่สูงขึ้น การส่งออกของจีนอาจยังคงเติบโตแบบตัวเลขหลักเดียวในอนาคตอันใกล้ แต่เมื่อพิจารณาถึงความต้องการภายนอกที่ชะลอตัวและภาษี การส่งออกในช่วงครึ่งหลังของปี 2567 จะเผชิญแรงกดดันที่มากขึ้น”
ขณะที่ Xing Zhaopeng นักยุทธศาสตร์อาวุโสของ ANZ กล่าวว่า ตัวเลขการนำเข้าที่สดใสขึ้นได้รับการสนับสนุนจากการเร่งซื้อชิปของบริษัทจีน ก่อนที่สหรัฐฯ จะควบคุมการส่งออกชิปไปยังยักษ์ใหญ่ในเอเชีย
“มองไปข้างหน้า วัฏจักรการค้าขาขึ้นอาจสิ้นสุดลงแล้ว คาดว่าทั้งการนำเข้าและการส่งออกจะชะลอตัวในไตรมาสที่ 3 ของปีนี้”
ทั้งนี้ เมื่อถามถึงมาตรการกระตุ้นของภาครัฐในครึ่งปีหลัง เจ้าหน้าที่จากคณะกรรมการพัฒนาและปฏิรูปแห่งชาติ หน่วยงานวางแผนเศรษฐกิจของจีน ยืนยันว่า มาตรการเดิมที่ดำเนินการอยู่ยังมีประสิทธิภาพ และมองไปที่เป้าหมายระยะยาวในการพัฒนาเทคโนโลยีขั้นสูงและขับเคลื่อนการเติบโตใหม่ๆ
และยังระบุอีกว่า เศรษฐกิจกำลังเผชิญกับความท้าทายไม่เพียงจากสิ่งแวดล้อมภายนอกเท่านั้น แต่ยังมีความท้าทายจากการเปลี่ยนแปลงทางโครงสร้างอีกด้วย
อ้างอิง: