×

จีนโวยสหรัฐฯ สอยบอลลูนพลเรือน ขณะที่ผู้เชี่ยวชาญหวั่นความสัมพันธ์สองชาติมหาอำนาจย่ำแย่ลง

06.02.2023
  • LOADING...
จีนโวยสหรัฐฯ

สำนักข่าว Bloomberg รายงานว่า ทางกระทรวงการต่างประเทศจีนได้ออกแถลงการณ์แสดงความไม่พอใจและไม่เห็นด้วยอย่างรุนแรง หลังสหรัฐอเมริกาใช้กำลังทหารยิงบอลลูนของจีนเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา (4 กุมภาพันธ์) โดยทางการจีนระบุว่าบอลลูนดังกล่าวเป็นบอลลูนของพลเรือนที่ใช้สำหรับการวิจัยด้านอุตุนิยมวิทยา

 

แถลงการณ์ระบุชัดเจนว่า จีนได้แจ้งสหรัฐฯ หลายครั้งแล้วว่าบอลลูนดังกล่าวเป็นของพลเรือน แต่เนื่องจากอิทธิพลของกระแสลมทางทิศตะวันตก และความสามารถที่จำกัดในการควบคุมบอลลูน จึงทำให้บอลลูนเบี่ยงเบนออกจากทิศทางที่กำหนดไว้

 

กระทรวงการต่างประเทศจีนระบุว่า จีนขอแสดงความเสียใจต่อความผิดพลาดจากการที่บอลลูนได้ลอยเข้าสู่เขตของสหรัฐฯ อันเนื่องจากปัจจัยที่ไม่สามารถควบคุมได้ และจีนจะยังคงดำเนินการติดต่อสื่อสารกับทางสหรัฐฯ เพื่อจัดการต่อเหตุการณ์นี้อย่างเหมาะสม อย่างไรก็ตาม จีนขอประณามการใช้กำลังทหารตอบโต้ ทั้งที่บอลลูนดังกล่าวไม่ได้แสดงภัยคุกคามทางทหารหรือทางกายภาพต่อประชาชนบนพื้นดิน ซึ่งชัดเจนว่าเป็นการตอบสนองเกินจริงและละเมิดข้อปฏิบัติสากลอย่างร้ายแรง จีนจึงจะใช้มาตรการเพื่อปกป้องสิทธิและผลประโยชน์ของบริษัทที่เกี่ยวข้อง และสงวนสิทธิ์ที่จะตอบโต้เพิ่มเติมหากจำเป็น

 

รายงานของ Bloomberg ระบุเพิ่มว่า ท่าทีตอบสนองของจีนที่มีต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทำให้หลายฝ่ายกังวลว่าความสัมพันธ์ระหว่างสองชาติมหาอำนาจมีโอกาสดำดิ่งลงอีกครั้ง หลังจากที่เพิ่งมีสัญญาณบวกได้ไม่นาน โดยการค้นพบบอลลูนดังกล่าวได้ทำให้ แอนโทนี บลิงเคน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ ยกเลิกกำหนดการเดินทางเยือนจีนอย่างไม่มีกำหนด 

 

ดริว ทอมป์สัน นักวิจัยอาวุโส กล่าวว่า สถานการณ์ที่เกิดขึ้นบ่งชี้ได้ว่าทั้งสองชาติยังมีมุมมองพื้นฐานด้านความสัมพันธ์ที่แตกต่างกัน ทำให้ความสัมพันธ์ไม่ได้มุ่งไปในทิศทางบวกอย่างที่หลายฝ่ายตั้งความหวังกันไว้ก่อนหน้า แต่อาจถดถอยลงไปอีก

 

ขณะเดียวกัน ท่าทีของจีนเองที่มีต่อสหรัฐฯ ก็แสดงถึงความท้าทายภาวะผู้นำของ สีจิ้นผิง เพราะขณะนี้รัฐบาลจีนกำลังพยายามรักษาสมดุล 3 ด้าน คือ การที่ยังคงมีปฏิสัมพันธ์กับสหรัฐฯ การรักษาท่าทีแข็งกร้าวของผู้นำในสายตาประชาชนชาวจีน และการยืนหยัดต่อคำกล่าวที่ว่าจีนไม่เคยเป็นภัยคุกคามต่อประเทศใดๆ 

 

เหตุการณ์บอลลูนครั้งนี้มีขึ้นเพียง 3 เดือนหลังจากที่ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ของสหรัฐฯ และประธานาธิบดีสีจิ้นผิงของจีน เพิ่งจะพบปะพูดคุยฉันมิตรนอกรอบในการประชุม G20 ที่เกาะบาหลี อินโดนีเซีย ซึ่งผู้นำทั้งสองฝ่ายต่างให้คำมั่นที่จะจับมือร่วมกันหาทางแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจโลก และรับมือกับสถานการณ์ความท้าทายต่างๆ โดยเฉพาะภาวะโลกร้อน 

 

อย่างไรก็ตาม แม้ว่าความสัมพันธ์จะยังคงไม่สู้ดีนัก แต่หลายฝ่ายประเมินว่า การค้าระหว่างสองชาติมหาอำนาจจะยังคงเดินหน้าต่อไปได้ ด้วยมูลค่าการค้าที่มีโอกาสทุบสถิติสูงสุดในปี 2022 


ข่าวที่เกี่ยวข้อง:


อ้างอิง:

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising