×

จีนเอาจริง! เรียก 13 บริษัทเทคโนโลยีเข้าพบ จัดอบรมชุดใหญ่ ยกเครื่องอุตสาหกรรม ต่อต้านการผูกขาด

30.04.2021
  • LOADING...
จีนเอาจริง! เรียก 13 บริษัทเทคโนโลยีเข้าพบ จัดอบรมชุดใหญ่ ยกเครื่องอุตสาหกรรม ต่อต้านการผูกขาด

ทางการจีนที่ทำหน้าที่กำกับดูแลทางการเงิน ซึ่งนำโดยธนาคารกลางจีน (PBOC) ได้เรียกพบตัวแทนบริษัทเอกชนชั้นนำทางด้านเทคโนโลยีและสารสนเทศรวมทั้งสิ้น 13 แห่ง โดยมีเป้าหมายเพื่อให้บริษัทเหล่านี้ปรับปรุงแนวทางการทำงานให้สอดคล้องกับกฎหมายของจีน ซึ่งจะช่วยยกระดับมาตรฐานอุตสาหกรรมเทคโนโลยีของจีนต่อไป รวมถึงช่วยป้องกันพฤติกรรมการผูกขาดตลาดของบริษัทเหล่านี้

 

ความเคลื่อนไหวครั้งนี้มีขึ้นท่ามกลางการเดินหน้าตรวจสอบบริษัทเอกชนด้านเทคโนโลยีสัญชาติจีน โดยเฉพาะบริษัทด้านฟินเทคที่ให้บริการทางการเงินแก่บุคคลทั่วไปในชีวิตประจำวัน ซึ่งการตรวจสอบดังกล่าวทำให้จนถึงขณะนี้มีบริษัทเอกชนรายใหญ่รวม 34 แห่ง ได้รับจดหมายเตือนจากทางการให้ปฏิบัติตามคู่มือต่อต้านการค้าผูกขาดเมื่อช่วงต้นเดือนที่ผ่านมา

 

ทั้งนี้ บริษัทที่ถูกเรียกพบ เช่น เสิร์ชเอนจินยักษ์ใหญ่อย่าง Baidu, บริษัทเกม Tencent, เจ้าของแอปพลิเคชันยอดนิยม TikTok อย่าง ByteDance, อีคอมเมิร์ซรายใหญ่อย่าง JD.com, แพลตฟอร์มจัดส่งอาหาร Meituan, ธุรกิจบริการรับส่งผู้โดยสาร DiDi และแพลตฟอร์มการท่องเที่ยงเที่ยว CTrip

 

ขณะที่ในฝั่งของเจ้าหน้าที่รัฐ นอกจากธนาคารกลางจีนแล้ว ยังมีหน่วยงานด้านการธนาคารและการประกันเข้าร่วมการอบรมในครั้งนี้ด้วย

 

แถลงการณ์ของทางการจีนระบุว่า แม้บริษัทเทคโนโลยีเหล่านี้จะมีบทบาทสำคัญในการช่วยยกระดับคุณภาพบริการทางการเงินของประเทศเท่านั้น แต่ก็ยังมีข้อติดขัดบางประการที่จำเป็นต้องได้รับการปรับปรุงแก้ไข ตัวอย่างเช่น การที่บริษัทบางส่วนเข้าไปเกี่ยวข้องทำให้เกิดการแข่งขันที่ไม่เป็นธรรม การผูกขาดตลาดและข้อมูล หรือดำเนินธุรกิจเกินขอบเขตที่ได้รับอนุญาต และปราศจากหลักธรรมาภิบาลที่ดี

 

ทั้งนี้ ทางการจีนหวังว่าการเรียกพบบริษัททั้ง 13 แห่งในครั้งนี้จะทำให้บริษัทเหล่านี้เป็นผู้นำในภาคอุตสาหกรรมที่จะปรับตัวในทางที่ถูกที่ควร รวมถึงมีการตรวจสอบตนเองอยู่เสมอว่าได้มีการละเมิดกฎหมายของรัฐบาลจีนหรือไม่

 

ความเคลื่อนไหวทั้งหมดสะท้อนมุมมองและจุดยืนของทางการจีนที่มีต่อบริษัทเทคโนโลยีของตนว่าต้องปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด ไม่ผูกขาดตลาด และให้บริการอย่างมีคุณภาพและมีความโปร่งใส หากบริษัทไหนไม่ยอมปฏิบัติตามที่รัฐบาลเตือน ก็จะได้รับการลงโทษอย่างหนัก ซึ่งเกิดขึ้นมาแล้วกับทาง Alibaba ที่ทางการจีนสั่งปรับถึง 2,780 ล้านดอลลาร์สหรัฐ มากที่สุดเป็นประวัติการณ์ ฐานผูกขาดตลาด

 

จีนประเมินนักท่องเที่ยวหยุดยาววันแรงงานพุ่ง 265 ล้านคน

กระทรวงคมนาคมของจีนคาดการณ์ว่า จะมีผู้โดยสารชาวจีนออกมาท่องเที่ยวเดินทางภายในประเทศรับเทศกาลหยุดยาว 5 วันเนื่องในวันแรงงาน ปีนี้เพิ่มสูงขึ้น 265 ล้านคน ทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ เพราะชาวจีนต่างต้องการเดินทางท่องเที่ยว หลังต้องโดนจำกัดการเดินทางจากการระบาดของโรคโควิด-19

 

ทั้งนี้ ในวันแรกของวันหยุดยาวคือวันที่ 1 พฤษภาคม กระทรวงคมนาคมประเมินว่าจะมีผู้ใช้เส้นทางหลวงท่องเที่ยวมากถึง 60 ล้านคน โดยข้อมูลขณะนี้พบว่า มียอดสั่งจองรถเช่าเพิ่มขึ้น 126% เมื่อเทียบกับปี 2019 ก่อนโควิด-19ระบาด

 

ในส่วนของการเดินทางโดยรถไฟ ทางการรถไฟจีนคาดว่าจะมีชาวจีนมาใช้บริการระหว่างวันที่ 29 เมษายน – 6 พฤษภาคม ที่ 106 ล้านคน เพิ่มขึ้นจากช่วงปี 2019 ถึง 0.8% โดยวันที่คาดว่าจะมีผู้โดยสารหนาแน่นที่สุดก็คือวันเสาร์ ซึ่งน่าจะมีมากกว่า 17 ล้านคน

 

ด้านผลการสำรวจของ Trip.com ยังพบว่า ชาวจีนมากกว่า 70% เลือกที่จะเดินทางท่องเที่ยวนอกมณฑลหรือเที่ยวไกลบ้านของตนมากขึ้น ขณะที่ ศาสตราจารย์เจียงอีอี ผู้เชี่ยวชาญด้านการท่องเที่ยว กีฬา และกิจกรรมสันทนาการแห่ง Beijing Sport University กล่าวว่า วันหยุดยาวเนื่องในวันแรงงานของจีนปีนี้จะเป็นโอกาสที่ช่วยให้ภาคธุรกิจท่องเที่ยวและการโรงแรมของจีนฟื้นกลับมาได้อย่างแข็งแกร่ง โดยที่ธุรกิจร้านอาหารและโรงแรมมีแววว่าจะมีผลกำไรเติบได้อย่างดีเมื่อเทียบกับปีที่แล้วและปีก่อนหน้า รวมถึงการท่องเที่ยวที่กลับมาคึกคัก ยังเป็นโอกาสดีที่จะทำให้ธุรกิจค้าปลีกภายในจีนกลับมาสดใสขึ้น

 

เดินหน้าทดสอบหยวนดิจิทัล เชื่อหนุนเศรษฐกิจจริงเติบโตได้

นอกจากการท่องเที่ยวที่มีแนวโน้มฟื้นตัวได้อย่างคึกคักแล้ว สื่อท้องถิ่นรายงานว่า ทางการจีนยังจะใช้โอกาสหยุดยาวนี้เป็นช่วงเวลาในการทดสอบการใช้เงินหยวนดิจิทัล โดยเตรียมแจกอั่งเปาดิจิทัลหยวนให้กับผู้บริโภคชาวจีนในเมืองซูโจวและนครเซี่ยงไฮ้ เพื่อนำไปใช้จับจ่ายรับเทศกาล Shopping Festival

 

รายงานระบุว่า การทดสอบครั้งนี้จะขยายขอบเขตให้มีความหลากหลายและครอบคลุมมากขึ้น โดยจะมีธนาคาร 6 แห่งเข้าร่วมและเชื่อมโยงกับบรรดาร้านค้ามากกว่าหลายร้อยแห่ง ซึ่งรวมถึงเครือซูเปอร์มาร์เก็ตยักษ์ใหญ่อย่าง Carrefour

 

หวัง เผิง ผู้ช่วยศาสตราจารย์แห่งมหาวิทยาลัย Renmin กล่าวว่า เงินดิจิทัลในรูปของซองอั่งเปามีบทบาทในการส่งเสริมสนับสนุนการบริโภคภายในประเทศ ซึ่งในท้ายที่สุดจะส่งผลต่อการเติบโตของภาคเศรษฐกิจจริง

 

อ้างอิง:

 


 ไม่พลาดข่าวไฮไลต์ประจำวัน มาเป็นเพื่อนกับ THE STANDARD WEALTH ในไลน์ คลิก https://lin.ee/xfPbXUP

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising