วันนี้ (31 มีนาคม) เว็บไซต์ AirVisual รายงานสถานการณ์ฝุ่นรอบโลกฉบับเรียลไทม์ (ช่วงเวลา 09.00 น.) พบว่า ผลการจัดอันดับค่าฝุ่นรอบโลก ประเทศไทย เฉพาะเขตเชียงใหม่ มีปริมาณฝุ่นแบบภาพรวมที่ 196 US AQI ส่วนปริมาณฝุ่น PM2.5 มีค่าเฉลี่ยที่ 142.6 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ซึ่งเป็นสาเหตุให้พื้นที่ดังกล่าวถูกยกให้เป็นพื้นที่ที่พบค่าฝุ่นสูงเป็นอันดับ 1 ของโลกในช่วงเวลานี้
เมื่อเจาะลึกในรายละเอียดพื้นที่เชียงใหม่และจังหวัดโดยรอบ พบว่า 5 พื้นที่ที่มีค่าฝุ่น PM2.5 มากที่สุด และอยู่ในเกณฑ์เกินค่ามาตรฐาน (คุณภาพอากาศมีผลกระทบต่อสุขภาพ) จากการนำเสนอโดยโครงการ World Air Quality Index ประกอบไปด้วย
- โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลบ้านเมืองน้อย จังหวัดแม่ฮ่องสอน 690 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร
- โรงพยาบาลสะเมิง จังหวัดเชียงใหม่ 534 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร
- ตำบลห้วยโก๋น อำเภอเฉลิมพระเกียรติ จังหวัดน่าน และ โรงพยาบาลอุ้มผาง จังหวัดตาก 436 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร
- ตําบลวิเชตนคร อําเภอแจ้ห่ม จังหวัดลําปาง 433 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร
- โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลเกาะช้าง จังหวัดเชียงราย 411 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร
โดยสาเหตุสำคัญที่ทำให้ฝุ่นปกคลุมภาคเหนือตอนบนเกิดจากสภาพอากาศปิดในตอนกลางคืนต่อเนื่องในรอบหลายวันที่ผ่านมา ทำให้การระบายฝุ่นละอองเกิดได้น้อยและสะสมขึ้น ประกอบกับสภาพอากาศลมอ่อน ทำให้การระบายฝุ่นได้น้อย และพบจุดความร้อน (Hotspot) เพิ่มขึ้นจำนวนมากทั้งในประเทศและนอกประเทศ และอีกสาเหตุเกิดจากการเผาในประเทศจนเกิดฝุ่นละอองสะสมมากในพื้นที่จังหวัดเชียงราย เชียงใหม่ แม่ฮ่องสอน พะเยา และน่าน
ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่จากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกำลังเร่งควบคุมและดับไฟ ทั้งการระดมสรรพกำลังภาคพื้นดิน และการใช้อากาศยานไร้คนขับ (โดรน) สนับสนุนการลาดตระเวน และชี้จุดให้เจ้าหน้าที่เข้าดับไฟ และปัญหาหมอกควันข้ามแดนจากประเทศเพื่อนบ้านที่ถูกพัดมากับลมตะวันตกเฉียงใต้กระทบประเทศไทย
ทั้งนี้ ในประเทศไทยยังต้องให้ควบคุมการเผาดับไฟในพื้นที่อย่างเร่งด่วน เพื่อลดปริมาณฝุ่นละออง ควบคู่กับเร่งประชาสัมพันธ์ขอความร่วมมืองดเผาเศษกิ่งไม้ ใบไม้ เศษวัสดุการเกษตร และงดเผาป่าในช่วงประกาศห้ามเผาของจังหวัด เพื่อป้องกันและแก้ปัญหาไฟป่าหมอกควันในพื้นที่ด้วย
ขณะนี้ยังพบปัญหาไฟป่าหมอกควันที่เกิดจากการเผาในที่โล่งอยู่ จึงขอความร่วมมือประชาชน งดเผาเชื้อเพลิงทั้งในที่โล่งและในป่า หากพบเห็นการเผาหรือเกิดไฟป่าโปรดแจ้งสายด่วน 1362 สำหรับผู้ใดฝ่าฝืนมาตรการห้ามเผาป่าจะถูกจับกุมดำเนินคดี มีโทษจำคุก 1-30 ปี หรือปรับตั้งแต่ 10,000-3,000,000 บาท โดยผู้ที่ชี้เบาะแสจะได้รับเงินรางวัลนำจับ 5,000 บาท
ทั้งนี้ ประชาชนสามารถติดตามสถานการณ์คุณภาพอากาศได้ทางเว็บไซต์ air4thai.pcd.go.th/webV2, แอปพลิเคชัน Air4Thai และสามารถติดตามข่าวสารการดำเนินงานแก้ไขปัญหาหมอกควัน 9 จังหวัดภาคเหนือได้ทางเว็บไซต์ pcd.go.th
พิสูจน์อักษร: ลักษณ์นารา พักตร์เพียงจันทร์