สถานการณ์ฝุ่นควันในภาคเหนือถือเป็นเรื่องระดับประเทศที่ตอนนี้สังคมให้ความสนใจอย่างมาก แทบทุกสื่อนำเสนอข่าวต่อเนื่อง ประเด็นที่บางจังหวัดในพื้นที่ดังกล่าวมีมลพิษสูงที่สุดโลก ส่งผลต่อภาพลักษณ์ด้านการท่องเที่ยว โดยเฉพาะในจังหวัดสำคัญอย่างเชียงใหม่และเชียงราย วันนี้ (4 เม.ย.) THE STANDARD ลงพื้นที่สอบถามผู้ประกอบการโรงแรมในตำบลเวียง อำเภอเมืองเชียงราย จังหวัดเชียงราย เพื่อขยายประเด็นดังกล่าว โดยช่วงเที่ยงวันนี้ แอปพลิเคชัน AirVisual รายงานตัวเลข US AQI เท่ากับ 181 ซึ่งอยู่ในระดับ ‘ไม่เป็นผลดีต่อสุขภาพ (Unhealthy)’
ศิริพันธ์ ปานชาตรี ผู้จัดการโรงแรม และ มารุฬ ภูวเจริญกูร ผู้จัดการแผนกต้อนรับ โรงแรมเดอะ ริเวอร์รี บาย กะตะธานี ให้ข้อมูลว่า สถานการณ์ฝุ่นควันที่เกิดขึ้นในปีนี้หนักกว่าทุกปีที่เคยเป็นมา โดยเฉพาะตั้งแต่ช่วงวันที่ 12 มีนาคมเป็นต้นมา ฝุ่นควันปกคลุมไปทั่วบริเวณโรงแรมและบดบังทัศนวิสัยอย่างชัดเจน ผู้คนในพื้นที่ทราบดีว่า ฝุ่นควันดังกล่าวมาจากการเผาไหม้ในพื้นที่จังหวัดแม่ฮ่องสอน ประเทศเมียนมา และลาว แม้ช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา มีการนำเสนอข่าวเรื่องดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง แต่ปัจจุบันยังไม่เกิดผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อธุรกิจของโรงแรม เนื่องจากลูกค้าเข้าใจสถานการณ์ ซึ่ง 60% ของลูกค้าทั้งหมดเป็นคนไทย รองลงมาคือ นักท่องเที่ยวชาวจีนที่มาท่องเที่ยวในลักษณะกรุ๊ปทัวร์ นักท่องเที่ยวสิงคโปร์ เกาหลี และกลุ่มประเทศยุโรปอย่างสวีเดนและอิตาลี เป็นต้น
โรงแรมเดอะ ริเวอร์รี บาย กะตะธานีมีห้องพัก 271 ห้อง อัตราการเข้าพักเดือนมีนาคมที่ผ่านมาอยู่ที่ 40% ซึ่งเป็นระดับค่าเฉลี่ยของธุรกิจ ขณะนี้มีลูกค้าเพียงรายเดียวติดต่อเข้ามาขอเลื่อนการเข้าพัก เนื่องจากกังวลเรื่องปัญหาฝุ่นควัน เพราะเป็นครอบครัวที่มีผู้สูงอายุ อีกส่วนที่อาจได้รับผลกระทบคือ กลุ่มธุรกิจไมซ์ที่จัดการประชุมนอกสถานที่ มีบางรายที่โทร.เข้ามาสอบถามบ้าง และทางโรงแรมก็อยู่ระหว่างติดตามทำความเข้าใจลูกค้ากลุ่มดังกล่าว
ที่ผ่านมา ทางโรงแรมจัดซื้อเครื่องฟอกอากาศเพิ่มเติม และแจกหน้ากากป้องกันฝุ่นให้กับลูกค้าที่มาใช้บริการ เพื่อสร้างความมั่นใจ ซึ่งประชาชนและผู้ประกอบการในจังหวัดเชียงรายติดตามข่าวเรื่องฝุ่น PM2.5 ในกรุงเทพมหานครมาก่อนหน้านี้แล้ว จึงวางแผนและปรับตัวได้พอสมควร อย่างไรก็ตาม ประชาชนในพื้นที่ยังไม่ได้ใส่หน้ากากกันฝุ่นกันแพร่หลายนัก จะใส่ในบางวันที่สถานการณ์รุนแรงเท่านั้น
สิ่งที่ภาคเอกชนต้องการจากภาครัฐคือ การสื่อสารข้อมูลอย่างมีประสิทธิภาพและทันท่วงที รวมทั้งความรู้ด้านสาธารณสุขที่เป็นประโยชน์ในการรับมือกับปัญหาฝุ่นควันดังกล่าว คนในพื้นที่ส่วนใหญ่จะติดตามข่าวสารจากสื่อด้วยตัวเอง ผู้ประกอบการโรงแรมติดตั้งเครื่องฉีดพ่นน้ำและเพิ่มรอบการเปิดเครื่องพ่นน้ำให้บ่อยขึ้น นอกจากนี้คือ ควรจัดการกับผู้ที่เผาไร่ นา และพื้นที่ป่าที่อยู่ห่างไกลตัวเมืองออกไปด้วย
จากข้อมูลการท่องเที่ยวของจังหวัดเชียงรายเดือนกุมภาพันธ์ของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาพบว่า มีผู้เยี่ยมเยือนกว่า 3.76 แสนคน เป็นชาวต่างชาติ 6.4 หมื่นคน มีรายได้จากการเยี่ยมเยือน 2.68 พันล้านบาท จึงถือเป็นอีกจังหวัดที่มีศักยภาพในการรองรับนักท่องเที่ยว ปัญหาฝุ่นควันที่เกิดขึ้นจะส่งผลกระทบกับภาคธุรกิจในระยะยาวอย่างไร ยังเป็นโจทย์ใหญ่ที่ทางจังหวัดและภาครัฐต้องหาทางแก้ไขจากนี้ต่อไป
พิสูจน์อักษร: ภาวิกา ขันติศรีสกุล
อ้างอิง: