วานนี้ (27 กรกฎาคม) บัณรส บัวคลี่ โฆษกเครือข่ายขอคืนพื้นที่ป่าดอยสุเทพกล่าวถึงกรณีศาลปกครองเชียงใหม่พิพากษายกฟ้องกรณีบ้านป่าแหว่ง โดยระบุว่า ดร.สุวิทย์ รุ่งวิสัย อาจารย์มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ยื่นฟ้องกรมธนารักษ์ ขอให้ศาลมีคำพิพากษาเพิกถอนและให้มีการรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างและปรับปรุงพื้นที่ของกรมธนารักษ์ อนุญาตให้สำนักงานศาลยุติธรรมก่อสร้างอาคารที่ทำการศาล บ้านพักตุลาการและข้าราชการศาลอุทธรณ์ภาค 5 หรือที่รู้จักในคดีป่าแหว่ง โดยระบุว่าเป็นพื้นที่ป่าสงวนและต้องมีการจัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA)
ในคำพิพากษาศาลระบุว่า ข้อเท็จจริงปรากฏว่าที่ราชพัสดุแปลงพิพาท มิได้มีพื้นที่ส่วนหนึ่งส่วนใดทับซ้อนกับพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติและพื้นที่อุทยานแห่งชาติ จึงไม่อยู่ในบังคับพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ. 2507 และ พ.ร.บ.อุทยานแห่งชาติ พ.ศ. 2504 อีกทั้งพื้นที่ราชพัสดุแปลงพิพาทอยู่ในพื้นที่ที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบกำหนดให้เป็นพื้นที่ลุ่มน้ำชั้น 2, ชั้น 3 และชั้น 4 สำนักงานศาลยุติธรรมจึงได้รับยกเว้นไม่ต้องจัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) จึงพิพากษายกฟ้อง
บัณรสกล่าวว่า ในช่วงแรกที่เริ่มมีประชาชนรวมตัวกัน เครือข่ายขอคืนพื้นที่ป่าดอยสุเทพเคยพบและสนทนากับ ดร.สุวิทย์ในเรื่องนี้ หารือกันว่าจะสู้อย่างไร แต่ในที่สุดก็แยกกันเดิน เพราะเป็นคนละแนวทาง โดยเครือข่ายฯ เน้นต่อสู้ในทางปกครอง เรียกร้องไปทางรัฐบาล ซึ่งมติของคณะกรรมการที่แก้ปัญหาได้มีมติให้ศาลอุทธรณ์ภาค 5 คืนพื้นที่ให้แก่กรมธนารักษ์ แต่ยังไม่มีการรื้อเพราะไม่มีข้อกฎหมาย ส่วนการฟ้องในคดีนี้ถือเป็นการฟ้องในนามส่วนตัวของ ดร.สุวิทย์ ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับทางเครือข่ายฯ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
ภาพ: พงษ์มนัส ทาศิริ
