เป็นเวลาร่วม 6 ปีแล้วที่แฟนๆ ทุกคนได้รู้จักชื่อของ เฌอปราง อารีย์กุล ในฐานะสมาชิก กัปตัน และชิไฮนิน (ผู้จัดการวง) แห่งวงไอดอลกรุ๊ป BNK48 ซึ่งตลอดระยะเวลาบนเส้นทางสายไอดอล เธอได้ทำหน้าที่ของตัวเองในทุกๆ ด้านอย่างเต็มที่ เพื่อส่งมอบความสุขและแรงบันดาลใจผ่านผลงานทุกชิ้น พร้อมทั้งยังมีส่วนร่วมในการดูแลและฝึกฝนความสามารถของสมาชิกรุ่นใหม่ๆ เพื่อผลักดันให้สมาชิกทุกคนได้ก้าวขึ้นมาเป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนวง BNK48 ต่อไปในอนาคต
แต่ทุกการเดินทางย่อมมีจุดหมายปลายทางเสมอ และในอีกไม่กี่วันนับจากนี้ เฌอปรางก็กำลังจะยุติบทบาทสมาชิกวง BNK48 ลงอย่างเป็นทางการ ภายในคอนเสิร์ตจบการศึกษา Depart’Cher Cherprang BNK48’s Graduation Concert เพื่อชวนเหล่าแมว (ชื่อแฟนคลับของเฌอปราง) และแฟนๆ ทุกคน มาร่วมเก็บเกี่ยวความทรงจำดีๆ ไปพร้อมกัน ในวันที่ 29 ตุลาคมนี้ ณ ธันเดอร์โดม เมืองทองธานี (โดยหลังจากนี้เธอจะทำงานในฐานะชิไฮนินของวงต่อไป)
และก่อนที่ทุกคนจะไปร่วมออกเดินทางในเที่ยวบินสุดท้ายเพื่อส่งเธอสู่เส้นทางใหม่ THE STANDARD POP ขอพาแฟนๆ ทุกคนมาร่วมย้อนชมเส้นทางของ เฌอปราง BNK48 กันอีกครั้ง
จากแฟนคลับวงไอดอลญี่ปุ่น สู่สมาชิก BNK48 รุ่นที่ 1
ย้อนกลับไปตั้งแต่วัยเด็ก เฌอปรางเป็นอีกหนึ่งคนที่เติบโตมากับสื่อบันเทิงจากประเทศญี่ปุ่น ขนาดที่ว่าเธอตัดสินใจเริ่มเรียนภาษาญี่ปุ่นเพราะอยากเข้าใจการ์ตูนญี่ปุ่นที่ชื่นชอบ และประตูบานสำคัญที่เปิดให้เธอก้าวเข้าไปทำความรู้จักโลกของไอดอลญี่ปุ่นคือ อนิเมะเรื่อง AKB0048 (2012) ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจจากวงไอดอลกรุ๊ป AKB48 ว่าด้วยเรื่องราวในโลกอนาคตที่ดนตรีเป็นสิ่งต้องห้าม โดยมีวงไอดอลกรุ๊ป AKB0048 ที่คอยมอบความสุขผ่านเสียงเพลงให้แก่ผู้คน จึงเป็นจุดเริ่มต้นให้เฌอปรางเริ่มสนใจและติดตามวง AKB48 และ 48 Group อย่างจริงจัง
และนั่นก็นำพาให้เฌอปรางได้มารู้จักกับ ยามาโมโตะ ซายากะ อดีตสมาชิกและกัปตันวง NMB48 ที่เป็นทั้งกำลังใจและแรงบันดาลใจสำคัญของเธอในหลายๆ แง่มุม รวมถึงเป็นผู้ที่จุดประกายให้เธอเริ่มตั้งคำถามขึ้นว่า ‘ชีวิตของไอดอลต้องพบเจอกับอะไรบ้าง’ และด้วยนิสัยที่ชื่นชอบการตั้งคำถามและศึกษาหาความรู้เพื่อหาคำตอบในสิ่งที่สนใจ รวมถึงไม่อยากให้ตัวเองต้องรู้สึก ‘รู้อย่างนี้’ ในภายหลัง จึงทำให้เธอตัดสินใจยื่นใบสมัครเข้าร่วมการออดิชันวง BNK48 ในที่สุด
และช่วงเวลานี้เองที่ ‘เครื่องบินกระดาษ’ ซึ่งจะพาเธอไปค้นหาคำตอบในทุกแง่มุมของคำว่า ‘ไอดอล’ ก็กำลังจะออกโบยบินสู่ฟากฟ้ากันแล้ว
ภาพ: Cherprang BNK48 / Facebook
เฌอปรางกับหลากหลายบทบาทภายใต้นามสกุล BNK48
เฌอปรางเริ่มเปิดตัวในฐานะสมาชิกวง BNK48 ครั้งแรกในเดือนกุมภาพันธ์ 2017 ร่วมกับสมาชิกรุ่นที่ 1 อีก 28 คน และด้วยภาวะความเป็นผู้นำของเธอที่สั่งสมมาตั้งแต่สมัยเรียน ก็ส่งให้เธอได้รับเลือกเป็นกัปตันวง BNK48 คนแรก ซึ่งเปรียบได้กับการเป็นหัวหน้าห้องที่จะทำหน้าที่คอยนำสวัสดี แนะนำตัว และอธิบายให้ผู้คนเข้ามาทำความรู้จักวง BNK48 และวัฒนธรรมของ 48 Group
นอกเหนือจากบทบาทกัปตันวง เฌอปรางยังได้รับเลือกให้เป็นหนึ่งในสมาชิก Team BIII และเป็นหนึ่งในสมาชิกวงที่มีส่วนร่วมในผลงานเพลงต่างๆ ของ BNK48 (การติดเซ็มบัตสึในซิงเกิลต่างๆ) ออกมาให้แฟนๆ ติดตามอย่างต่อเนื่อง โดยเธอได้ติดเซ็มบัตสึซิงเกิลหลักถึง 13 ซิงเกิล และซิงเกิลอัลบั้มอีก 3 อัลบั้ม
รวมถึงได้รับตำแหน่งเซ็นเตอร์ถึง 3 ครั้ง ประกอบด้วย Beginner ซึ่งมาจากงาน BNK48 6th Single Senbatsu General Election ที่เฌอปรางได้รับคะแนนโหวตจากแฟนๆ อย่างท่วมท้น และสามารถคว้าอันดับ 1 มาได้สำเร็จ ก่อนที่เธอจะได้รับตำแหน่งเซ็นเตอร์อีกครั้งในเพลง 77 ดินแดนแสนวิเศษ และเพลง สัญญานะ ซึ่งเป็นซิงเกิลส่งท้ายของเธอก่อนจบการศึกษา รวมถึงได้เป็นหนึ่งในเซ็มบัตสึซิงเกิลพิเศษของสมาชิกรุ่นที่ 1 อย่าง Jiwaru DAYS และมีเพลงโซโล่ของตัวเองในชื่อ It’s Life
ภาพ: Cherprang BNK48 / Facebook
ชื่อของเฌอปรางไม่ได้เป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางเฉพาะในประเทศไทยเท่านั้น แต่เธอยังเป็นอีกหนึ่งสมาชิก BNK48 ที่เป็นที่รู้จักในญี่ปุ่นอีกด้วย โดยในปี 2018 เฌอปรางเป็นหนึ่งในสมาชิกวง BNK48 ที่เข้าร่วมงาน AKB48 53rd Single World Senbatsu General Election ซึ่งเป็นงาน GE ของ AKB48 ที่มีสมาชิกจากวงน้องสาวนอกญี่ปุ่นเข้าร่วมงานกันอย่างคับคั่ง ซึ่งแฟนๆ ก็สามารถส่งให้เธอคว้าอันดับที่ 39 มาครองได้สำเร็จ รวมถึงภายในงานเธอยังได้รับตำแหน่งเซ็นเตอร์เพลง Koisuru Fortune Cookie ในโชว์ของยูนิตพิเศษ WRD48 อีกด้วย
และในปี 2019 เฌอปรางได้จัดงานแฟนมีตของตัวเองครั้งแรกในชื่อ Cherprang’s Fanmeet – Me and My Cats ที่เธอได้ตระเตรียมโชว์สุดพิเศษทั้งการร้อง การเต้น การแสดงไวโอลิน และกิจกรรมสนุกๆ มากมาย มามอบความสุขแก่แฟนๆ อย่างเต็มอิ่ม
ภาพ: Cherprang BNK48 / Facebook
เมื่อเฌอปรางได้สะสมประสบการณ์การทำงานทั้งในบทบาทของสมาชิกและกัปตันวงมากขึ้นเรื่อยๆ ขณะที่วง BNK48 เองก็เริ่มเปิดรับสมาชิกรุ่นใหม่ๆ เข้ามาเสริมทัพมากยิ่งขึ้น เฌอปรางจึงได้รับโอกาสในการมีส่วนร่วมพัฒนาฝึกฝนและดูแลสมาชิกรุ่นใหม่ โดยเฉพาะเหล่ากระต่ายรุ่นที่ 3 ที่เธอได้มีส่วนร่วมตั้งแต่ช่วงออดิชัน และได้รับหน้าที่เป็นโปรดิวเซอร์ให้กับการแสดง Trainee Stage Ganbare! Kenkyuusei ไปจนถึงรับหน้าที่เป็นโปรดิวเซอร์ให้กับคอนเสิร์ตเดี่ยวครั้งแรกของสมาชิกรุ่นที่ 3 ในชื่อ BNK48 3rd Generation Concert “Rabbit in Wonderland”
และหลังจากที่เฌอปรางได้ก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งชิไฮนินคนใหม่ของ BNK48 ในช่วงเดือนธันวาคม 2022 เธอก็เริ่มเข้ามามีบทบาทในการดูแลและพัฒนาสมาชิกในวงมากยิ่งขึ้น เช่น การรับหน้าที่เป็นโปรดิวเซอร์ในคอนเสิร์ตใหญ่อย่าง BNK48 vs CGM48 Concert “The Battle of Idols” ร่วมกับ อิซึรินะ-รินะ อิซึตะ ชิไฮนินของวง CGM48 การแจกจ่ายงานต่างๆ ให้สมาชิกวงได้ลองลงมือทำมากขึ้น หรือการจัดเวิร์กช็อปให้สมาชิกในวงได้พัฒนาความสามารถที่หลากหลายมากขึ้น ไปจนถึงคอยดูแลสภาพจิตใจและให้คำปรึกษาในเรื่องต่างๆ ไปพร้อมกัน
ภาพยนตร์เรื่อง Homestay (2018)
ภาพ: GDH
นักแสดงหญิงท่านหนึ่ง และการดำเนินชีวิตที่มีวิทยาศาสตร์เป็นส่วนประกอบสำคัญ
นอกจากบทบาทไอดอลวง BNK48 แล้ว อีกหนึ่งพาร์ตสำคัญที่ทำให้ใครหลายคนรู้จักและจดจำเฌอปรางได้เป็นอย่างดีคือ พาร์ตของนักแสดงหญิงที่น่าจับตามอง โดยเธอมีผลงานการแสดงเรื่องแรกจากภาพยนตร์ Homestay (2018) ผลงานการกำกับของ โอ๋-ภาคภูมิ วงศ์ภูมิ ซึ่งส่งให้ชื่อของเธอได้รับรางวัลรองชนะเลิศ สาขานักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยม จากเวทีสมาคมผู้กำกับภาพยนตร์ไทย ครั้งที่ 9
ภายหลังจากที่ Homestay ออกฉายสู่สายตาผู้ชม เฌอปรางก็เริ่มมีผลงานการแสดงออกมาให้ทุกคนติดตามอย่างไม่ขาดสาย ไม่ว่าจะเป็นมิวสิกวิดีโอเพลง ไม่ควรมีคนเดียว (Another you) ของศิลปิน เป๊ก ผลิตโชค, ซีรีส์เรื่อง ONE YEAR 365 วัน บ้านฉัน บ้านเธอ (2019), Thank You Teacher (2023), Club Friday The Series รักเธอไม่มีวันตาย (2023), ละคร Cat Radio TV Season 1-2, บุษบาลุยไฟ (2023), ภาพยนตร์ SLR กล้อง ติด ตาย (2022) ฯลฯ
ภาพ: Cherprang BNK48 / Facebook
นอกจากบทบาทการแสดงแล้ว เฌอปรางยังมีความสนใจในด้านวิทยาศาสตร์และวิชาการอีกด้วย โดยย้อนกลับไปในปี 2019 เฌอปรางได้จบการศึกษาจากภาควิชาวิทยาศาสตร์ สาขาวิชาเคมี วิทยาลัยนานาชาติ มหาวิทยาลัยมหิดล พร้อมได้รับเกียรตินิยมอันดับ 2
โดยในช่วงที่เฌอปรางยังเป็นนักศึกษา เธอได้รับหน้าที่เป็นผู้ช่วยวิจัยและได้มีส่วนร่วมในการทำงานวิจัยชื่อ ‘การทดลองขวดสีน้ำเงิน (The Blue Bottle Experiment)’ ซึ่งในเวลาต่อมางานวิจัยดังกล่าวก็ได้ออกตีพิมพ์ในวารสารชื่อ Royal Society Open Science ของประเทศอังกฤษ และในปี 2018 เฌอปรางก็ได้รับเลือกเป็นแอมบาสเดอร์ในโครงการ FameLab Thailand หรือโครงการแข่งขันการสื่อสารทางวิทยาศาสตร์ระดับนานาชาติ รวมถึงได้เข้าร่วมโครงการทุนการศึกษาค้นพบนักบินอวกาศไทย รุ่นที่ 3 ร่วมกับ มายยู-กวิสรา สิงห์ปลอด (BNK48 รุ่นที่ 2) ในการเดินทางเข้าค่าย Space Camp ที่ NASA สหรัฐอเมริกา
ด้วยพาร์ตการเป็นไอดอลและการเรียน จึงส่งให้เฌอปรางเป็นไอดอลในด้านการศึกษาของใครหลายคน และยังทำให้มีแฟนๆ เริ่มหันมาสนใจในวิทยาศาสตร์มากยิ่งขึ้น โดยเธอเคยให้สัมภาษณ์กับ THE STANDARD POP ถึงการหยิบยกเรื่องราวของวิทยาศาสตร์ที่ตนเองชื่นชอบมาประยุกต์ใช้กับการดำเนินชีวิตประจำวันว่า
“หนูเรียนสายนี้มาตั้งแต่เด็กๆ ด้วย มันคือความชอบ รู้ว่าตัวเองถนัดอันนี้ ทำได้ดีกว่าวิชาอื่นๆ ก็เลยรู้สึกว่างานพวกนี้อาจจะติดตัวเฌอมา กลายเป็นว่าหนูนำมาประยุกต์ใช้หรือนำมันใส่เข้าไปในทุกพาร์ตของการใช้ชีวิตมากกว่า หรือมองในมุมของอะไรคือสมมติฐาน อะไรคือเหตุ อะไรคือผล แยกย่อยมันให้ชัดเจน
“พอเรียนเยอะๆ หรือใช้มันบ่อยๆ ในการทำโปรเจกต์หรือสิ่งต่างๆ ก็เลยคิดว่าไปๆ มาๆ ชีวิตเรามันก็คล้ายๆ กับการทำโปรเจกต์หรือการตั้งสมมติฐาน ทำการทดลอง แล้วก็หาคำตอบ เช่น กาแฟนี้อร่อยไหมนะ ก็เลยไปซื้อมาลองกิน อร่อย โอเคซื้อต่อ มันคืออย่างนี้ในชีวิตประจำวันของหนูมากๆ ที่พอเห็นอะไรแล้วสงสัยว่ามันเป็นอย่างไร ก็เลยไปลองให้มันรู้ หรือสิ่งนี้เราไม่มีโอกาสได้ลอง แต่เราสามารถหาวิธีอะไรให้เราพอจะเห็นภาพได้ไหม ชีวิตก็เหมือนกัน หนูก็ลองหาวิธีที่จะอยู่กับทุกๆ วันให้ดีที่สุด ไม่ต้องสุขที่สุด ไม่ต้องทุกข์ที่สุด หรือถ้าทุกข์ที่สุดก็รับมือกับมันได้ สุขที่สุดก็รับมือกับมันได้ในทุกๆ วัน”
ภาพ: Cherprang BNK48 / Facebook
ไอดอลผู้ส่งต่อแรงบันดาลใจ และอยากให้ BNK48 เป็นพื้นที่แห่งการเติบโต
นอกจากการทำหน้าที่ที่ได้รับอย่างเต็มที่ในทุกบทบาทแล้ว เฌอปรางยังนำประสบการณ์ที่สั่งสมมายาวนานมาส่งต่อให้กับสมาชิกรุ่นใหม่ๆ ที่กำลังออกเดินทางบนเส้นทางสายเดียวกัน ด้วยความตั้งใจที่อยากจะให้วง BNK48 ได้เป็นพื้นที่ในการพัฒนาความสามารถและผลักดันให้ทุกคนได้เติบโตขึ้นจากก้าวแรกที่ออกเดินทางไปพร้อมกันอีกด้วย โดยเฌอปรางเคยให้สัมภาษณ์ถึงความรู้สึกหลังจากได้เห็นพัฒนาการที่เติบโตขึ้นของสมาชิกรุ่นที่ 2 ผ่านรายการ #POPLivexDepartCher ว่า
“ตอนที่รุ่น 2 เข้ามา เขามีเวลาแค่ 3 เดือนในการฝึกซ้อมต่างๆ พอหนูเห็นน้องแล้วก็รู้สึกสงสาร แต่โอเค เราก็เอาใจช่วยนะ ตอนนั้นพี่ๆ เองก็ยุ่งมาก แทบจะไม่มีเวลาทำอะไรเท่าไรด้วย แต่จำได้รางๆ ว่าเต้นไม่ค่อยจะได้กัน เสร็จแล้วมาวันที่มี Team NV แล้วหนูเข้าไปดูซ้อม ขนาดอยู่ในห้องซ้อมหนูเห็นเขาเอ็นจอยกับโชว์ขนาดนี้ หนูก็เลยรู้สึกว่า เฮ้ย เขาพัฒนานะ แล้วความตั้งใจของเฌอคืออยากให้ BNK48 เป็นพื้นที่ที่เด็กๆ หรือใครที่เข้ามาได้เติบโตจริงๆ ซึ่งมันก็กลายเป็นแบบนั้นจริงๆ ก็เลยรู้สึกดีใจที่ได้มีส่วนร่วมในการสร้างพื้นที่เหล่านี้ขึ้นมา”
และกลุ่มคนที่จะสามารถอธิบายถึงความผูกพันและความมุ่งมั่นตั้งใจของเฌอปรางที่อยากให้ BNK48 เป็นพื้นที่ในการพัฒนาและส่งต่อแรงบันดาลใจแก่ทุกๆ คนได้อย่างครบถ้วน ก็คงจะเป็นสมาชิก BNK48 ด้วยกัน เราจึงขอทิ้งท้ายบทความนี้ด้วยบทสัมภาษณ์ของ ฮูพ-ปาฏลี ประเสริฐธีระชัย กัปตัน Team BIII และ นาย-ภัทรนรินทร์ เหมือนฤทธิ์ กัปตัน Team NV ที่กล่าวผ่านรายการ #POPLivexDepartCher ถึงความประทับใจและแรงบันดาลใจที่ทั้งคู่ได้รับจากกัปตันวงและชิไฮนินของพวกเธอ
ซึ่งแม้ว่าหลังจากนี้เฌอปรางจะสิ้นสุดบทบาทการเป็นไอดอลเพื่อเริ่มต้นบทบาทใหม่ๆ ที่รออยู่ข้างหน้า แต่เชื่อว่าเธอก็จะยังคงเป็น ‘ไอดอล’ ของแฟนๆ ทุกคนที่คอยส่งต่อรอยยิ้มและแรงบันดาลใจให้แก่ผู้คนต่อไปอย่างแน่นอน
“หนูเชื่อว่าคงหาคนแบบพี่เฌอไม่ได้ ผู้หญิงที่สุดมากๆ ที่ 6 ปีแล้วก็ยังไม่ไปไหน ยังคงอยู่ทำตรงนี้ต่อ และไม่ได้มาทำแค่เพื่อตัวเอง แต่อยู่ในนี้แล้วรักจริงๆ แล้วรู้สึกว่าอยากให้น้องๆ ได้ดี อยากให้น้องๆ ได้ลองไปมีโอกาส อยากให้น้องๆ ได้มีพื้นที่สื่อ อยากให้น้องๆ ได้ลองทำอะไรใหม่ๆ อยากให้น้องๆ ได้โตขึ้น หนูว่าหาคนแบบนี้ยากมากๆ แล้ว BNK48 โชคดีมากที่เรามีพี่เฌอค่ะ” – ฮูพ กัปตัน Team BIII
“หนูมองพี่เฌอเป็นแรงบันดาลใจค่ะ หนูรู้สึกว่าพี่เฌอเป็นคนที่มีอิทธิพลกับวงมากๆ เป็นคนที่หนูรู้สึกว่าหนูเหมือนเป็นเด็กน้อยที่มองพี่เฌอแล้วคิดว่า เราจะทำได้แบบเขาไหม ไม่ได้บอกว่าเราจะต้องพยายามเป็นเหมือนพี่เฌอ แต่ว่าเราจะสามารถซึมซับการทำงานหรืออะไรก็ตามได้แบบพี่เขาไหม การที่หนูได้มาเป็นกัปตัน Team NV มันก็ทำให้เราโตไปอีกขั้นหนึ่ง เหมือนได้เรียนรู้อะไรหลายๆ อย่าง มันเหมือนเป็นการมองพี่เฌอแบบห่างๆ และซึมซับความเป็นพี่เฌอ อยากจะเข้าใจเขาว่าเขายืนอยู่ตรงจุดที่สูงสุดมากๆ แล้วเขารู้สึกอย่างไรบ้าง” – นาย กัปตัน Team NV
อ้างอิง:
- https://happeningandfriends.com/article-detail/429?lang=th
- www.animenewsnetwork.com/encyclopedia/anime.php?id=13805
- https://thestandard.co/cherprang-bnk48-timeline/
- https://akb48.fandom.com/wiki/Cherprang_Areekul
- www.youtube.com/watch?v=kcjI0IKvW2Q
- http://stage48.net/wiki/index.php/WRD48
- www.youtube.com/watch?v=Ay1smcUtJW0&t=203s
- www.youtube.com/watch?v=kIylxbpTWo8
- www.youtube.com/watch?v=NRoUysOG5HU&t=66s