×

1 ปีโศกนาฏกรรม ‘ชาเปโคเอนเซ’ และปาฏิหาริย์ที่เกิดขึ้นหลังจากนั้น

27.11.2017
  • LOADING...

HIGHLIGHTS

7 Mins. Read
  • เมื่อวันที่ 28 พ.ย. ปีที่แล้ว เครื่องบินเช่าเหมาลำขนาดเล็กที่บรรทุกทีมฟุตบอล ชาเปโคเอนเซ เกิดอุบัติเหตุตกกลางหุบเขาของประเทศโคลอมเบีย 70 ชีวิตที่ประกอบไปด้วยผู้เล่นและสตาฟฟ์ของชาเปโคเอนเซชุดใหญ่เกือบทั้งหมด รวมถึงผู้สื่อข่าวอีก 21 คนจากไปในเสี้ยววินาที
  • จากการสืบสวนถึงสาเหตุของการตกของเครื่องบิน และส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตมากถึง 71 คน จากจำนวนผู้โดยสารทั้งหมด 77 คน มีการเปิดเผยเทปบันทึกเสียงที่นักบินได้ติดต่อกับหอบังคับการบินของสนามบินเมเดลลิน โดยนักบินแจ้งว่าน้ำมันหมด
  • การจากไปของสมาชิกเกือบยกสโมสรของชาเปโคเอนเซ ไม่ทำให้สโมสรแห่งนี้แตกดับไปด้วย พวกเขาพยายามดิ้นรนอย่างสุดความสามารถ ท่ามกลางไมตรีมากมายที่ถูกหยิบยื่นให้จากหลากหลายสโมสรที่พร้อมให้ความช่วยเหลือ แต่ชาเปโคเอนเซขอปฏิเสธความหวังดีของทุกฝ่าย เพราะอยากจะกลับมาอีกครั้งให้ได้ด้วยตัวเอง แม้จะรู้ว่ามันยากลำบากอย่างยิ่งก็ตาม

 

เมื่อวันที่ 28 พ.ย. ปีที่แล้ว เครื่องบินเช่าเหมาลำขนาดเล็ก Avro RJ85 ของสายการบิน LaMia เที่ยวบิน 2933 ได้ออกเดินทางจากเมืองซานตาครูซ เดอลา เซียรา ในประเทศโบลิเวีย โดยมีเป้าหมายที่เมืองเมเดลลิน ในประเทศโคลอมเบีย

 

ในเที่ยวบินนั้นเต็มไปด้วยความฝัน-ฝันของทีมฟุตบอลเล็กๆ แห่งหนึ่งที่กลายเป็นปรากฏการณ์ในประเทศบราซิล จากการที่สามารถเข้าชิงชนะเลิศรายการ โคปา ซูดาเมริกานา (Copa Sudamericana) รายการชิงแชมป์ฟุตบอลระดับสโมสรในอเมริกาใต้ โดยพวกเขาจะพบกับ อัตเลติโก นาซิอองนาล

 

นี่เป็นครั้งแรกของ ชาเปโคเอนเซ เจ้าของสมญา ‘เลสเตอร์แห่งบราซิล’ ในความหมายของทีมที่เป็นเจ้าของเรื่องราวที่น่ามหัศจรรย์เฉกเช่นเดียวกัน

 

แต่สิ่งที่แตกต่างจากสโมสรดังของอังกฤษคือบทสรุปที่พวกเขาไม่ได้ร่วมฉลองชัยชนะที่ยิ่งใหญ่ด้วยการแห่รอบเมือง

 

“ลิมา-ไมค์-อินเดีย 2933 เครื่องไม่สามารถใช้การได้ ระบบไฟฟ้าทุกอย่างขัดข้อง และน้ำมันหมด”

 

LaMia 2933 เมื่อไม่มีน้ำมันก็ไม่ต่างอะไรจากแผ่นเหล็กที่ลอยบนฟ้า

 

ไม่มีแสงไฟในห้องโดยสาร แสงสุดท้ายจากดวงไฟเล็กๆ จากไป ทุกคนตกอยู่ในความมืดมนอนธการ

 

แล้วความฝันก็ดับลงตรงนั้น ณ หุบเขาแห่งหนึ่งไม่ห่างจากสนามบินเมืองเมเดลลิน

 

ปลายทางที่พวกเขาไปไม่ถึง

 

 

ลางมรณะ และวินาทีชีวิตในความมืดมิด

เรื่องบางอย่างก็ยากจะเชื่อ โดยเฉพาะความฝันและลางบอกเหตุซึ่งไม่สามารถพิสูจน์ได้ด้วยศาสตร์ใดๆ ในปัจจุบัน

 

แต่มันคือเรื่องที่เกิดขึ้นจริงกับ เนโต้ (Neto) ปราการหลังวัย 32 ปีที่ฝันถึงเหตุเครื่องบินตกและตัวเขาเป็นผู้รอดชีวิต ก่อนหน้าที่จะเกิดเหตุการณ์เครื่องบินของทีมชาเปโคเอนเซตกเพียงแค่หนึ่งสัปดาห์

 

“ผมเคยฝันว่าเรื่องนี้มันเกิดขึ้น ก่อนหน้าที่เราจะออกเดินทางไปแข่งนัดชิงชนะเลิศ ซูดาเมริกานา ผมฝันร้าย มันเป็นฝันที่เลวร้ายมาก เมื่อตื่นขึ้นมาผมก็ได้บอกกับภรรยาว่าผมฝันว่าเครื่องบินตก ผมอยู่ในเครื่องบินลำนั้น ฝนตกลงมาหนักมากและเครื่องบินก็ดับก่อนจะตกลงมาจากท้องฟ้า แต่ผมลุกขึ้นจากซากเครื่องบินลำนั้น ผมเดินบนภูเขาในตอนกลางคืน ทุกอย่างมืดมิดไปหมด และนั่นเป็นรายละเอียดที่ผมจำได้อย่างแม่นยำ”

 

เนโต้ เล่าถึงสิ่งที่เขาฝันถึงได้อย่างแม่นยำ เพราะมันเป็นสิ่งที่เขาไม่มีวันลืมตลอดชีวิต

 

“ในวันเดินทาง ผมยังไม่ลืมฝันร้ายนั้น ภาพในความฝันมันชัดเจนมาก และมันก็ส่งผลกระทบต่อจิตใจของผมมาก ผมเลยส่งข้อความถึงภรรยาของผมให้ช่วยสวดภาวนาขอให้พระเจ้าช่วยปกป้องผมจากฝันร้ายนั้น ผมไม่อยากจะเชื่อว่ามันจะเกิดขึ้น แต่ผมก็ขอให้เธอช่วยสวดภาวนาให้ผม”

 

ทุกอย่างที่เขาฝันมันเกิดขึ้นจริงๆ

 

 

เครื่องบินขัดข้องอย่างรุนแรง แสงไฟในเครื่องดับลง ทุกอย่างมืดมิด ความเร็วของเครื่องลดลงอย่างรวดเร็ว

 

จากความสงบในช่วงแรก เสียงสวดภาวนาดังขึ้นเรื่อยๆ บ้างตะโกนโวยวายด้วยอยากรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับเครื่องบินลำนี้ และอะไรกำลังจะเกิดขึ้นกับพวกเขา

 

ก่อนที่ทุกอย่างจะเงียบไป

 

แจ็คสัน จำอะไรไม่ได้อีกหลังจากนั้น เช่นเดียวกันกับ เนโต้ ขณะที่ อลัน เขาจำเหตุการณ์อะไรไม่ได้เลย แม้ว่าจะพยายามนึกเท่าไรก็ตาม

 

“เหมือนกับสมองของผมพยายามปิดกั้นความทรงจำนั้น”

 

70 ชีวิตที่ประกอบไปด้วยผู้เล่นและสตาฟฟ์ของชาเปโคเอนเซ ชุดใหญ่เกือบทั้งหมด รวมถึงผู้สื่อข่าวอีก 21 คนจากไปในเสี้ยววินาที

 

1 ชีวิตของ ดานิโล ผู้รักษาประตูตัวจริงรอดชีวิตจากเหตุการณ์ แต่สุดท้ายแล้วแพทย์ไม่สามารถรักษาชีวิตของเขาเอาไว้ได้

 

มีเพียง 6 คนที่รักษาลมหายใจเอาไว้ได้

 

3 ในนั้นคือนักเตะในทีม แจ็คสัน โฟลมันน์ ผู้รักษาประตูตัวสำรอง, อลัน รัสเชล แบ็กซ้าย และ เนโต้ ผู้เห็นลางมรณะ

 

โดยที่ทั้งหมดก็เกือบเอาชีวิตไม่รอดเหมือนกัน

 

 

เผชิญหน้าคมเคียวพญามัจจุราช

หลังเครื่องบินตกลงสู่กลางหุบเขาในเมืองเมเดลลิน การค้นหาผู้รอดชีวิตได้เริ่มขึ้นทันที

 

และทุกอย่างเต็มไปด้วยความยากลำบาก เนื่องจากจุดที่เครื่องบินตกอยู่กลางหุบเขา และเหตุเกิดในช่วงกลางคืนทำให้การเข้าถึงเป็นไปอย่างยากลำบาก

 

แต่เจ้าหน้าที่กู้ภัยของโคลอมเบียได้พยายามอย่างเต็มที่ แม้จะรู้ว่ามีความหวังไม่มากนัก

 

แจ็คสัน เล่าถึงนาทีชีวิตของเขาว่า “ผมตื่นขึ้นมาแล้วพบว่าตัวเองอยู่ในป่า ผมลืมตาขึ้นแต่ทุกอย่างมันมืดไปหมด แล้วมันก็หนาวมาก ผมมองไม่เห็นอะไรเลย ผมได้ยินแค่เสียงคนกำลังเจ็บปวดทรมาน และร้องขอความช่วยเหลือ ผมก็พยายามร้องขอความช่วยเหลือด้วยเหมือนกัน แต่ผมไม่รู้เลยว่าตอนนั้นผมอยู่ตรงไหน ผมไม่รู้ว่าผมกระเด็นตกออกมาจากเครื่อง ผมจำได้แค่ว่าผมพยายามร้องขอว่าผมยังไม่อยากตาย”

 

“เรื่องที่ทรมานใจที่สุดคือการที่ได้ยินเสียงเพื่อนของผมพยายามร้องขอความช่วยเหลือ แต่ผมทำอะไรไม่ได้ ผมลุกไม่ขึ้น มันมืดมากและผมก็มองไม่เห็นใครเลย ผมได้สติและผมก็หมดสติ เป็นแบบนี้ไม่รู้กี่ครั้ง จนถึงเวลาหนึ่งผมได้เห็นแสงไฟในป่า และมีคนตะโกนว่า “เจ้าหน้าที่ตำรวจๆ มาทางนี้”

 

เมื่อถึงตอนนั้น แจ็คสันไม่ได้ยินเสียงของคนที่อยู่ใกล้ๆ ตัวเขาอีกแล้ว…

 

แต่ตัวเขาได้ยินเสียงว่า “ใจเย็นๆ นะ คุณปลอดภัยแล้ว”

 

เนลสัน เจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นผู้ที่ช่วยชีวิตเขาไว้ โดยได้บอกเล่าในภายหลังว่าสิ่งที่เขาได้เห็นในจุดเกิดเหตุนั้นเป็นสิ่งที่เลวร้ายที่สุดในชีวิตของเขา และการช่วยชีวิตแจ็คสัน ก็เป็นไปอย่างยากลำบากเพราะไม่สามารถยกหลังขึ้นได้ เพราะอาการบาดเจ็บรุนแรงมาก

 

และแจ็คสันก็เสียขาขวาไปแล้วในเวลานั้น โดยที่เท้าซ้ายของเขายังยึดติดกับร่างกายได้ด้วยเส้นเอ็นเท่านั้น

 

แต่เนลสันและเจ้าหน้าที่ทุกคนพยายามอย่างสุดความสามารถเพื่อที่จะรักษาชีวิตที่ไม่ต่างอะไรจากเทียนริบหรี่ของแจ็คสันเอาไว้ให้ได้

 

เสียงสุดท้ายก่อนที่แจ็คสันจะหมดสติไปคือ “ขอน้ำหน่อย”

 

เจ้าหน้าที่ได้ให้น้ำแห่งชีวิตกับเขา และมันทำให้เขารอดมาได้ในที่สุด

 

สำหรับ เนโต้ และ อลัน พวกเขาได้สติที่โรงพยาบาล

 

 

ประโยคแรกที่เนโต้ถามคุณหมอคือ “หมอ เกิดอะไรขึ้นในเกม? ผมได้รับบาดเจ็บเหรอ?”

 

คำตอบที่เขาได้รับจากคนที่รักษาชีวิตของเขาไว้คือ “ใช่ เนโต้ คุณได้รับบาดเจ็บระหว่างเกม”

 

เขายังสอบถามสกอร์ แต่ไม่ได้รับคำตอบ หมอบอกเพียงว่าเขาไม่รู้ เขาแค่มาดูแลคนบาดเจ็บเท่านั้น

 

เนโต้เชื่อสนิทในคำของหมอ และเขายังโกรธพระเจ้าที่มาพรากเกมนัดชิงชนะเลิศของเขาไป แต่เมื่อเวลาผ่านไป เขาเริ่มสังเกตบาดแผลตามร่างกายของตัวเองที่มีอยู่เต็มตัวไปหมด มันไม่ใช่สิ่งที่จะเกิดขึ้นในระหว่างเกมแน่

 

มันแปลกเกินไป

 

เขาพยายามคิดว่าอาจจะโดนทำร้ายจากแฟนบอลที่พยายามบุกลงมาในสนาม แต่ก็ไม่ได้คิดถึงเรื่องของเที่ยวบินนั้นแม้แต่น้อย

 

จนกระทั่งเขาลืมตาตื่นขึ้นมาในเช้าวันหนึ่งและได้เห็นพ่อของเขานั่งร้องไห้อยู่ เขาจึงรู้ว่าทุกคนกำลังโกหก

 

เขาได้รู้ความจริงหลังจากนั้นท่ามกลางครองครัวและคุณหมอ รวมถึงจิตแพทย์ที่ตัดสินใจบอกความจริงในสิ่งที่เขาควรรู้

 

“แกจำสิ่งที่แกฝันได้ไหม” พ่อของเขาถาม ก่อนที่น้ำตาจะไหลออกมาจากตาของทุกคน

 

“เนโต้ มันไม่ใช่ความฝัน มันคือความจริง”

 

หมอแจ้งกับเขาต่อว่ามีแค่เขา แจ็คสัน และ อลัน เท่านั้นที่รอดชีวิต

 

ขณะที่แจ็คสันพอจะรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่เขาก็ไม่อยากรับรู้อะไรมากนัก และไม่มีใครที่อยากจะบอกอะไรกับเขาในระหว่างที่รักษาตัวอยู่ในห้อง ICU

 

จนกระทั่งวันหนึ่งที่จิตแพทย์เดินทางมาพบเขา และแจ้งเรื่องจริงที่โหดร้ายว่าเครื่องบินตก เขารอดชีวิตแต่จะไม่มีวันกลับไปเล่นฟุตบอลได้อีก เพราะขาขวาของเขาถูกตัดออกเพื่อรักษาชีวิต

 

แต่สำหรับอลัน เขารู้สึกดีใจที่พญามัจจุราชเพียงแค่ปลิดขาขวาของเขาไป ไม่ได้ปลิดลมหายใจของเขาด้วย

 

และเมื่อรู้ว่าอย่างน้อยเขายังเหลือ เนโต้ และ แจ็คสัน ที่รอดชีวิตมาด้วยกัน

 

มันทำให้เขาพร้อมที่จะสู้ต่อ

 

 

การคืนชีพจากเถ้าถ่านของทีมมหัศจรรย์

จากการสืบสวนถึงสาเหตุการตกของเครื่องบิน และส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตมากถึง 71 คน จากจำนวนผู้โดยสารทั้งหมด 77 คน มีการเปิดเผยเทปบันทึกเสียงที่นักบินได้ติดต่อกับหอบังคับการบินของสนามบินเมเดลลิน โดยนักบินแจ้งว่าน้ำมันหมด

 

ความจริง LaMia 2933 ถูกเตือนเรื่องปริมาณน้ำมันในเครื่องว่าอาจจะไม่เพียงพอที่จะไปถึงจุดหมาย และแผนที่จะหยุดเติมน้ำมันที่เมืองโคบิยา ในโบลิเวีย ก็พลาดไปเนื่องจากสนามปิดในช่วงกลางคืน ซึ่งนักบินมีการพูดถึงการหยุดเติมน้ำมันที่เมืองโบโกต้า เมืองหลวงของโบลิเวียก่อน แต่สุดท้ายกลับตัดสินใจที่จะเดินทางไปที่เมเดลลินเลย

 

มีการสรุปว่าสาเหตุของโศกนาฏกรรมเกิดจาก ‘ความผิดพลาดส่วนบุคคล’ ซึ่งสร้างความโกรธแค้นให้แก่ชาวเมืองชาเปโค (Chapeco) อย่างมากที่ความผิดพลาดของคนไม่กี่คนนำไปสู่หายนะที่เลวร้ายที่สุดของชาวเมือง ที่ถูกพรากความหวังไปจากลมหายใจของพวกเขา

 

แน่นอนว่าโศกนาฏกรรมครั้งนี้ยังพรากสมาชิกของครอบครัว คนรัก พ่อ พี่ และเพื่อนของใครหลายคนที่ต้องใช้ชีวิตต่อไปด้วยบาดแผลที่ไม่มีวันหายไปตลอดชีวิต

 

แต่ชีวิตต้องดำเนินต่อไป

 

การจากไปของสมาชิกเกือบยกสโมสรของชาเปโคเอนเซ ไม่ทำให้สโมสรแห่งนี้แตกดับไปด้วย พวกเขาพยายามดิ้นรนอย่างสุดความสามารถ ท่ามกลางไมตรีมากมายที่ถูกหยิบยื่นให้จากหลากหลายสโมสรที่พร้อมให้ความช่วยเหลือ แต่ชาเปโคเอนเซขอปฏิเสธความหวังดีของทุกฝ่ายเพราะอยากจะกลับมาอีกครั้งให้ได้ด้วยตัวเอง แม้จะรู้ว่ามันยากลำบากอย่างยิ่งก็ตาม

 

หนึ่งในคนที่พยายามอย่างสุดหัวใจที่จะทำให้ชาเปโคเอนเซยังคงอยู่คือ นิวัลโด้ ผู้รักษาประตูของทีมที่พลาดการเดินทางในเที่ยวบินมรณะครั้งนั้น ซึ่งแม้เขาจะรอดชีวิตแต่ก็ไม่สามารถทำใจลงแข่งขันในเกมลูกหนังได้อีกต่อไป

 

แต่เพื่อชาเปโคเอนเซ เขาตัดสินใจจะทำทุกอย่างเพื่อให้ทีมและความฝันของเพื่อนทุกคนที่จากไปและยังคงอยู่เดินหน้าต่อ เพราะการลงทะเบียนสำหรับฤดูกาลใหม่ 2017 จะเริ่มในอีกแค่หนึ่งเดือนหลังเหตุโศกนาฏกรรม

 

“เราใช้เวลา 20 วันจาก 8 โมงเช้าจนถึง 4 ทุ่มทุกวันในการติดต่อกับเอเจนต์และผู้เล่น จนสุดท้ายเราก็สามารถหาผู้เล่นได้ครบ 22 คน” นิวัลโด้ เผย

 

“มันซับซ้อนมากแต่เราก็จัดการสร้างทีมใหม่ได้สำเร็จ”

 

สำหรับ 3 นักเตะที่รอดชีวิตมีเพียง อลัน รัสเชล คนเดียวที่สามารถกลับมาเล่นฟุตบอลได้อีกครั้ง โดยในเกมกระชับมิตรนัดพิเศษที่บาร์เซโลนาเชิญชาเปโคเอนเซไปแข่งที่คัมป์ นู เพื่อหารายได้มอบให้แก่สโมสรและครอบครัวผู้สูญเสีย เมื่อวันที่ 7 ส.ค. เขาได้ลงสนามเป็นเวลา 37 นาทีก่อนจะถูกเปลี่ยนตัวออกมาพร้อมเสียงปรบมือกึกก้อง

 

อลันกลายเป็นตัวแทนของความหวังและความมุ่งมั่นของชาวบราซิล ในฐานะของผู้ที่ไม่เคยยอมแพ้ต่อโชคชะตา

 

แต่ไม่ใช่แค่เขาคนเดียว เนโต้เองก็มีโอกาสจะกลับมาได้อีกครั้ง แม้วัยจะมากและยังต้องฟื้นฟูร่างกายอีก

 

และที่ทำให้น้ำตาไหลทั้งที่หัวใจร้อนแรงดุจไฟคือภาพของ แจ็คสัน โฟลมันน์ ผู้รักษาประตูผู้สูญเสียขาขวาของเขาไปข้างหนึ่ง แต่มันไม่เคยทำให้เขาสูญเสียความตั้งใจที่จะเล่นเกมฟุตบอล

 

ล่าสุด แจ็คสันพยายามกลับมาลงซ้อมอีกครั้ง โดยที่ไม่เคยคิดว่าขาขวาที่หายไปจะเป็นอุปสรรคของเขา

 

“ถึงจะมีขาแค่ข้างเดียว แต่ผมก็จะไปให้ไกลกว่าตอนที่มีขาสองข้าง”

 

ขณะที่ชาเปโคเอนเซทีมที่รวบรวมนักเตะอย่างกระท่อนกระแท่นก็สร้างปาฏิหาริย์อีกครั้งด้วยชัยชนะเหนือ วิตอเรีย 2-1 เมื่อวันที่ 17 พ.ย. ที่ทำให้พวกเขาอยู่รอดในลีกฟุตบอลบราซิลต่อไปในฤดูกาลหน้าอย่างแน่นอน (ล่าสุดพวกเขาบุกชนะ บาเฮีย 1-0 และเหลืออีก 2 นัดจะจบฤดูกาล)

 

Vaaaamos, vamos Chapeee!!! เสียงตะโกนก้องในห้องแต่งตัวหลังชัยชนะครั้งสำคัญของพวกเขา

 

สู้ต่อไปชาเปทีมแห่งปาฏิหาริย์

 

Photo: AFP

อ้างอิง:

FYI
  • หลังเหตุโศกนาฏกรรม ทางด้านอัตเลติโก นาซิอองนาล ยกแชมป์รายการดังกล่าวให้แก่ ชาเปโคเอนเซ ทันที
  • หนึ่งในเรื่องเลวร้ายที่เกิดขึ้นจากเหตุโศกนาฏกรรม คือการที่สายการบิน LaMia และบริษัทประกันปฏิเสธจะจ่ายเงินค่าชดเชย 200,000 เหรียญสหรัฐให้แก่ครอบครัวของผู้เสียชีวิต โดยอ้างว่าประกันไม่ครอบคลุมเหตุที่เกิดขึ้น
  • นักฟุตบอลบางส่วนในทีมไม่พอใจผู้บริหารของสโมสรที่ไม่ได้พยายามให้ความช่วยเหลือ และรำลึกถึงผู้จากไปอย่างที่ควรจะเป็น แต่ทางด้านผู้บริหารของสโมสรยืนยันว่าพวกเขาก็พยายามอย่างเต็มที่แล้วเช่นกัน
  • แต่จะมีการรำลึกเหตุการณ์ดังกล่าวที่สนามฟุตบอลอารีนา คอนดา ของพวกเขา โดยคาดว่าชาวเมืองชาเปโค จะเข้ามาร่วมรำลึกถึงผู้วายชนม์ด้วยหัวใจที่โศกเศร้าไม่ต่างจากปีที่แล้ว
  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising