×

ชวนสำรวจโลกของ CHANEL Skincare บิวตี้ไอเท็มที่เรียบง่ายแต่ลักชัวรี ล้ำสมัยแต่เข้าได้กับทุกไลฟ์สไตล์

09.08.2021
  • LOADING...
CHANEL Skincare

HIGHLIGHTS

6 mins. read
  • ส่องจุดเริ่มต้น CHANEL Skincare ที่ถือกำเนิดขึ้นในปี 1927
  • เปิดคุณสมบัติสกินแคร์ที่เน้นพัฒนาจากปัญหาผิว ด้วยศักยภาพของแล็บวิจัยใน 3 ทวีปอย่าง ฝรั่งเศส สหรัฐอเมริกา และญี่ปุ่น 
  • รู้จักเอกลักษณ์ของส่วนผสม CHANEL ที่ใครก็เลียนแบบไม่ได้ 
  • สำรวจความน่าสนใจของของแนวคิดการบ่มเพาะความงาม และการค้นพบวิถีความงามอันยั่งยืนในแบบฉบับของ CHANEL 

เมื่อนึกถึงแบรนด์ CHANEL หลายคนอาจนึกถึงความลักชัวรี ทั้งภาพลักษณ์ สไตล์ และความหรูหรางดงามอย่างไร้กาลเวลา โดยเฉพาะอาณาจักรน้ำหอมและเครื่องสำอางที่ตอบโจทย์การใช้งานตั้งแต่หัวจรดเท้า จนกลายเป็นไอเท็มยอดนิยมของเหล่าคนดังและหนุ่มสาวทั่วโลกที่เชื่อมั่นในคุณภาพของผลิตภัณฑ์เรื่อยมา แต่รู้หรือไม่ว่าเสน่ห์ที่จับต้องได้ของ CHANEL ไม่ได้มีเพียงน้ำหอมและเครื่องสำอางเท่านั้น THE STANDARD POP จึงขอพาทุกคนไปส่องสำรวจ ‘สกินแคร์’ ของ CHANEL แบบเจาะลึกถึงที่มาของแพสชันอันน่าทึ่งจากผู้ก่อตั้งที่ทรงอิทธิพลหนึ่งเดียวของ CHANEL อย่าง กาเบรียล ชาเนล ที่เปิดโลกของสกินแคร์ให้ทุกคนได้รู้จักตั้งแต่ปี 1927 

 

นับจากวันนั้นถึงวันนี้ สกินแคร์ของ CHANEL ผ่านการเดินทางที่ยาวไกล พร้อมกับการเก็บเกี่ยวประสบการณ์ฉบับมืออาชีพและมีการพัฒนาอย่างไร้ขีดจำกัด มีความร่วมสมัยและสามารถเบลนด์ไปกับโลกปัจจุบันได้อย่างกลมกลืน ทำให้สกินแคร์ของ CHANEL กลายเป็นบิวตี้ไอเท็มที่สร้างจากแพสชัน เรียบง่ายแต่ลักชัวรี ล้ำสมัยแต่เข้าได้กับทุกไลฟ์สไตล์ เราจะพาไปไขเคล็ดลับความโดดเด่นของสกินแคร์จาก CHANEL ด้วยกัน 

 

 

CHANEL Skincare ถือกำเนิดขึ้นครั้งแรกในปี 1927 

“ฉันต้องการสร้างผลิตภัณฑ์ความงามที่เรียบง่าย ใช้งานง่าย โดยไม่ยึดติดกับกฎเกณฑ์ใดๆ และสามารถเข้ากันได้กับทุกไลฟ์สไตล์” จากเจตนารมณ์ของ กาเบรียล ชาเนล ที่เคยประกาศไว้เมื่อครั้งก่อตั้งไลน์สกินแคร์ของแบรนด์ CHANEL ขึ้นมาครั้งแรก 

 

เปิดคุณสมบัติ CHANEL Skincare พัฒนาจากปัญหาผิวโดยเฉพาะ

We Say: เทรนด์ Selfcare ที่เข้ามาเป็นหนึ่งในไลฟ์สไตล์ของคนยุคปัจจุบัน ทำให้หนุ่มสาวและผู้ที่รักผิวใส่ใจในการศึกษาข้อมูลและ ‘ช่างเลือก’ สิ่งที่ ‘เหมาะสม’ กับตัวเองได้ดีขึ้น เมื่อใครสักคนเริ่มมองหาสกินแคร์ที่น่าเชื่อถือสักแบรนด์หนึ่ง ชื่อของ CHANEL จึงควรอยู่ในลิสต์อันดับต้นๆ เสมอ เราจะพาไปสำรวจดูว่าทำไม CHANEL จึงใส่ใจในการจำแนกผลิตภัณฑ์ไปตามสภาพผิวอย่างชัดเจน นั่นเป็นเพราะต้องการแก้ไขปัญหาผิวได้อย่างตรงจุด เข้าใจง่าย ไม่ซับซ้อน ซึ่งแต่ละไอเท็มจะมาพร้อมกับส่วนผสมอันโดดเด่นในแต่ละไลน์ผลิตภัณฑ์อย่างชัดเจน เช่น 

 

  • HYDRA BEAUTY จุดเด่นอยู่ที่การสกัดเอาสารบำรุงผิวจากดอกคามิลเลียสีขาว ที่ตอบโจทย์เรื่องการให้ความชุ่มชื้นสูง เสริมความแข็งแรงให้ผิวอย่างดีเยี่ยม ผิวจึงดูเปล่งปลั่งมีประกายสุขภาพดี
  • Sublimage เด่นเรื่องเสริมสร้างเซลล์ผิวใหม่ด้วยสารสกัดล้ำค่าจากวานิลลา แพลนิโฟเลีย ที่ช่วยบำรุงและเพิ่มความเปล่งประกายให้กับผิว
  • Le Blanc Skincare เน้นมอบผิวสุขภาพดีอย่างยั่งยืน เมื่อใช้แล้วผิวจะเหมือนได้เปิดสวิตช์แห่งความสว่างกระจ่างใสอย่างล้ำลึก ช่วยปรับให้สีผิวดูสม่ำเสมอ มีผลลัพธ์ผิวที่เนียนอมชมพูอย่างเป็นธรรมชาติ

 

 

รูปทรงของแพ็กเกจจิ้งและสีของผลิตภัณฑ์ช่วยบ่งบอกถึงการใช้งาน

We Say: หากสังเกตให้ดีจะพบว่า รูปแบบของการดีไซน์ผลิตภัณฑ์นั้นช่วยบ่งบอกถึงการใช้งานได้ด้วย โดยสกินแคร์ของ CHANEL นั้นจะถูกจำแนกด้วยสี แต่มาในบรรจุภัณฑ์ที่คล้ายคลึงกัน ไม่ว่าจะเป็นขวดหรือกระปุกทรงเหลี่ยมหรือทรงกลม หลอดทรงโค้งสำหรับผลิตภัณฑ์ล้างหน้า แพ็กเกจจิ้งทรงรีหรือรูปไข่ของแฮนด์ครีม ทำให้ไอเท็มเหล่านี้ถูกหยิบขึ้นมาใช้ได้ถนัดมืออย่างไม่จำกัดเพศและวัย แถมยังสามารถช่วยให้การจัดเก็บเข้าที่ได้อย่างเป็นระเบียบ ทั้งในกระเป๋า Tote ส่วนตัวในวันชิลๆ หรือจะจัดระเบียบใส่กระเป๋าเดินทางในทริปวันหยุดก็ลงตัวในทุกสถานการณ์ 

 

เปิดศักยภาพของแล็บวิจัยใน 3 ทวีป

We Say: จากการที่ CHANEL ให้ความสำคัญกับการใช้งานง่าย โดยไม่ยึดติดกับกฎเกณฑ์ใดๆ และสามารถเข้ากันได้กับทุกไลฟ์สไตล์นั้น เป็นสิ่งที่สะท้อนให้เห็นวิสัยทัศน์ของ กาเบรียล ชาเนล ที่ก้าวข้ามเรื่องโทนสีผิว เทรนด์สีผิว สภาพผิวแต่ละประเภทมาตั้งแต่ยุคแรกๆ ด้วยเหตุนี้การคำนึงถึงไลฟ์สไตล์ของกลุ่มเป้าหมายของแบรนด์ที่มีอยู่ทั่วโลกจึงครอบคลุมในการคำนึงถึงความแตกต่างของผิวแต่ละประเภทรวมถึงชาติพันธุ์ จึงทำให้ CHANEL ตั้งศูนย์วิจัยผลิตภัณฑ์สกินแคร์ใน 3 ทวีปของโลก ประกอบด้วย ศูนย์วิจัยในฝรั่งเศส สหรัฐอเมริกา และญี่ปุ่น ซึ่งเปิดโอกาสให้สามารถร่วมงานกับผู้เชี่ยวชาญที่เก่งที่สุดจากทั่วโลกได้ และทำให้สามารถเข้าใจถึงผิวของผู้หญิงจากทั่วโลกได้อย่างแท้จริง ทั้งในส่วนของผิวและวิถีชีวิต เพื่อนำมาพัฒนานวัตกรรมสู่ผลิตภัณฑ์ความงามที่ดีที่สุด และจากความตั้งใจของ กาเบรียล ชาเนล ที่มีความขบถ ไม่ยึดติดกับกฎเกณฑ์ ที่เห็นได้ชัดที่สุดคือเรื่องของเพศ นั่นเป็นหนึ่งในเหตุผลที่ทำให้เราได้รู้จักกับสกินแคร์ที่สร้างสรรค์มาเพื่อตอบโจทย์กลุ่มผู้ชายกับ Boy de CHANEL ซึ่งเป็นสิ่งสะท้อนสำคัญที่ชี้ให้เห็นว่า Selfcare ในแบบฉบับของ CHANEL นั้นเป็นเรื่องของทุกคนอย่างแท้จริง

 

 

เอกลักษณ์สำคัญของส่วนผสมสกินแคร์ CHANEL ที่ใครก็เลียนแบบไม่ได้ 

We Say: เอกลักษณ์สำคัญของสกินแคร์ CHANEL คือการสร้างสรรค์ส่วนผสมจากธรรมชาติที่พบได้เฉพาะใน CHANEL เท่านั้น อย่างแรกคือ Open Sky Lab สำหรับการเพาะปลูกและเก็บเกี่ยวเป็นของตัวเอง ซึ่งทำให้สามารถควบคุมคุณภาพได้ในทุกขั้นตอน ทำให้ได้ส่วนผสมที่มีคุณภาพสูงสุดจากทุ่งกว้างมาสู่ผิวของทุกคน

 

สิ่งที่สองคือที่มาของส่วนผสมที่ CHANEL มี เช่น Camellia ดอกไม้อันเป็นสัญลักษณ์ของ CHANEL ที่สามารถเก็บรักษาความลับของความชุ่มชื้นไว้อย่างสูงสุด จากคุณสมบัติของดอกคามิเลียที่บานในฤดูหนาว นักวิทยาศาสตร์ของ CHANEL จึงนำเอาจุดเด่นนี้มาสกัดเป็นส่วนผสมสำคัญที่มีในกลุ่มผลิตภัณฑ์ HYDRA BEAUTY นอกจากนี้สารสกัดล้ำค่าจาก Vanilla Planifolia ที่มีคุณสมบัติช่วยบำรุงและลดเลือนริ้วรอยให้กับผิว ก็ถือเป็นสารสกัดสำคัญของผลิตภัณฑ์ในกลุ่ม Sublimage ทุกชิ้น ความพิเศษเหล่านี้เองที่ทำให้ CHANEL โดดเด่นในการเลือกสรรส่วนผสมที่ให้ประสิทธิภาพสูงสุดเพื่อดูแลผิว รวมถึงศิลปะในการผสมผสานส่วนผสมที่มอบความพึงพอใจในการใช้พร้อมไปกับการมอบประสิทธิภาพสูงสุด โดยเฉพาะเอกลักษณ์ส่วนที่ 3 ของ CHANEL คือเทคโนโลยีที่ประกอบด้วยกรีนเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่เรานำมาใช้กับสกินแคร์ อาทิ ไมโครฟลูอิดิก ซึ่งเป็นการค้นพบทางเทคโนโลยีที่ผสานออยล์เข้ากับน้ำเข้าด้วยกัน ซึ่งเป็นส่วนผสมหลักของชั้นปกป้องผิว เพื่อสร้างไมโครดรอปเล็ตที่มีเอกลักษณ์และทรงพลัง แต่ละดรอปเล็ตมีสารสกัดทรงประสิทธิภาพ ซึ่งจะเก็บรักษาความบริสุทธิ์สูงสุดจนถึงเวลาที่คุณใช้ พร้อมเห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจนในทันที 

 

 

นี่สามารถบ่งบอกได้ถึงแพสชันและการสร้างสรรค์ที่เอาจริงเอาจังอย่างมีเอกลักษณ์ในแบบของ CHANEL ซึ่งมีการตั้งสถาบันวิจัยที่รวบรวมนักวิทยาศาสตร์จากหลากหลายแขนงทั่วโลกกว่า 250 คน ทั้งนักชีววิทยา, แพทย์ผิวหนัง, นักเคมี, นักพฤกษศาสตร์ ไปจนถึงนักพิษวิทยา จากผู้คิดค้นสูตรไปจนถึงผู้เชี่ยวชาญด้านการวิเคราะห์ทางประสาทสัมผัส พวกเขาใช้ความเชี่ยวชาญในการพัฒนานวัตกรรมสู่ผลิตภัณฑ์ความงามที่จะช่วยเพิ่มความสวยงามให้กับผิวและเติมเต็มความมั่นใจให้กับทุกเพศ ทุกวัย ทุกชาติพันธุ์ ทำให้ในแต่ละกลุ่มผลิตภัณฑ์ของสกินแคร์ CHANEL มีเอกลักษณ์ที่แตกต่างกัน เพื่อแก้ไขปัญหาผิวที่แตกต่างได้อย่างตรงจุด  

 

 

สำรวจความน่าสนใจของของแนวคิดการบ่มเพาะความงาม

We Say: เมื่ออ่านมาถึงตรงนี้ เราเชื่อเหลือเกินว่าคุณได้ทำความรู้จักมิติและมุมมองใหม่ๆ เกี่ยวกับ CHANEL Skincare ที่แต่ก่อนอาจไม่ได้รู้ลึกซึ้งว่าสกินแคร์แบรนด์นี้ดีอย่างไร ทำไมควรค่าแก่การใช้บำรุงผิว ทำไมถึงมีราคาสูง การที่เราพาคุณสำรวจผ่านการเดินทางไกลย้อนไปยังจุดเริ่มต้น ได้เข้าใจแนวคิด ความต้องการที่แท้จริงของ กาเบรียล ชาเนล ที่อยากเข้าไปอยู่ในใจของคนทุกไลฟ์สไตล์ได้อย่างเป็นมิตรและกลมกลืน ทั้งหมดก็ทำให้เราได้เข้าใจแล้วว่า CHANEL ไม่ได้ทำสกินแคร์เล่นๆ เพื่อประดับแบรนด์แต่อย่างใด เอาเข้าจริงนี่คือการบุกเบิกระดับตำนานแห่งสกินแคร์ที่กลายเป็นต้นแบบของสกินแคร์ลักชัวรีในปัจจุบันได้อย่างน่าภูมิใจ

 

ทั้งหมดมาจากแนวคิดที่น่าสนใจในการบ่มเพาะความงามที่ต้องการสร้างสรรค์วัตถุดิบสุดเอ็กซ์คลูซีฟจากธรรมชาติ ที่มีคุณภาพสูงเพียงพอสำหรับการนำมาใช้ในผลิตภัณฑ์สกินแคร์ของแบรนด์ มีการบ่มเพาะวัฒนธรรมแห่งความทุ่มเทที่มีพื้นฐานมาจากความเคารพ การเลือกให้ความงามเป็นหัวใจสำคัญของทุกขั้นตอนในการสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ที่ดีและมีคุณภาพ นอกจากนี้ยังมุ่งสู่การเป็นเลิศด้านการบ่มเพาะความเชี่ยวชาญด้านพฤกษศาสตร์และสิ่งแวดล้อมอย่างตระหนักในความรับผิดชอบต่อธรรมชาติ ซึ่งกลายเป็นจุดเด่นสำคัญของ CHANEL ที่มีสัญชาตญาณในการเป็นผู้นำด้านการวิจัย ไม่หยุดนิ่งต่อความคิดสร้างสรรค์ และพัฒนานวัตกรรมเพื่อส่งเสริมการผลิตในแผนระยะยาวเสมอ 

 

 

สำรวจวิถีความงามอันยั่งยืนในแบบฉบับของ CHANEL 

We Say: นอกจาก CHANEL Skincare จะทำให้เราได้รู้จักความเป็นบิวตี้ไอเท็มถือกำเนิดมาจากแพสชันที่จริงจังสู่เอกลักษณ์ของการเป็นสกินแคร์คุณภาพระดับโลก แล้ว อีกหนึ่งหัวใจสำคัญของ CHANEL Skincare คือ ‘ความงามที่ยั่งยืน’ ซึ่งมีการสังเกต ศึกษา และปกป้อง เพื่อเน้นพัฒนาและดึงสิ่งที่ดีที่สุดออกมาให้โลกได้เห็น รู้หรือไม่ว่าส่วนประกอบใดๆ จากธรรมชาติที่ CHANEL นำมาสกัดเป็นสารออกฤทธิ์ในการผลิตเป็นสกินแคร์บำรุงผิวนั้นเกิดจากการร่วมมือของทุกฝ่าย ทุกขั้นตอน จากทุกคนที่เป็นดั่งฟันเฟืองสำคัญที่มีจุดหมายร่วมกันในการแสดงออกถึงความโปร่งใสที่สามารถตรวจสอบได้ ทั้งในเรื่องของห่วงโซ่อุปทานของวัตถุดิบจากธรรมชาติที่ดูแลโดยแบรนด์ CHANEL 100% ผ่านกระบวนการที่เกิดจากความร่วมมือกันระหว่างแบรนด์กับนักวิจัย รวมถึงเกษตรกรที่ริเริ่มขึ้นเมื่อ 10 ปีที่แล้ว เพื่อให้กระบวนการผลิตสารออกฤทธิ์ที่นำมาใช้ในการผลิตสกินแคร์นั้นเป็นกระบวนที่ยั่งยืน และเป็นมาตรฐานที่ใช้ได้กับวัตถุดิบที่มาจากทั่วโลก ผ่าน 5 กฎสำคัญที่แสดงถึงการให้ความเคารพแหล่งผลิต อันได้แก่

 

  1. พื้นฐานของแรงบันดาลใจคือแหล่งบ่มเพาะความเชี่ยวชาญของ CHANEL 
  2. มุ่งสร้างห่วงโซ่อุปทานที่มีความยุติธรรมกับเกษตรกรที่ร่วมงานกับแบรนด์
  3. มุ่งรักษาความหลากหลายทางชีวภาพเอาไว้ 
  4. เน้นคุณค่าของท้องถิ่นด้วยวิถีนิเวศเกษตร
  5. ปกป้องมรดกที่จับต้องไม่ได้ที่เชื่อมโยงกับพืชพรรณที่แบรนด์นำมาใช้ในกระบวนการผลิต 

 

จากเรื่องราวทั้งหมด น่าจะเป็นการขยายมุมมองของแฟนๆ แบรนด์ ​CHANEL ให้ได้รู้จักตัวตนของความเป็น CHANEL Skincare ได้อย่างลึกซึ้งและเข้าใจมากขึ้น ว่าทำไมแบรนด์นี้จึงเป็นที่รักและได้รับความนิยมในคนที่รักผิวและต้องการเลือกสิ่งที่ล้ำค่าและดีที่สุด เพื่อตอบโจทย์การแก้ไขปัญหาผิวของตัวเองอย่างตรงจุด ผ่านตัวเลือกที่มีเอกลักษณ์อันหลากหลายที่ใครก็เลียนแบบ CHANEL ไม่ได้ ต่อจากนี้ไปทุกครั้งที่ได้หยิบสกินแคร์ชิ้นโปรดของ CHANEL ขึ้นมาใช้ หลายคนอาจรู้สึกต่างไปจากเดิม เพราะสิ่งที่อาจเพิ่มมากขึ้นคือความรู้สึกของการได้เป็นส่วนร่วมในครอบครัวที่เรียบง่ายแต่ลักชัวรี และที่สำคัญ ‘สกินแคร์ที่เข้าใจทุกไลฟ์สไตล์’ คือตัวเลือกที่ชาญฉลาดเสมอในการแก้ไขปัญหาผิวที่ตรงกับความต้องการของคุณ 

 

สำหรับใครที่อยากไปสำรวจผลิตภัณฑ์สกินแคร์ CHANEL ด้วยตนเอง สามารถคลิกไปที่เว็บไซต์ CHANEL เพื่ออ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่นี่: https://www.chanel.com/th/skincare/

 

ภาพประกอบ: กริน วสุรัฐกร

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising