วันนี้ (16 พฤษภาคม) ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวถึงประเด็นการร่วมทำงานกับรัฐบาลชุดใหม่ว่า ในลำดับแรกไม่ว่ารัฐบาลที่เข้ามาใหม่จะเป็นฝ่ายใด กรุงเทพมหานคร (กทม.) ก็พร้อมทำงานร่วมกัน เนื่องจากรัฐบาลคือคำสั่งของประชาชน เราต้องเคารพคำสั่งของประชาชน
สำหรับประเด็นการร่วมมือกับรัฐบาลนั้น กทม. มีหลายประเด็นที่อยากจะพัฒนาความร่วมมือ เช่น การพัฒนาที่อยู่อาศัยใกล้แหล่งการทำงาน หรือบ้านใกล้งาน งานใกล้บ้าน ซึ่งส่วนนี้ กทม. ไม่สามารถทำได้ด้วยตนเอง เนื่องจากข้อจำกัดด้านที่ดินและอำนาจในการพัฒนาที่อยู่อาศัยโดยตรง ซึ่งหากรัฐบาลเข้ามาสนับสนุนในส่วนนี้จะช่วยให้โครงการสำเร็จได้เร็วขึ้น
ชัชชาติกล่าวต่อไปว่า การพัฒนาบ้านใกล้งานนี้ยังมีส่วนในการลดปัญหาการจราจรและปัญหาฝุ่นด้วย เนื่องจากหากมีบ้านใกล้งานหรือใกล้โรงเรียนแล้วจะช่วยลดระยะทางและเวลาในการเดินทางลง
ประเด็นต่อมาที่ต้องมีการหารือ คือพื้นที่สีเขียวและพื้นที่สาธารณะ ที่เราอยากเห็นหน่วยงานราชการต่างๆ ร่วมกันพัฒนาพื้นที่ว่างของหน่วยงาน เช่น ใต้ทางด่วนหรือทางรถไฟ มาเป็นพื้นที่สีเขียว หรือทำ Hawker Center ที่จะส่งผลให้การขายของบนทางเท้าลดลงอีกทางหนึ่งด้วย
ชัชชาติกล่าวด้วยว่า อีกประเด็นหนึ่งที่สำคัญคือปัญหา PM2.5 ซึ่งจะต้องได้รับความร่วมมือจากรัฐบาลในเรื่องต่างๆ เช่น การประกาศ Low Emission Zone หรือการจำกัดปริมาณรถเข้าพื้นที่ใดพื้นที่หนึ่ง ซึ่งเป็นอำนาจของกรมขนส่งทางบกและตำรวจ หากมีนโยบายจากรัฐบาลด้วยจะทำให้โครงการเหล่านี้สำเร็จได้ง่ายยิ่งขึ้น
หรือประเด็นเรื่องแสงสว่าง หากรัฐบาลมีนโยบายให้การไฟฟ้านครหลวงเปลี่ยนหลอดไฟตามท้องถนนและตรอกซอกซอยให้เป็นประเภท LED ก็จะส่งผลให้โครงการสำเร็จได้รวดเร็วยิ่งขึ้น ขณะเดียวกัน การเปลี่ยนหลอดไฟเป็นหลอดประเภท LED ก็จะช่วยประหยัดค่าไฟประมาณครึ่งหนึ่งหากเทียบกับหลอดไฟประเภทเดิม
ซึ่งการไฟฟ้านครหลวงก็จะได้รับประโยชน์ในส่วนนี้ เนื่องจากเป็นผู้สนับสนุนค่าไฟริมทางสาธารณะอยู่แล้ว ที่ผ่านมา กทม. ได้ดำเนินการเองไปแล้วในหลายเส้นทาง เช่น สีลม สาทร แต่ก็มีข้อจำกัด เพราะต้องจัดสรรงบประมาณในเรื่องนี้กับเรื่องอื่นๆ เช่น การศึกษา สาธารณสุข ให้มีความเหมาะสม
สำหรับประเด็นอื่นๆ ที่จะต้องมีการหารือกัน คือเรื่องปัญหาของรถไฟฟ้าสายสีเขียว การเชื่อมต่อการขนส่งประเภทต่างๆ เป็นต้น