กลายเป็นเรื่องใหญ่ชวนติดตามในช่วงไม่กี่วันมานี้ กรณี ‘เซ็นทรัล วิลเลจ’ ลักชัวรีเอาต์เล็ตมูลค่าโครงการกว่า 5,000 ล้านบาท ซึ่งเคาะกำหนดวันเปิดตัว 31 สิงหาคม ทำให้ต้องเร่งก่อสร้างเพื่อให้ทันต่อกำหนด แต่ก็มีเหตุให้ต้องสะดุดเมื่อวันที่ 22 สิงหาคมที่ผ่านมา ทอท. หรือ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) ได้นำแท่งแบริเออร์มาปิดกั้นทางเข้าออก 2 ทาง
โดยระบุว่า ตัวโครงการรุกล้ำพื้นที่สนามบิน และอาจเป็นความเสี่ยงต่อการขึ้นและลงของเครื่องบิน ไม่กี่วันมานี้ถึงกับขึ้นป้ายด้านหน้าโครงการว่า ‘พื้นที่ในความครอบครองของ ทอท. ห้ามผู้ใดบุกรุก มิฉะนั้นจะดำเนินการตามกฎหมายโดยเด็ดขาด’ พร้อมกับตั้งเต็นท์โดยมีเจ้าหน้าที่ประจำอยู่ด้วย
ในขณะที่ ‘เซ็นทรัล วิลเลจ’ ก็ได้ขึ้นป้ายหน้าโครงการเช่นเดียวกันว่า ‘โครงการนี้ตั้งอยู่ติดทางหลวงแผ่นดิน มิได้รุกล้ำพื้นที่ผู้ใด’
ล่าสุดในช่วงเช้าวันนี้ (28 สิงหาคม) บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) หรือซีพีเอ็น ผู้บริหารและพัฒนาโครงการ ‘เซ็นทรัล วิลเลจ’ ได้ออกมาตั้งโต๊ะแถลงด่วนภายในโครงการอย่างเป็นทางการ หลังจากก่อนหน้านี้ได้ส่งเอกสารชี้แจงแก่สื่อมวลชน ยืนยัน ‘เซ็นทรัล วิลเลจ’ ทำทุกอย่างถูกต้องตามกฎหมาย ตลอด 5 ปีที่ผ่านมาตั้งแต่เริ่มทำโครงการ
ปรีชา เอกคุณากูล กรรมการผู้จัดการใหญ่ และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า การออกมาแถลงในครั้งนี้อยากจะชี้แจง 3 ประเด็นต่อ ทอท. ได้แก่
ประเด็นที่หนึ่ง: พื้นที่โครงการมีการเชื่อมทางเข้าออกอย่างถูกต้อง ไม่มีการรุกล้ำที่ดินของภาครัฐ (ที่ราชพัสดุ ลำรางสาธารณะ) และไม่ได้เป็นที่ดินตาบอด แม้โครงการจะตั้งติดกับทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 370 ซึ่งเคยเป็นที่ราชพัสดุ และมอบให้กรมทางหลวงสร้างและเป็นผู้ดูแล ซึ่งเป็นพื้นที่คนละส่วนกับพื้นที่ดินเวนคืนของสนามบินสุวรรณภูมิที่ ทอท. ดูแล
อีกทั้งทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 370 ถือเป็นทางหลวงสาธารณะ ที่ใช้เงินภาษีอากรของประชาชน ไม่ใช่ขององค์กรเอกชนใดที่จะมากล่าวอ้างเป็นเจ้าของได้ ขณะเดียวกันสิทธิ์ในการดูแลเป็นของกรมทางหลวง ซึ่งปัจจุบันมีผู้ใช้ประโยชน์เข้าออกได้ต่อเนื่องมาโดยตลอดจำนวน 88 ราย และ ทอท. เองก็ได้ขออนุญาตจากกรมทางหลวงในการใช้ประโยชน์เช่นกัน
ประเด็นที่สอง: ได้ปฏิบัติตามกฎหมายผังเมืองอย่างเคร่งครัด และไม่ได้มีการขอปรับผังเมืองแต่อย่างใด
ประเด็นที่สาม: ได้ขออนุญาตก่อสร้างในบริเวณพื้นที่เขตปลอดภัยในการเดินอากาศ จากสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทยอย่างถูกต้อง ตัวโครงการมีความปลอดภัยต่อการบิน ไม่ได้ละเมิดกฎใดๆ ทั้งด้านความสูง และไม่มีกิจกรรมใดๆ ที่จะส่งผลกระทบต่อการดำเนินงานของสนามบิน หรือรบกวนการบินแต่อย่างใด
“กรณีกังวลเรื่องอาจมีการยิงแสงเลเซอร์ ยืนยันว่าโครงการเป็นเอาต์เลตมอลล์ ไม่ใช่โรงมหรสพ ไม่จำเป็นต้องจัดงานใหญ่โตอะไรอยู่แล้ว เราเคารพและเห็นความสำคัญของเขตการบิน เราไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญก็จริง แต่ที่ผ่านมาก็เข้าหาหน่วยงานที่ดูแลอย่างสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย หรือ กพท. มาตลอด”
ส่วนจะเป็นประเด็นกลั่นแกล้งทางธุรกิจหรือไม่ ทางซีพีเอ็นไม่ขอคาดเดา แต่ยืนยันทำทุกอย่างถูกต้องตามกฎหมายมาตลอด และที่ผ่านมาตั้งแต่เริ่มก่อสร้างก็มีการติดป้ายประชาสัมพันธ์ให้รับรู้ แต่ทั้งนี้ ปรีชายอมรับว่าไม่ได้เข้าไปคุยกับ ทอท. โดยตรง ด้วยมองว่าไม่จำเป็น ที่สำคัญพื้นที่โครงการไม่ได้เข้าไปเกี่ยวกับ ทอท. เลย แต่ไปคุยกับ กพท. ซึ่งเป็นหน่วยงานที่รับผิดชอบโดยตรงมากกว่า
อย่างไรก็ตามจากกรณีที่ ทอท. ได้นำแท่งแบริเออร์มากั้นทางเข้าออก 2 ทาง ขณะนี้ทางซีพีเอ็นได้ยื่นคำร้องต่อศาลปกครองเพื่อขอคุ้มครองชั่วคราว ด้วยมองว่า ทอท. กำลังตีความข้างเดียวที่ไม่ถูกต้อง โดยศาลมีนัดไต่สวนช่วงบ่ายวันนี้ (28 สิงหาคม) ส่วนคำสั่งศาลจะออกมาในทิศทางไหนยังระบุไม่ได้ ขณะเดียวกันมีแผนรองรับในเรื่องนี้แล้ว
แต่ทั้งนี้ซีพีเอ็นยืนยันพร้อมที่จะเดินหน้าโครงการ ‘เซ็นทรัล วิลเลจ’ และเปิดตามกำหนดเดิมคือวันที่ 31 สิงหาคมนี้ นอกจากนี้ยังพร้อมที่จะพูดคุยกับ ทอท. เพื่อหาทางออกร่วมกัน
พิสูจน์อักษร: ลักษณ์นารา พักตร์เพียงจันทร์