เพราะเห็นแล้วว่า ‘ภูเก็ต’ จะกลายเป็นพื้นที่ยุทธศาสตร์สำคัญของ CPN ในภาคใต้ ทำให้เมื่อ 20 ปีที่แล้ว (ราวปี 2547) มีการเปิดตัว ‘เซ็นทรัล เฟสติวัล’ ที่วันนี้คือศูนย์การค้าที่ใหญ่ที่สุดในภาคใต้
ก่อนที่อีก 14 ปีต่อมาจากที่มีการลงทุนกว่า 2 หมื่นล้านบาท พร้อมกับระยะเวลาในการพัฒนากว่า 4 ปี จึงเปิด ‘เซ็นทรัล ภูเก็ต ฟลอเรสต้า’ บนพื้นที่ 4 แสนตารางเมตร โดยเพื่อรองรับ Luxury Lifestyle เทียบชั้นเมืองชายทะเลระดับโลกอย่าง ริเวียรา, ซานโตรินี, ไมอามี และฮาวาย
โดยถือเป็นการพัฒนาศูนย์การค้าระดับลักชัวรีแห่งแรกของ CPN แถมยังตั้งอยู่นอกพื้นที่กรุงเทพฯ ซึ่งเต็มไปด้วยเหล่าผู้มีเงิน เพราะ CPN มองในเวลานั้นว่า ต่อไปภูเก็ตจะเต็มไปด้วยกลุ่มเศรษฐี ไม่ว่าจะเป็นคนไทยหรือต่างชาติ ซึ่งที่สุดแล้วคำทำนายของ CPN ถือว่าไม่ผิดเพี้ยน
เรื่องนี้สะท้อนได้จากฐานข้อมูลของ The 1 ที่ชี้ให้เห็นว่าลูกค้าของเซ็นทรัล ภูเก็ต มียอดใช้จ่ายต่อคนสูงที่สุดเป็นอันดับ 1 ของศูนย์การค้าเซ็นทรัลพัฒนาทั่วประเทศ โดยลูกค้า Wealth Segment ที่เซ็นทรัล ภูเก็ต มีการใช้จ่ายสูงกว่าลูกค้า Wealth ของสาขาอื่นๆ ถึง 45%
ตัวเลขนี้สะท้อนการเติบโตของตลาดสินค้าลักชัวรีในไทยที่ปัจจุบันมีมูลค่าตลาดประมาณ 1.6 แสนล้านบาท โดยตลาดลักชัวรีไทยขยายตัวถึง 5.62% จนถึงปี 2571 คาดว่าจะแซงหน้าตลาดสิงคโปร์
“เรามีรายชื่อลูกค้าระดับท็อปสเปนเดอร์ราว 2,000 คน ซึ่งผู้ที่จะอยู่ในรายชื่อได้จะต้องใช้จ่ายปีละ 20-30 ล้านบาทในศูนย์การค้าของเรา” ดร.ณัฐกิตติ์ ตั้งพูลสินธนา กรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานการตลาด บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) พร้อมเสริมว่า “ในจำนวนนี้กว่า 40-60% เป็นคนภูเก็ต อีก 20% เป็นคนต่างชาติที่มาอาศัยที่นี่ เช่น รัสเซีย, ตะวันออกกลาง, จีน, อเมริกัน และยุโรป สุดท้ายคือคนกรุงเทพฯ ที่เดินทางมาพักผ่อน”
อย่างไรก็ตามแม้ช่วงโควิดจะทำให้กลุ่มนักท่องเที่ยวหายไป แต่ตอนนี้ด้วยสถานการณ์ต่างๆ ที่เริ่มฟื้นตัว ทำให้ศูนย์การค้าเติบโตต่อเนื่อง และมีทราฟฟิกดีกว่าช่วงก่อนโควิดถึง 30% “โดยเราพบว่าชาวต่างชาติใช้จ่ายมากกว่าคนไทย 3-4 เท่า แต่คนไทยจะมาบ่อยกว่าเฉลี่ยอาทิตย์ละ 2 ครั้ง”
ข้อมูลอ้างอิงจากสถิติการท่องเที่ยว กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ปี 2567 ระบุว่า ภูเก็ตนับเป็นจังหวัดที่สร้างเม็ดเงินทางเศรษฐกิจเป็นอันดับที่ 2 รองจากกรุงเทพฯ* ในปี 2566 ภูเก็ตสร้างรายได้จากการท่องเที่ยวของจังหวัดถึง 380,000 ล้านบาท และในปี 2567 ตั้งเป้ารายได้จากการท่องเที่ยวที่ 450,000 ล้านบาท โดยสิ้นปีนี้คาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้าภูเก็ตกว่า 12 ล้านคน
ภูเก็ตกำลังเติบโตจากแผนขยายสนามบินภูเก็ต เฟส 2 คาดว่าจะแล้วเสร็จในปี 2572 มีสิ่งอำนวยความสะดวก เช่น โรงพยาบาล, โรงเรียนนานาชาติ, ท่าเรือยอชต์, สนามกอล์ฟ และ Private Jet เป็นต้น
“ตอนนี้ภูเก็ตถือเป็น ‘บ้านหลังที่สอง’ ของเศรษฐีชาวไทยและต่างชาติ หรือ Asia’s Richest Beach Residential ด้วย Infrastructure ที่พร้อมรับนักท่องเที่ยวทั่วโลก” วิไลพร ปิติมานะอารี ผู้อำนวยการอาวุโสกลุ่มงานปฏิบัติการสาขาภูเก็ต บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน)
ศักยภาพที่เกิดขึ้นนี้เอง ทำให้ CPN มีแผนยก ‘เซ็นทรัล ภูเก็ต ฟลอเรสต้า’ ให้ขึ้นมาเทียบเท่ากับ ‘เซ็นทรัล เอ็มบาสซี’ ซึ่งแม้จะเป็นศูนย์การค้าเหมือนกัน แต่ไม่ได้อยู่ภายใต้ CPN แต่เป็น Central Group ซึ่งเป็นบริษัทแม่อีกที
สิ่งที่น่าสนใจคือการเตรียมขยายพื้นที่โซนลักชัวรี จากปัจจุบัน 2,000 ตารางเมตร โดยมีทั้งหมด 14 แบรนด์ เพิ่มเป็น 8,000 ตารางเมตรในปี 2571 (4 เท่า) เพื่อรองรับการเปิดตัวของอีกหลากหลายแบรนด์ชั้นนำ ซึ่งพื้นที่ชั้น 2 จะถูกเปลี่ยนให้เป็นร้านลักชัวรีทั้งหมด
วิไลพรขยายความว่า ที่หลายแบรนด์ประสบความสำเร็จมียอดขายติดอันดับสูงสุดที่เซ็นทรัล ภูเก็ต และในบางสินค้าสามารถทำยอดขายติดอันดับเป็น Top Rank ของโลก โดยการขยายนี้จะเพิ่มเป็นราว 30 แบรนด์ ซึ่งนอกจากแบรนด์ใหม่ที่เข้ามาแล้ว แบรนด์ที่มีอยู่เดิมก็ต้องการขยายพื้นที่ เช่นแต่เดิมมีพื้นที่ 100 ตารางเมตร แต่ตอนนี้อยากขยายเพิ่มเป็น 400-500 ตารางเมตร
“นอกจากกลุ่มผู้มีกำลังซื้อแล้ว เราพบว่าคนรุ่นใหม่ก็เป็นอีกกลุ่มที่ซื้อสินค้าลักชัวรีมากขึ้น โดยมองเป็นการลงทุน ซื้อไม่กี่ชิ้นแต่สามารถใช้ได้นาน และขายต่อในอนาคตได้”
ปัจจุบันเฉพาะ เซ็นทรัล ภูเก็ต ฟลอเรสต้า มีทราฟฟิกเฉลี่ย 5 หมื่นคน คาดว่าเมื่อขยายพื้นที่ลักชัวรีแล้วจะทำให้ยอดเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 20%
ปัจจุบันกลุ่มเซ็นทรัลมีการลงทุนในภูเก็ตมากที่สุดเป็นอันดับ 2 รองจากกรุงเทพฯ ประกอบด้วย 4 ศูนย์การค้า, 5 ห้างสรรพสินค้า, 7 โรงแรม, 3 คอนโดมิเนียม รวมถึงธุรกิจอื่นๆ ในกลุ่ม เช่น ซูเปอร์สปอร์ต, เพาเวอร์บาย, ไทวัสดุ, บีเอ็นบี โฮม, บีทูเอส, ออฟฟิศเมท, Tops Food Hall, Tops Market, Tops Daily, Tops Vita เป็นต้น
ขณะที่ CPN มีศูนย์การค้าในภาคใต้รวมทั้งหมด 5 แห่ง คือ เซ็นทรัล ภูเก็ต, สมุย, สุราษฎร์ธานี, นครศรีธรรมราช และหาดใหญ่