×

ศูนย์จีโนมฯ เปิดข้อมูลของ CDC สหรัฐฯ พบภูมิคุ้มกันตามธรรมชาติเหนือกว่าภูมิจากวัคซีน แต่เข็มกระตุ้นยังจำเป็น ลดป่วยหนักจากโอมิครอน

โดย THE STANDARD TEAM
31.01.2022
  • LOADING...
ศูนย์จีโนมฯ เปิดข้อมูลของ CDC สหรัฐฯ พบภูมิคุ้มกันตามธรรมชาติเหนือกว่าภูมิจากวัคซีน แต่เข็มกระตุ้นยังจำเป็น ลดป่วยหนักจากโอมิครอน

วันนี้ (31 มกราคม) ศูนย์จีโนมทางการแพทย์ คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี โพสต์ข้อความและภาพผ่านเฟซบุ๊ก เกี่ยวกับข้อมูลที่ได้จากศูนย์ควบคุมและป้องกันโรค (CDC) ของสหรัฐอเมริกา ที่ยอมรับว่าภูมิคุ้มกันตามธรรมชาติ (Natural Immunity) ที่ได้จากการติดเชื้อโควิด เหนือกว่าภูมิคุ้มกันที่ได้รับจากวัคซีน

 

ซึ่งข้อมูลจาก CDC ซึ่งศึกษาในอาสาสมัคร 1.1 ล้านคน จากแคลิฟอร์เนีย 752,781 คน และนิวยอร์ก 355,819 คน ที่เผยแพร่ในวันที่ 28 มกราคม 2022 อาจทำให้ทั่วโลกต้องกลับมาพิจารณานโยบายการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้น (Booster Shot) ครั้งใหม่หรือไม่

 

ข้อมูลจาก CDC สามารถสรุปได้ดังนี้

 

  1. หากใช้ผู้ไม่ได้ฉีดวัคซีนเป็นฐาน (Reference) ในการเปรียบเทียบ 
  • พบว่าผู้ที่ฉีดวัคซีนจะมีความเสี่ยงที่จะเจ็บป่วย ลดลง 6.2 เท่า (แคลิฟอร์เนีย) และ 4.5 เท่า (นิวยอร์ก)
  • พบว่าผู้ไม่เคยได้รับวัคซีน แต่เคยติดเชื้อตามธรรมชาติ จะมีความเสี่ยงที่ต้องเจ็บป่วย ลดลง 29 เท่า (แคลิฟอร์เนีย) และ 14.7 เท่า (นิวยอร์ก)
  • พบว่าผู้ที่ฉีดวัคซีน และเคยติดเชื้อตามธรรมชาติ จะมีความเสี่ยงที่ต้องเจ็บป่วย ลดลงถึง 32.5 เท่า (แคลิฟอร์เนีย) และ 19.8 เท่า (นิวยอร์ก)

 

  1. หากใช้ผู้ที่ไม่ได้ฉีดวัคซีนและเคยติดเชื้อมาก่อนเป็นฐาน (Reference) ในการเปรียบเทียบ 
  • พบว่าผู้ที่ฉีดวัคซีนจะมีความเสี่ยงที่จะเจ็บป่วย เพิ่มขึ้น 3.1 เท่า (แคลิฟอร์เนีย) และ 1.9 เท่า (นิวยอร์ก)

 

  1. หากใช้ผู้ที่ฉีดวัคซีนและเคยติดเชื้อมาก่อนเป็นฐาน (Reference) ในการเปรียบเทียบ 
  • พบว่าผู้ที่ฉีดวัคซีนจะมีความเสี่ยงที่จะเจ็บป่วย เพิ่มขึ้น 3.6 เท่า (แคลิฟอร์เนีย) และ 2.8 เท่า (นิวยอร์ก)

 

  1. การเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาล จากข้อมูลเฉพาะในแคลิฟอร์เนีย โดยใช้ผู้ไม่ได้ฉีดวัคซีนเป็นฐาน (Reference) ในการเปรียบเทียบ 
  • พบว่าผู้ที่ฉีดวัคซีนจะมีความเสี่ยงที่จะเจ็บป่วยเข้าโรงพยาบาล ลดลง 19.8 เท่า 
  • พบว่าผู้ไม่เคยได้รับวัคซีน แต่เคยติดเชื้อตามธรรมชาติ จะมีความเสี่ยงที่ต้องเจ็บป่วยเข้าโรงพยาบาล ลดลง 55.3 เท่า 
  • พบว่าผู้ที่ฉีดวัคซีน และเคยติดเชื้อตามธรรมชาติ จะมีความเสี่ยงที่ต้องเจ็บป่วยเข้าโรงพยาบาล ลดลงถึง 57.5 เท่า

 

“การฉีดวัคซีนครบโดส หรือ 2 เข็ม มีความจำเป็นยิ่งยวด ลดการเจ็บป่วย ลดการตาย ลดการกลายพันธุ์ ประชากรในโลกทุกคนควรได้รับการฉีดวัคซีนอย่างน้อยร้อยละ 70 ตามทิศทางขององค์การอนามัยโลก

 

“วัคซีนเข็มกระตุ้นควรให้ทุกคนถ้วนหน้า (One size fits all) หรือเลือกให้เฉพาะผู้ที่จะได้ประโยชน์ (Precision Medicine)

 

“วัคซีนเข็มกระตุ้นทั่วโลกมีนโยบายฉีดให้กับทุกคนเหมือนกันหมด (One size fits all) แต่ข้อมูลข้างต้นจาก CDC ออกมาบ่งชี้ว่า “กลุ่มประชากรที่มีภูมิคุ้มกันตามธรรมชาติจากการติดเชื้อมาก่อนหน้า” การฉีดวัคซีนดูจะไม่ก่อประโยชน์ในการช่วยป้องกันการเจ็บป่วย การเข้าโรงพยาบาลมากนัก เมื่อเทียบกับการไม่ฉีด

 

“ข้อมูลจาก CDC อาจส่งผลหรือไม่ในการปรับนโยบายการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้น จากเดิมทีฉีดให้กับทุกคน ปรับเป็นฉีดให้คนบางกลุ่มที่จะได้ประโยชน์ เช่น กลุ่มเสี่ยง 608 (ผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป, กลุ่ม 7 โรคเรื้อรัง และหญิงตั้งครรภ์) เข้าลักษณะของการแพทย์แม่นยำ (Precision Medicine)  

 

“ในอนาคต ก่อนการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นแก่คนทั่วไป อาจต้องตรวจเลือดวัดระดับภูมิคุ้มกัน (แอนติบอดี) กันก่อนหรือไม่ ว่าเคยติดเชื้อโควิดมาก่อนหรือไม่นั้น เป็นสิ่งที่ต้องติดตามกันต่อไป

 

“อย่างไรก็ตาม การศึกษาครั้งนี้ของ CDC เป็นข้อมูลที่ได้จากการวิเคราะห์ผ่านอาสาสมัคร 1.1 ล้านคน ในช่วงก่อนและระหว่างที่เดลตากำลังระบาด

 

“ขณะที่ ดร.เอริกา แพน นักระบาดวิทยา คนสำคัญของศูนย์สาธารณสุขแห่งรัฐแคลิฟอร์เนีย ได้กล่าวว่าปัจจุบันโอมิครอนได้เข้ามาแทนที่เดลตาเป็นที่เรียบร้อย และข้อมูลล่าสุดก็ชี้ให้เห็นว่า วัคซีนเข็มกระตุ้นช่วยป้องกันการติดเชื้อจากโอมิครอน ลดการเจ็บป่วย และลดการเสียชีวิตจากโอมิครอนได้อย่างมีนัยสำคัญ”

 

อ้างอิง:

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising