×

กางแผนปี 2567 ‘เซ็นทารา’ ขยายโรงแรมเพิ่ม 6 แห่งทั้งในและนอกประเทศ ไฮไลต์อยู่ที่ ‘มัลดีฟส์’ ตั้งเป้าโตสองหลักปีนี้

14.03.2024
  • LOADING...
เซ็นทารา

จากจำนวนนักท่องเที่ยวที่ทยอยฟื้นตัวหลังวิกฤตโควิดขึ้นมาแตะระดับ 28 ล้านคนในปี 2566 ภาพรวมของอุตสาหกรรมก็ปรับตัวดีขึ้นจนใกล้เข้าสู่สภาวะปกติ ส่งผลให้ธุรกิจในเครือเซ็นทาราพลิกกลับมาทำกำไรได้อีกครั้งหลังจากความกดดันในช่วงที่ผ่านมา

 

เซ็นทารามีรายได้รวมอยู่ที่ 9,932 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 52% เมื่อเทียบกับปี 2565 และมีกำไรก่อนค่าเสื่อมราคา ค่าตัดจำหน่าย ดอกเบี้ยจ่าย และภาษีเงิน (EBITDA) มากกว่าปี 2565 อยู่ 83% และรายได้ต่อห้องพักเฉลี่ยของทั้งหมด (RevPAR) เพิ่มขึ้น 19% อยู่ที่ 4,141 บาท

 


 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง:

 


 

ปี 2567 เป็นอีกปีที่ทางบริษัทเชื่อมั่นว่าธุรกิจจะสามารถเติบโตได้อย่างแข็งแรงอีกครั้ง เนื่องจากอัตราการเข้าพักเฉลี่ย (รวมโรงแรมร่วมทุน) จะอยู่ที่ 70-73% และจะมีรายได้ต่อห้องพักเฉลี่ยสูงสุดที่ 4,300 บาท รวมทั้งภาครัฐประเมินว่าจำนวนชาวต่างชาติที่จะเดินทางมาพักผ่อนในไทยสามารถมีได้มากถึง 35 ล้านคน ส่งผลให้หนึ่งในโครงสร้างพื้นฐานสำคัญอย่างที่พักจำเป็นต้องขยายตัวตามด้วย ทั้งนี้ เป้าหมาย 35 ล้านคนก็ต้องได้รับการสนับสนุนจากนโยบายรัฐบาลด้วย

 

“ปัจจัยที่จะทำประเทศไทยได้นักท่องเที่ยวตามเป้าจำเป็นต้องอาศัยการกระตุ้นจากภาครัฐ ซึ่งที่ผ่านมาโครงการฟรีวีซ่าก็เป็นหนึ่งในตัวกระตุ้นสำคัญที่ช่วยให้นักท่องเที่ยวกลับเข้ามาเพิ่ม” ธีระยุทธ จิราธิวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร โรงแรมและรีสอร์ทในเครือเซ็นทารา กล่าว

 

ด้วยแนวโน้มนี้เครือเซ็นทาราจึงประกาศแผนขยายธุรกิจ เพื่อตอบสนองความต้องการที่เพิ่มขึ้นเมื่อคนจากหลายประเทศทั่วโลกกลับมาเดินทางสูงขึ้นอีกครั้ง โดยแผนในปี 2567 คือการขยายธุรกิจไปยังตลาดใหม่ๆ 6 แห่ง แบ่งเป็นไทย 3 แห่ง สปป.ลาว 2 แห่ง และมัลดีฟส์ 1 แห่ง ดังนี้

 

  1. เซ็นทารา ไลฟ์ ละไม รีสอร์ท สมุย
  2. เซ็นทารา วิลลา เกาะพีพี
  3. เซ็นทารา ไลฟ์ สุราษฎร์ธานี
  4. โคซี่ เวียงจันทน์ น้ำพุ
  5. เซ็นทารา พลูมเมอเรีย รีสอร์ท ปากเซ
  6. เซ็นทารา มิราจ ลากูน มัลดีฟส์

 

‘เซ็นทารา มิราจ ลากูน มัลดีฟส์’ หนึ่งโปรเจกต์สำคัญที่มีกำหนดเปิดให้บริการเดือนพฤศจิกายน 2567 เป็นโครงการส่วนแรกของเซ็นทาราบนเกาะมาเล อะทอลล์เหนือ โดยสามารถเดินทางเข้าถึงด้วยสปีดโบ๊ตเพียง 30 นาทีจากท่าอากาศยานนานาชาติเวลานา 

 

“มัลดีฟส์เป็นหมุดหมายยอดฮิตที่หนึ่ง โดยเฉพาะในหมู่นักท่องเที่ยวชาวจีน ซึ่งน่าจะมีการเดินทางมาอย่างต่อเนื่อง พร้อมทั้งมีพฤติกรรมการใช้จ่ายค่อนข้างสูง จึงเป็นกลุ่มที่ช่วยให้ธุรกิจโรงแรมเราเดินหน้าต่อไป โดยเฉพาะในช่วงโลว์ซีซัน” กันย์ ศรีสมพงษ์ ประธานเจ้าหน้าที่การเงิน โรงแรมและรีสอร์ทในเครือเซ็นทารา กล่าวถึงศักยภาพของมัลดีฟส์

 

ในฟากของการลงทุน ปี 2567 เป็นช่วงเวลาที่เครือเซ็นทาราใช้งบลงทุนกับสร้างสินทรัพย์ระยะยาว (CAPEX) มากกว่าปี 2566 ประมาณ 3 เท่า ซึ่งกันย์ย้ำว่าการเพิ่มงบลงทุนคาดว่าจะสามารถทำให้เกิดการเติบโตได้ราว 14-15% จากปีก่อน และมีเป้ารายได้ปี 2567 รวมฝั่งธุรกิจอาหารที่ 29,000 ล้านบาท

 

“ปีนี้เป็นปีของการสร้าง Future Growth ส่งผลให้การใช้งบลงทุนเพิ่มสูงขึ้นพอสมควร จากเดิมที่ 2,200 ล้านบาท ขยับขึ้นมาเป็น 6,500-7,000 ล้านบาท” กันย์กล่าวเสริม

 

สำหรับส่วนของโรงแรมที่เปิดตัวไปแล้วในช่วงกลางปี 2566 อย่าง ‘เซ็นทารา แกรนด์ โอซาก้า’ โรงแรมแห่งแรกของเซ็นทารา ณ ประเทศญี่ปุ่น ก็แสดงให้เห็นถึงสัญญาณที่ดีจากผลตอบรับที่ดีตั้งแต่เปิดให้บริการ และในฤดูซากุระที่กำลังจะมาถึงทางโรงแรมก็มียอดจองเข้าพักกว่า 98% จนถึงกลางเดือนเมษายน

 

อีกหนึ่งประเทศที่เครือเซ็นทาราปักหมุดเอาไว้ก็คือเวียดนาม ที่ ณ ปัจจุบันทำสัญญารับบริการแล้ว 1 โรงแรม และกำลังจะตามมาอีก 8 ราย ซึ่งเหตุผลของการเลือกเวียดนามในสายตาของธีระยุทธให้เหตุผลไว้ว่าความสวยงามและลักษณะภูมิประเทศหลายจุดคล้ายคลึงกับประเทศไทย แต่การพัฒนาเชิงธุรกิจยังน้อยอยู่ ทำให้บริษัทมองว่าสิ่งนี้คือโอกาสที่ต้องคว้าเอาไว้

 

ทั้งหมดนี้คือภาพรวมที่เครือเซ็นทารามั่นใจว่าหากทุกอย่างเป็นไปตามแผนที่วางไว้ บริษัทจะสามารถก้าวขึ้นมาเป็น 1 ใน 100 แบรนด์โรงแรมชั้นนำระดับโลกได้ภายในปี 2570

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising