×

ก้าวไกลซักฟอกประยุทธ์ เปิดข้อมูลเอื้อกลุ่มทุนพลังงาน ทำค่าไฟแพงเกินจริง ซ้ำเติมความเดือดร้อนประชาชน

โดย THE STANDARD TEAM
21.07.2022
  • LOADING...
วรภพ วิริยะโรจน์

วานนี้ (20 กรกฎาคม) ที่อาคารรัฐสภา วรภพ วิริยะโรจน์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) พรรคก้าวไกล อภิปรายไม่ไว้วางใจ พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะประธานคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) โดยวรภพกล่าวถึงการขึ้นค่าไฟฟ้าในห้วงเดือนกันยายน-ธันวาคม 2565 ว่า ประชาชนอาจต้องเตรียมตัวจ่ายค่าไฟฟ้าแพงขึ้นเป็น 5 บาทต่อหน่วย โดยค่าไฟฟ้าที่ประชาชนต้องจ่ายแพงนั้นไม่ได้มีสาเหตุมาจากต้นทุนเชื้อเพลิงที่แพงขึ้นอย่างเดียว แต่มีสาเหตุมาจากการบริหารราชการแผ่นดินที่เอื้อประโยชน์ให้กลุ่มทุนพลังงานของรัฐบาล

 

วรภพกล่าวสรุป 4 ขั้นตอน เริ่มจากขั้นแรกคือ การประมาณการความต้องการใช้ไฟฟ้าของประเทศไทยไว้สูงเกินความเป็นจริงคือ ในแผนพัฒนาพลังงานไฟฟ้า หรือ PDP: Power Development Plan ขั้นตอนแรกของการทุจริตคอร์รัปชันเชิงนโยบายก็จะเกิดขึ้น เริ่มจากการที่ประมาณการความต้องการไฟฟ้าไว้สูงเกินความเป็นจริงตลอดมา

 

ขั้นที่ 2 คือ ตั้งเป้าหมายกำลังการผลิตไฟฟ้าส่วนเกินไว้สูง เพื่อไปสู่ขั้นที่ 3 คือ วางแผนให้มีโรงไฟฟ้าเพิ่มมากเกินความจำเป็น และเหตุผลที่ต้องประมาณการความต้องการไฟฟ้าไว้สูง ตั้งเป้าหมายกำลังการผลิตไฟฟ้าส่วนเกินไว้สูง และวางแผนเพิ่มโรงไฟฟ้าเกินความจำเป็น ในแผน PDP ก็เพื่อนำไปสู่ขั้นตอนที่ 4 คือ รัฐบาลหรือ กพช. ที่มีนายกฯ เป็นประธาน จะได้มีเหตุผลในการอนุมัติให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิต (กฟผ.) ทำสัญญาซื้อ-ขายไฟฟ้ากับเอกชนมากเกินความจำเป็นตามมา หรือมากเกินความต้องการใช้ไฟฟ้าที่จะเกิดขึ้นจริง โดยอ้างว่าเพื่อให้สอดคล้องกับแผน PDP ที่ทำไว้

 

ด้วยสัญญาซื้อ-ขายไฟฟ้า หรือ PPA: Power Purchase Agreement ที่รัฐบาลประกันกำไรให้เอกชนได้คืนทุนแถมกำไรที่ได้ลงทุนไปตลอดระยะเวลาอายุสัญญาซื้อ-ขายไฟฟ้า โดยไม่สนว่าประเทศไทยจะมีโรงไฟฟ้าเกินความจำเป็นหรือไม่ และต้นทุนของการมีโรงไฟฟ้าเกินความจำเป็นนี้ก็จะถูกนำมาคิดในโครงสร้างราคาไฟฟ้าที่ให้ประชาชนเป็นคนรับภาระ เป็นคนจ่ายค่าไฟฟ้าแพงเกินจริง จากขบวนการทุจริตคอร์รัปชันเชิงนโยบายด้านพลังงานไฟฟ้าอย่างเป็นระบบ

 

“แล้วผลลัพธ์ความเสียหายของการทุจริตคอร์รัปชันเชิงนโยบายเป็นเท่าไร ก็ต้องเริ่มจากว่าตอนนี้เรามีโรงไฟฟ้ามากเกินอยู่เท่าไร ฟังแล้วอาจจะตกใจครับท่านประธาน วันนี้เรามีโรงไฟฟ้าเกินความต้องการสูงสุดไป 54% ผมจะอธิบายให้ท่านประธานเข้าใจและเห็นภาพง่ายๆ แบบนี้ครับ ผมเอาข้อมูลเมื่อเดือนเมษายนปีนี้คือช่วงฤดูร้อน มักจะเป็นเดือนที่มีความต้องการไฟฟ้าสูงที่สุดในรอบปีอยู่แล้ว ซึ่งประเทศไทยมีความต้องการใช้ไฟฟ้าสูงที่สุด หรือค่า Peak ในเดือนเมษายน 2565 จะอยู่ที่ 33,177 MW เมื่อวันที่ 28 เมษายน 2565 เวลา 14.30 น.

 

“เรามีกำลังการผลิตตามสัญญาในระบบไฟฟ้าทั้งหมด เดือนเมษายนอยู่ที่ 51,040 MW ซึ่งคำนวณง่ายๆ ประเทศไทยมีกำลังการผลิตไฟฟ้าส่วนเกินหรือมีโรงไฟฟ้าเกินความต้องการใช้ไฟฟ้าสูงสุดอยู่ถึง 54% หรือ 17,863 MW ซึ่งแน่นอนครับ ย้ำอีกทีว่ากำลังผลิตไฟฟ้าส่วนเกินนี้ไม่ใช่ว่าโรงไฟฟ้าจอดเฉยๆ แล้วจบนะครับ เพราะการไฟฟ้าฝ่ายผลิตจะต้องจ่ายค่าประกันกำไรให้โรงไฟฟ้าเอกชนตามสัญญาซื้อ-ขายไฟฟ้าตลอดทุกเดือน และค่าใช้จ่ายเหล่านี้ก็จะวนกลับมาเป็นต้นทุนค่าไฟฟ้าของประชาชนทั้งหมด“

 

วรภพกล่าวดักทาง พล.อ. ประยุทธ์ ว่า ถ้าโพยมาให้ท่านนายกฯ อธิบายว่าการที่ประเทศไทยต้องมีกำลังการผลิตส่วนเกินสูงนั้น เพราะเป็นความมั่นคงทางพลังงาน เพื่อจะได้ไม่มีวันไหนที่ประเทศไทยไฟตกเลย ให้ท่านนายกฯ เอาโพยคืนไปเลย เพราะมาตรฐานสากลทางพลังงานเขารู้ทั่วกันว่ามาตรฐานกำลังการผลิตไฟฟ้าส่วนเกินอยู่กันที่เพียง 15% เท่านั้น

 

วรภพกล่าวสรุปตัวเลขมูลค่าความเสียหายถึง 45,819 ล้านบาทต่อปี และถ้าเอามูลค่าความเสียหายนี้หารด้วยจำนวนหน่วยไฟฟ้าที่ใช้ทั้งปี ก็จะได้ว่าทุกๆ หน่วยไฟฟ้าที่ประชาชนจ่ายไป ประชาชนจ่ายค่าไฟแพงเกินความจำเป็นให้กับกลุ่มทุนพลังงานไปถึง 0.24 บาทต่อหน่วย

 

“ทีนี้ท่านประธานและพี่น้องประชาชนทุกท่านก็ลองคำนวณดูเลยครับว่าเดือนๆ หนึ่งเราใช้ไฟฟ้าไปเท่าไร เอามาคูณด้วย 24 สตางค์ต่อหน่วย ก็จะได้เป็นค่าความเสียหายที่ประชาชนทุกคนถูกยักยอกเอาไปโดยรัฐบาล เพื่อผลประโยชน์ ความมั่งคั่งของกลุ่มทุน อย่างถูกกฎหมาย จากการทุจริตคอร์รัปชันเชิงนโยบายของรัฐบาล อย่างบ้านผมเดือนล่าสุดใช้ไฟฟ้าอยู่ที่ 732 หน่วย ก็เหมือนผมถูกยักยอกเงินไป 175 บาทต่อเดือน ปีๆ หนึ่ง 2,100 บาทโดยไม่จำเป็น โดยรัฐบาลที่เอื้อประโยชน์ให้กับกลุ่มทุน” วรภพกล่าว

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising