เกวิน นิวซัม ผู้ว่าการรัฐแคลิฟอร์เนีย ประกาศภาวะฉุกเฉินทั่วรัฐ หลังสถานการณ์ไฟป่าที่มีชื่อเรียกว่า Kincade Fire ทวีความรุนแรงมากขึ้นจากผลของกระแสลมกระโชก ความเร็วลม 144 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ซึ่งทำให้เปลวเพลิงไหม้ลามขยายวงกว้าง
วานนี้ (27 ตุลาคม) ทางการได้สั่งอพยพประชาชนอีกกว่า 180,000 คน ออกจากหลายชุมชนทางตอนเหนือของรัฐ รวมถึงเขตโซโนมา ซึ่งมีประชากรอาศัยอยู่จำนวนมาก จากการประเมินคาดว่ามีบ้านเรือนนับหมื่นหลังเสี่ยงถูกไฟป่าเผาทำลาย ซึ่งล่าสุดมีสิ่งปลูกสร้างและบ้านเรือน 79 หลัง ถูกเผาทำลายไปแล้ว
ขณะที่ความพยายามในการส่งกำลังเจ้าหน้าที่ดับเพลิงหลายพันนาย พร้อมเครื่องบินดับเพลิงเร่งควบคุมไฟป่า ยังไม่ประสบผลสำเร็จ โดยสามารถควบคุมไฟป่าไปได้เพียง 10% เนื่องจากกระแสลมแรงและสภาพพื้นที่ไฟป่าที่เกิดขึ้นในแถบเทือกเขาลึก ทำให้ยากต่อการเข้าถึง
ความหวั่นวิตกต่อการขยายวงของไฟป่าส่งผลให้บริษัท Pacific Gas & Electric (PG&E) หนึ่งในผู้ให้บริการไฟฟ้ารายใหญ่ของรัฐ ตัดสินใจตัดระบบไฟฟ้าใน 36 เขต ทางตอนเหนือของรัฐ โดยเริ่มตั้งแต่ช่วงเย็นวันเสาร์ (26 ตุลาคม) จนถึงช่วงกลางวันของวันนี้ตามเวลาท้องถิ่น ซึ่งถือเป็นการตัดไฟครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของรัฐ โดยมีบ้านเรือนและสถานประกอบธุรกิจต่างๆ ราว 965,000 แห่ง ได้รับผลกระทบ หรือคิดเป็นจำนวนประชาชนราว 2.35 ล้านคน
ทั้งนี้ ทางบริษัท PG&E ได้ออกแถลงการณ์เตือนลูกค้าผู้ใช้ไฟฟ้าก่อนการดับไฟตั้งแต่วันศุกร์ (25 ตุลาคม) ในขณะเดียวกัน ทางบริษัทเองก็ตกเป็นผู้ต้องสงสัยว่าอาจเป็นต้นตอไฟป่า Kincade Fire เนื่องจากมีข้อมูลบ่งชี้ว่า ไฟป่าเริ่มต้นขึ้นในช่วง 7 นาที หลังเกิดเหตุสายไฟฟ้าของทางบริษัทได้รับความเสียหาย แต่ทาง PG&E ยังไม่ยอมรับหรือปฏิเสธว่าสายไฟฟ้าที่เสียหายนั้น เป็นชนวนเริ่มต้นไฟป่าครั้งใหญ่นี้หรือไม่
ขณะที่ PG&E นั้นได้ยื่นคุ้มครองการล้มละลายแล้ว หลังเผชิญคดีฟ้องร้องจากกรณีถูกกล่าวหาว่าอุปกรณ์ของทางบริษัทที่มีอายุการใช้งานยาวนานเกิดขัดข้องและเป็นต้นตอของไฟป่า Camp Fire เมื่อปีที่ผ่านมา ซึ่งคร่าชีวิตประชาชนไป 85 คน และถือเป็นไฟป่าครั้งร้ายแรงที่สุดในประวัติศาสตร์ของรัฐแคลิฟอร์เนีย
พิสูจน์อักษร: ภาวิกา ขันติศรีสกุล
อ้างอิง: