×

BYD หนุน EV จีน ‘โต 8 เท่า’ ใน 5 ปี เอื้ออานิสงส์ต่อตลาดอาเซียนและยุโรป ขณะที่ค่ายรถยนต์ญี่ปุ่นอาจต้องเจ็บหนัก

04.09.2023
  • LOADING...
BYD

BYD หนุนอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า (EV) จีนโตก้าวกระโดดภายในระยะเวลา 5 ปี และครองตลาดส่งออกรถยนต์ไฟฟ้าทั่วโลกเพิ่มขึ้น 8 เท่า ด้วยราคาที่ผู้บริโภคเข้าถึงได้และมาตรการอัดฉีดจากรัฐบาล อย่างไรก็ตาม ต้องจับตาดูอีกครั้งเมื่อจีนเผชิญภาวะเศรษฐกิจถดถอย ทำให้กำลังซื้อในประเทศลดลง หลายค่ายรถจีนจึงหันไปบุกตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และยุโรป อย่างไรก็ตาม การที่จีนโตก้าวกระโดดรอบนี้อาจเป็นพายุลูกใหม่สำหรับค่ายรถยนต์ญี่ปุ่น

 

คนไทยคงเริ่มคุ้นหูกันแล้วกับแบรนด์รถยนต์ไฟฟ้าของจีน ไม่ว่าจะเป็น BYD, GWM, NETA, MG, GAC AION รวมทั้งกำลังมีจะมีรายใหม่ๆ อย่าง Chery และ Geely ยังไม่นับรวมรถบรรทุก JAC และ JMC ที่จะเข้ามาทำตลาดและเลือกฐานผลิตในไทยเพื่อบุกตลาดอาเซียนไปจนถึงยุโรป เพราะในขณะนี้เศรษฐกิจจีนที่ไม่สู้ดีเท่าไรนักทำให้บรรดาผู้ผลิตต้องมองหาตลาดใหม่ๆ ในต่างแดน ในขณะเดียวกัน ความเคลื่อนไหวครั้งนี้อาจเป็นสัญญาณอันตรายถึงค่ายรถญี่ปุ่นอย่าง Toyota, Nissan และ Honda ที่เป็นเจ้าตลาดมากว่า 60 ปี

 

สำนักข่าว Nikkei รายงานว่า อุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าจีนครองส่วนแบ่งการส่งออกรถยนต์ไฟฟ้าทั่วโลกเพิ่มขึ้น 8 เท่าในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา โดย BYD เป็นหนึ่งในแบรนด์รถยนต์ไฟฟ้าที่มีส่วนช่วยให้ตลาดจีนเติบโตอย่างรวดเร็ว ด้วยการขยายกำลังผลิตรถยนต์ไฟฟ้าอย่างต่อเนื่อง รวมถึงเป็นแบรนด์ที่ราคาที่จับต้องและเข้าถึงได้ง่าย

 


 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง:

 


 

อย่างไรก็ตาม ด้วยภาวะเศรษฐกิจของจีนที่เกิดขึ้นในขณะนี้ ทำให้การบริโภคในจีนลดลง ส่งผลให้บรรดาผู้ผลิตหันไปเพิ่มการส่งออกไปยังตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ขณะเดียวกัน การที่ค่ายรถยนต์จีนเข้ามาทำตลาดในอาเซียนกำลังกดดันให้เจ้าตลาดดั้งเดิมอย่างค่ายรถยนต์ญี่ปุ่นหายไปจากตลาดเร็วขึ้น

 

โดยหากดูจากการรายงานของสำนักงานพลังงานระหว่างประเทศพบว่าปี 2565 ส่วนแบ่งยานยนต์ไฟฟ้าจีนคิดเป็น 35% ของการส่งออกรถยนต์ไฟฟ้าทั่วโลก เมื่อเทียบกับปี 2561 ซึ่งมีเพียง 4.2%

 

ในทางตรงกันข้าม ที่ผ่านมาญี่ปุ่นถือเป็นผู้ส่งออกรถยนต์ไฟฟ้ารายใหญ่ที่สุดในปี 2561 ซึ่งมีส่วนแบ่ง 24.5% ล่าสุดกลับพบว่าส่วนแบ่งลดลงเหลือ 9.3% และยังมีสหรัฐอเมริกาและยุโรปที่ยังตามหลังอยู่มากเช่นกัน

 

EV จีนกำลังเข้ามาแทนที่ค่ายรถญี่ปุ่น

ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าช่วงปีที่ผ่านมามากกว่า 40% ของค่ายรถญี่ปุ่นได้รับผลกระทบจากการเข้ามาของรถยนต์พลังงานใหม่ (NEV) ซึ่งรวมถึงรถยนต์ไฟฟ้าที่ผลิตในจีน และการส่งออกไปยังยุโรปล้วนเป็นรถยนต์แบรนด์จีนอย่าง BYD

 

นอกจากนี้บรรดาผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าจากจีนต่างตั้งเป้าหมายเจาะตลาดยุโรปและภูมิภาคอื่นๆ ตัวอย่างเช่น Dongfeng Motor Group ของจีน ที่กำลังเพิ่มการส่งออกแบรนด์ Voyah เพื่อส่งออกรถยนต์อเนกประสงค์ EV รุ่น Free ไปยังอิสราเอล และส่งออกรถยนต์ไฟฟ้าไปยังเนเธอร์แลนด์ เดนมาร์ก และฟินแลนด์ และในอนาคตยังวางแผนส่งออกไปยังสวิตเซอร์แลนด์และไอซ์แลนด์อีกด้วย

 

สิ่งที่น่าสนใจก็คือ ยุโรปเป็นผู้ส่งออกรถยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์สันดาปภายใน แต่กลับกลายเป็นผู้นำเข้ารถยนต์ที่ใช้พลังงานไฟฟ้าจากจีนมากขึ้น

 

จากข้อมูลของสมาคมตลาดรถยนต์นั่งส่วนบุคคลของจีนล่าสุด พบว่าการส่งออกรถยนต์พลังงานใหม่ไปยังยุโรปตั้งแต่เดือนมกราคมจนถึงเดือนมิถุนายนมีจำนวนประมาณ 350,000 คัน หรือประมาณ 25% ของรถยนต์ไฟฟ้าและรถยนต์ปลั๊กอินไฮบริดที่จำหน่ายในยุโรป

 

ดังนั้นจะเห็นว่าการส่งออกของจีนมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นแม้ดัชนีราคาผู้บริโภคของจีนในเดือนกรกฎาคมจะลดลง 0.3% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ซึ่งถือเป็นการลดลงครั้งแรกในรอบ 2 ปี เนื่องจากการใช้จ่ายของผู้บริโภคที่ถดถอย และการเผชิญกับอุปสงค์ (Demand) ภายในประเทศที่ลดลง แต่รัฐบาลจีนก็พยายามส่งเสริมการผลิตรถยนต์พลังงานใหม่ด้วยเงินอุดหนุนจำนวนมหาศาลเพื่อกระตุ้นกำลังซื้อ

 

อย่างไรก็ตาม ในอนาคตจีนอาจมีกำลังการผลิตส่วนเกิน และหากนำไปใช้เพื่อการส่งออกก็จะถูกหั่นราคา แต่หากรถยนต์จีนส่งออกไปตีตลาดยังเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มากขึ้น จะยิ่งสะเทือนไปถึงญี่ปุ่นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

 

S&P Global วิเคราะห์ว่า ส่วนแบ่งของผู้ผลิตรถยนต์ญี่ปุ่นในตลาดโลกจะลดลงจากประมาณ 30% เหลือต่ำกว่า 26% ในปี 2573 และยังคงตามหลังเทคโนโลยีพลังงานไฟฟ้า และท้ายที่สุดก็จะกระทบต่อการแข่งขันในตลาดส่งออก

 

อ้างอิง:

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising