เรียกว่ามาถูกทางแล้วจริงๆ สำหรับ ‘Burger King’ หลังจากปรับภาพลักษณ์ครั้งใหญ่ทั้งการบริหารร้านและการทำการตลาด หวังฟื้นฟูธุรกิจ ล่าสุดเริ่มเห็นสัญญาณบวก ยอดขาย-กำไรของแฟรนไชส์เริ่มกลับมาแล้ว
“ต้องยอมรับว่าในปี 2020 สาขาของแฟรนไชส์หลายแห่งเจอปัญหาเรื่องการสร้างยอดขาย และสูญเสียการตลาดให้กับแบรนด์คู่แข่ง ทำให้เราต้องเร่งปรับภาพลักษณ์และตัดสินใจรีแบรนด์ครั้งใหญ่ เริ่มตั้งแต่การเปลี่ยนโลโก้และบรรจุภัณฑ์อาหารใหม่ เครื่องแบบพนักงาน และการตกแต่งร้าน ควบคู่กับการออกเมนูเบอร์เกอร์ใหม่ๆ เพิ่มขึ้นสองเท่าตัว จนทำให้สาขาเริ่มกลับมาทำกำไรได้เพิ่มขึ้น” Josh Kobza ซีอีโอของบริษัทแม่ Restaurant Brands International กล่าว
แน่นอนว่าเราต้องไม่หยุดพัฒนา แม้ว่าธุรกิจจะเริ่มกลับมาฟื้นตัวแล้ว แต่บริษัทเตรียมพิจารณาปิดสาขาที่ไม่ทำรายได้และกำไรอีกประมาณ 300-400 แห่งในสหรัฐฯ ภายในปี 2023 ซึ่งเป็นไปตามแผนการดำเนินงาน ทั้งการลดต้นทุนและหันไปโฟกัสสาขาที่ทำกำไรให้มีประสิทธิภาพ เพื่อให้สามารถเติบโตได้เร็วขึ้นในอนาคต
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
- ถึงเวลา Burger King เจาะลูกค้ากลุ่มเด็กด้วย ‘เมนูคิง จูเนียร์’ ที่ลดผักและทำให้รสชาติกลางๆ แถมเป็นครั้งแรกที่ทำราคาเริ่มต้น 99 บาท
- The Whopper อาวุธลับที่ Burger King หวังใช้วิ่งไล่จับ McDonald’s
และอีกหนึ่งในเป้าหมายระยะยาวของ Burger King คือ ต้องหานโยบายผลักดันยอดขายให้สาขาที่เป็นแฟรนไชส์มากขึ้น เพราะในช่วงต้นปีที่ผ่านมาร้านที่บริหารด้วยแฟรนไชส์ต่างได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจและสถานการณ์โควิด และเลือกที่จะยื่นฟ้องล้มละลายและปิดตัวลง
ด้านนักลงทุนประเมินว่า อนาคตหุ้นของแบรนด์ร้านอาหาร Burger King จะปรับตัวเพิ่มขึ้น 16% จากการกลับมาทราฟฟิกและการจับจ่ายของผู้บริโภค
ทั้งนี้ ผลประกอบการในไตรมาสแรกของปี 2023 ยอดขาย Same-Store สาขาในสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 8.7% จากการปรับกลยุทธ์ข้างต้น แต่ยังต้องพยายามต่อไปในไตรมาสต่อๆ ไป
อ้างอิง: