×

Burden ความมืดที่สุกสกาว และผืนผ้าสีขาวที่ถูกย้อมด้วยความเกลียดชัง

23.06.2020
  • LOADING...

หลังเกิดเหตุการณ์เสียชีวิตของ จอร์จ ฟลอยด์ ชายผิวสีผู้ถูกอดีตนายตำรวจผิวขาวกระทำเกินกว่าเหตุจนเสียชีวิต ณ เมืองมินนีแอโปลิส รัฐมินนิโซตา ทำให้เกิดการเรียกร้องความเป็นธรรมและความเท่าเทียมแก่คนผิวสีของผู้คนทั่วโลกผ่าน #BlackLivesMatter 

 

ในด้านของโลกภาพยนตร์เองถือเป็นอีกหนึ่งกระบอกเสียงที่พยายามถ่ายทอดประเด็นของการเยียดคนผิวสีอยู่บ่อยครั้ง อาทิ 12 Years a Slave (2013), Hidden Figures (2016), Green Book (2018) ฯลฯ เพื่อให้ผู้ชมได้ตระหนักถึงความโหดร้ายของการถูกกดขี่ที่เคยเกิดขึ้นกับกลุ่มคนผิวสี

 

เช่นเดียวกับ Burden ผลงานการกำกับภาพยนตร์เรื่องแรกของ แอนดรูว์ เฮกเลอร์ ที่ใช้เวลาในการพัฒนาบทนานถึง 16 ปี เพื่อนำเรื่องจริงของ ไมค์ เบอร์เดน อดีตสมาชิกกลุ่มคูคลักซ์แคลน (Ku Klux Klan) ลิทธิเก่าแก่ที่สนับสนุนชาตินิยมผิวขาวและต่อต้านคนผิวสี มาถ่ายทอดให้เราได้ชมผ่านจอภาพยนตร์

 

 กลุ่มลัทธิคูคลักซ์แคลน (Ku Klux Klan) ในช่วงยุค 90

 

เรื่องราวเริ่มต้นขึ้นในปี 1996 ณ เมืองลอเรนซ์ รัฐเซาท์แคโรไลนา เมื่อ ไมค์ เบอร์เดน (การ์เร็ตต์ เฮดลันด์) ชายหนุ่มผู้เติบโตมาภายใต้กลุ่ม คูคลักซ์แคลน และถูกชุบเลี้ยงขึ้นมาพร้อมกับความเกลียดชังคนผิวสีตั้งแต่เด็กๆ

 

จนกระทั่งวันหนึ่ง ไมค์ ได้มาพบกับ จูดี้ (แอนเดรีย ไรส์เบอโรห์) หญิงสาวลูกติดที่ใช้ความรักมาช่วยดึงให้เขาหลุดพ้นจากกลุ่มคูคลักซ์แคลน ซึ่งทำให้เหล่าสมาชิกกลุ่มไม่พอใจอย่างมาก 

 

แต่ไมค์ก็ได้รับความช่วยเหลือจาก สาธุคุณเคนเนดี้ (ฟอเรสต์ วิเทเกอร์) หนึ่งในคนผิวสีที่ใช้ความรักผลักดันให้เกิดความเท่าเทียมอย่างสันติ ทำให้ไมค์ได้เรียนรู้ถึงการใช้ชีวิตอย่างหลบๆ ซ่อนๆ ท่ามกลางคนผิวสีที่ไมค์เคยเกลียดชัง และกลายเป็นเหตุการณ์สำคัญที่เปลี่ยนชีวิตเขาไปตลอดกาล

 

 

แม้จะเป็นผลงานการกำกับเรื่องแรกของแอนดรูว์ เฮกเลอร์ แต่เราสามารถพูดได้อย่างเต็มปากว่า Burden คือภาพยนตร์อีกหนึ่งเรื่องที่พาเราเข้าไปสำรวจความรู้สึกของคนผิวสีท่ามการบรรยากาศการแบ่งแยกและการกดขี่ของกลุ่มคูคลักซ์แคลนได้อย่างสุดขั้ว 

 

ผ่านการเล่าเรื่องอันเนิบช้าที่ค่อยๆ ทำให้เราได้รู้จักพื้นเพของตัวละครทุกตัว ทั้ง ไมค์ ชายหนุ่มสุดห้าวที่มักจะออกตระเวนไปกับกลุ่มเพื่อนเพื่อกลั่นแกล้งเหล่าคนผิวสีทุกค่ำคืน, จูดี้ หญิงสาวที่ต้องใช้ชีวิตอย่างยากลำบากเพื่อหาเงินมาเลี้ยงดูลูกชายของตัวเอง และสาธุคุณเคนเนดี้ ผู้เป็นที่เคารพรักของกลุ่มคนผิวดำ

 

ซึ่งต้องยกเครดิตให้กับเหล่านักแสดงหลักของเรื่องที่รีดเร้นศักยภาพทางการแสดงของพวกเขาออกมาได้อย่างยอดเยี่ยม

 

โดยเฉพาะ การ์เร็ตต์ เฮดลันด์ นักแสดงหนุ่มที่ใครหลายคนรู้จักเขาเป็นอย่างดีในภาพยนตร์เรื่อง Tron: Legacy (2010) ซึ่งในครั้งนี้เขาได้ถ่ายทอดทุกห้วงอารมณ์ของ ไมค์ เบอร์เดน ที่อยู่ท่ามกลางความขัดแย้งของอุดมการณ์กลุ่มคูคลักซ์แคลนที่เขายึดมั่นและความรักที่ค่อยๆ พาเขาออกจากวังวนของการกดขี่ผู้อื่น 

 

รวมถึง ฟอเรสต์ วิเทเกอร์ อีกหนึ่งนักแสดงเจ้าของรางวัลออสการ์ สาขานักแสดงนำชายยอดเยี่ยม จาก The Last King of Scotland (2006) ที่รับบทเป็น สาธุคุณเคนเนดี้ ได้อย่างสมบทบาท ไม่ว่าจะเป็นการถ่ายทอดพลังแห่งความรักที่เขาได้รับจากพระผู้เป็นเจ้าให้กับผู้อื่น ความเชื่อมั่นว่าความเท่าเทียมสามารถเกิดขึ้นได้อย่างสันติ ซึ่งมันคงจะไม่เกินจริงนักหากเราจะกล่าวว่า การแสดงของเขาสามารถโน้มน้าวจิตใจของเราได้อย่างสนิทใจ 

 

อีกหนึ่งองค์ประกอบเล็กๆ น้อยๆ ที่ทำให้ภาพยนตร์เรื่องนี้ถ่ายทอดอารมณ์ความรู้สึกของตัวละครออกมาได้อย่างยอดเยี่ยม คือการถ่ายทำด้วยเทคนิค Handheld หรือการถ่ายภาพด้วยมือที่มีความเคลื่อนไหว เหมือนเราได้ติดตามชีวิตของทุกคนตัวละครอย่างใกล้อยู่ตลอดเวลา ช่วยเสริมความขัดแย้งและความกดดันที่ตัวละครต้องแบกรับให้ชัดเจนมากยิ่งขึ้น 

 

 

นอกจากนี้ Burden ไม่ได้เป็นเพียงแค่ภาพยนตร์ที่พาเราไปติดตามเรื่องราวที่เกิดขึ้นจริงของไมค์เท่านั้น แต่มันสอดแทรกประเด็นและสัญลักษณ์ต่างๆ ให้ผู้ชมได้ขบคิดอีกมากมาย

 

รวมทั้งการตั้งคำถามถึงประเด็นอันละเอียดอ่อนอย่างความเชื่อทาง ‘ศาสนา’ ซึ่งเป็นสิ่งเดียวที่กลุ่มคูคลักซ์แคลนและเหล่าคนผิวสีต่างเคารพนับถือ ‘ร่วมกัน’ แต่ทำไมเหตุการณ์กดขี่ข่มเห่งเหล่านี้ถึงยังคงอยู่ ซึ่งมันก็ลามไปถึงประเด็นทางการเมืองและกฎหมายที่ทำให้ประเด็นความขัดแย้งเหล่านี้ค่อยๆ ปานปลายไปเรื่อยๆ 

 

และอีกหลายสิ่งอย่างที่ภาพยนตร์เรื่องนี้ ทำให้เราตั้งคำถามกับตัวเองว่า เรากำลังเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เกิดความขัดแย้งเหล่านี้โดยไม่รู้ตัวหรือเปล่า 

 

โดยเฉพาะการพาเราไปค้นพบ ‘คำตอบ’ ของคำถามที่ว่า ทำไมปัญหาของการเหยียดเชื้อชาติและสีผิวยังคงเกิดขึ้นอย่างไม่จบไม่สิ้นจวบจนปัจจุบัน 

 

 

แต่ท่ามกลางประเด็นอันหนักหน่วงและเข้มข้น Burden ยังถือเป็นภาพยนตร์โรแมนติก-ดราม่าน้ำดีอีกหนึ่งเรื่อง ที่ทำให้เราร่วมลุ้นและเอาใจช่วยสองคู่รักอย่างไมค์และจูดี้ ในการฝ่าฝันมรสุมชีวิตของการกดขี่ข่มเหงเพื่อสร้างครอบครัวที่อบอุ่น 

 

ซึ่งเรื่องราวความรักของทั้งคู่ อาจจะเป็นหนทางที่นำเราไปสู่วิธีแก้ปัญหางการเหยียดเชื้อชาติและสีผิว รวมถึงปัญหาความขัดแย้งอีกหลายสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นได้อย่างเห็นผลที่สุด

 

เพราะบางทีโลกของเราในเวลานี้ อาจกำลังขาดสิ่งที่เรียกว่า ‘ความรัก’ และ ‘การให้อภัย’ ไปมากเลยทีเดียว

 

Burden พร้อมเข้าฉายอย่างเป็นทางการในวันที่ 25 มิถุนายนนี้

 

สามารถรับชมตัวอย่างภาพยนตร์ได้ทาง

 

 

ภาพประกอบโดย 

พิสูจน์อักษร: พรนภัส ชำนาญค้า

อ้างอิง:

FYI

คูคลักซ์แคลน (Ku Klux Klan) หรือกลุ่ม KKK คือลัทธิชาตินิยมผิวขาว หรือ White Nationalism ที่ถูกก่อตั้งขึ้นในสหรัฐอเมริกาในช่วงปี 1865 ที่รวบรวมกลุ่มคนผิวขาวหัวรุนแรงที่มีความเชื้อว่าคนผิวขาวคือชนชั้นที่อยู่สูงที่สุด และต่อต้านชาวคาทอลิก ชาวยิว และคนผิวสี ที่พวกเขามองว่าเป็นชนชั้นที่อยู่ด้อยกว่าตนเอง โดยการใช้ความรุนแรง ทั้งทำร้ายร่างกาย การเผาทำลายโบสถ์คริสต์คาทอลิก รวมถึงการก่ออาชญากรรม

 

สัญลักษณ์กลุ่มที่กลายเป็นภาพจำของผู้คน คือชุดสีขาวและหมวกปลายแหลมที่คอยปิดบังใบหน้า พร้อมกับพิธีกรรมการเผาไม้กางเขน  

 

การรวมกลุ่มของคูคลักซ์แคลนถูกแบ่งออกเป็น 3 ช่วงได้แก่ยุคก่อตั้งในปี 1865 ก่อนที่จะถูกปราบปรามโดยรัฐบาลในปี 1871 และกลับมารวมกลุ่มกันอีกครั้งในปี 1915 โดยในปี 1925 กลุ่มคูคลักซ์แคลนมีจำนวนสมาชิกสูงถึง 6 ล้านคน ก่อนที่จะสลายตัวอีกครั้งในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2  

 

ในปี 1950 กลุ่มคลักซ์แคลนกลับมารวมตัวกันอีกครั้งและยังคงอยู่จนถึงปัจจุบัน โดยในปี 2016 กลุ่มต่อต้านการหมิ่นประมาท หรือ  Anti-Defamation League ได้ประมาณจำนวนสมาชิกกลุ่มคลักซ์แคลนที่ยังคงอยู่ในปัจจุบันไว้ประมาณ 3,000 คน ในขณะที่องค์กร Southern Poverty Law Center คาดการณ์จำนวนสมาชิกเอาไว้ประมาณ 6,000 คน

  • LOADING...

READ MORE





Latest Stories

Close Advertising