บุปผาราตรี (2546) ภาพยนตร์ในความทรงจำที่แสนสยองปนความรักสุดโรแมนติก ผลงานของผู้กำกับ ต้อม-ยุทธเลิศ สิปปภาค นับถึงวันนี้มีอายุครบ 15 ปีพอดี และเราแทบจะจินตนาการไม่ออกว่าหากกลายเป็นละครเวทีจะออกมาในรูปแบบไหน แต่แล้วในช่วงฮาโลวีนปีนี้ก็ได้คำตอบ เมื่อผู้กำกับละครเวทีมากประสบการณ์ อ้า-สันติ ต่อวิวรรธน์ ได้สร้างสรรค์ผลงานที่จะอยู่ในความทรงจำอีกครั้งกับละครเวที บุปผาราตรี เกือบจะมิวสิคัล
การรีเมกครั้งนี้เขาได้นำเรื่องราวใน บุปผาราตรี หลายภาคมารวมด้วยเพื่อให้ได้ความเข้มข้นและเหมาะกับการแสดงในรูปแบบละครเวที ส่วนนักแสดงที่มาร่วมงานก็ล้วนเป็นนักแสดงที่ฝีมือการแสดงและเสียงร้องไม่ธรรมดา ไม่ว่าจะเป็น หนูนา-หนึ่งธิดา โสภณ ในบท บุปฝา และแดน-วรเวช ดานุวงศ์ ในบท เอกพลและหรั่ง ซึ่งเป็นการแสดงละครเวทีครั้งแรกของเขาอีกด้วย
เรื่องราวทั้งหมดเริ่มต้นจากความรักของเขาและเธอ เมื่อความรักที่เต็มไปด้วยคำสัญญากลับกลายเป็นรอยแผลลึกให้กับชีวิต
บุปผา (หนูนา-หนึ่งธิดา โสภณ) นักศึกษาที่มีนิสัยชอบเก็บตัวและพยายามที่จะปิดกั้นตัวเองจากความผิดหวัง จนกระทั่งวันหนึ่ง เอกพล (แดน-วรเวช ดานุวงศ์) รุ่นพี่ร่วมสถาบันได้เข้ามาในชีวิตของเธอ และค่อยๆ กะเทาะกำแพงหัวใจจนเกิดเป็นความรักอันลึกซึ้ง แต่แล้วชีวิตรักที่บุปผาเคยคาดหวังเอาไว้กลับไม่เป็นดังใจหวัง เมื่อเอกพลเริ่มห่างหายออกไปจากชีวิตของเธอโดยไม่รู้ตัวว่ากำลังจะมีอีกหนึ่งชีวิตที่จะเกิดขึ้นมา
แม้บุปผาจะคาดหวังว่าการตั้งครรภ์ครั้งนี้อาจทำให้เอกพลกลับมา แต่ท้ายที่สุดกลับกลายเป็นสาเหตุที่ทำให้หัวใจเธอแตกสลายอีกครั้ง บุปผาเสียชีวิตจากการตกเลือดในห้องพักที่ออสการ์อพาร์ตเมนต์ ชั้น 6 ห้อง 609 และเกิดเป็นความเฮี้ยนตามมาในอพาร์ตเมนต์แห่งนั้น
ทีมผู้สร้าง บุปผาราตรี เกือบจะมิวสิคัล ได้นำเรื่องราวของ บุปผาราตรี ในภาคอื่นมาร่วมในบทด้วยเพื่อขมวดปมให้เรื่องราวออกมารสชาติจัดจ้านยิ่งขึ้นด้วยการเพิ่มตัวละคร หรั่ง หนุ่มนักเขียนนิยายที่มีใบหน้าคล้ายคลึงกับเอกพล คนรักเก่าของบุปผา ซึ่งเป็นตัวละครที่เติมเต็มเรื่องราว เปิดเผยดีเอ็นเอหลักของเรื่อง และสร้างความปั่นป่วนให้มากขึ้น นอกจากนี้หรั่งยังเป็นตัวแทนความรักโรแมนติกที่ไม่จำกัดรูปแบบจนทำให้ บุปผาราตรี เกือบจะมิวสิคัล กลายเป็นละครเวทีที่มอบความรู้สึกได้อย่างหลากหลาย
หากใครจินตนาการภาพไม่ออกว่าละครเวที ‘เกือบจะมิวสิคัล’ นั้นเป็นอย่างไร ให้ลองนึกภาพละครเวทีมิวสิคัลที่นำบทเพลงมาร้อยเรียงเป็นเรื่องราว แต่ ‘เกือบจะมิวสิคัล’ จะเปลี่ยนจากบทเพลงเป็นบทพูด และนักแสดงจะขับร้องบทพูดนั่นเอง เป็นการเพิ่มเติมเสน่ห์แบบใหม่ให้แก่ผู้ชมได้อย่างน่าสนใจ
นักแสดงหลักและกลุ่มนักแสดงสมทบ (Ensemble) ใส่พลังการแสดงรวมทั้งพลังเสียงอย่างเต็มที่ตลอดทั้งการแสดง และแม้ว่าตัวละครทุกตัวในเรื่องจะมีคาแรกเตอร์ที่เด่นชัดกันไปคนละทาง แต่ความแตกต่างของคาแรกเตอร์นั้นทำให้ละครเวทีเรื่องนี้มีมิติที่หลากหลายจนทำให้คนดูหัวเราะไหล่สั่น หรือบางครั้งก็สยองขวัญจนต้องสะดุ้ง
นอกจากนี้เสียงร้องของหนูนายังพาผู้ชมเข้าถึงความรักและความเจ็บปวดข้างในใจของบุปผาได้เป็นอย่างดี สำหรับแดน แม้จะเป็นการแสดงละครเวทีครั้งแรกของเขาและต้องรับบทสลับสองตัวละคร แต่การแสดงก็ทำได้เป็นธรรมชาติมาก โดยเฉพาะในบท หรั่ง ที่ทำให้ผู้ชมรู้สึกว่าบทนี้ต้องเป็นเขาเท่านั้น
ส่วนอีกหนึ่งตัวละครที่คอยดึงความสนใจให้ผู้ชมคือ เจ๊สี่ (ไก่-อัญชุลีอร บัวแก้ว) เจ้าของออสการ์อพาร์ตเมนต์ เจ๊สี่จะพาผู้ชมไปทำความเข้าใจเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนหน้า รวมถึงทำความรู้จักกับตัวละครต่างๆ ที่อาศัยอยู่ในออสการ์อพาร์ตเมนต์ เรียกว่าเป็นตัวสร้างสีสันและความสนุกสนานได้อย่างลงตัว
นอกเหนือจากการแสดง งานสร้างละครเวทีครั้งนี้ก็เรียกได้ว่าจัดเต็มและทำงานได้ดีมาก โดยเฉพาะการสร้างบรรยากาศที่ชวนให้คนดูรู้สึกขนหัวลุกไปกับความวังเวง ซึ่งหยอกล้อความรู้สึกคนดูได้อย่างเฉียบคม ตัดสลับกับบรรยากาศที่มีชีวิตชีวาจนเกิดความรู้สึกลุ้นระทึกไปทุกขณะ เคล้าคลอไปกับเสียงดนตรีประกอบที่เรียกอารมณ์ร่วมไปกับการแสดงได้มากยิ่งขึ้น ยิ่งในฉากที่ต้องดับไฟทั้งหมด เหลือเพียงแค่ไฟฉายที่เป็นตัวนำแสง ฉากนี้ทำให้ผู้ชมเหมือนเข้าไปมีส่วนร่วมในเหตุการณ์ด้วยจริงๆ
การเลือกเทคนิคสลับหรือตัดไปมาอย่างรวดเร็วเป็นอีกความกลมกล่อมหนึ่งที่ บุปผาราตรี เกือบจะมิวสิคัล ทำให้ผู้ชมประทับใจ และเทคนิคดังกล่าวเองก็ช่วยเพิ่มอรรถรสให้การรับชมละครเวทีสยองขวัญที่ต้องใช้ความรวดเร็วให้ผู้ชมตั้งตัวไม่ทันด้วยการเล่นกับความรู้สึก ซึ่งละครเวทีเรื่องนี้ทำได้อย่างดีเยี่ยม
แม้ว่าเรื่องต้นฉบับจะเป็นภาพยนตร์เมื่อ 15 ปีก่อน แต่พูดได้เลยว่าละครเวที บุปผาราตรี เกือบจะมิวสิคัล ทำออกมาได้ร่วมสมัยมาก ทั้งยังมีการเสริมประเด็นสังคมในปัจจุบันเข้าไปล้อเลียนได้อย่างตรงใจคนดูเสียเหลือเกิน
อย่างไรก็ตาม ในความร่วมสมัยนั้นผู้กำกับก็ยังคงเก็บเสน่ห์คลาสสิกในแบบของภาพยนตร์ บุปผาราตรี ที่เราคุ้นเคยไว้ได้อย่างครบถ้วน สะท้อนให้เห็นว่าผู้กำกับและทีมสร้างต่างรักในเรื่องราวของ บุปผาราตรี จริงๆ เมื่อชมจนจบแล้วก็ต้องถือว่า บุปผาราตรี เกือบจะมิวสิคัล เป็นละครเวทีที่ดัดแปลงจากภาพยนตร์ซึ่งควรค่าแก่การรับชมอีกหนึ่งเรื่อง
ย้อนอ่านตำนาน บุปผาราตรี ได้ที่ thestandard.co/rahtree-flower-of-the-night
อ่านบทสัมภาษณ์ หนูนา-หนึ่งธิดา โสภณ ได้ที่ thestandard.co/buppha-ratee-2018
พิสูจน์อักษร: ภาสิณี เพิ่มพันธุ์พงศ์
- ละครเวที บุปผาราตรี เกือบจะมิวสิคัล เริ่มโชว์ความเฮี้ยนปนฮาตั้งแต่วันนี้จนถึง 11 พฤศจิกายน 2561 ณ โรงละครเคแบงก์สยามพิฆเนศ ชั้น 7 สยามสแควร์วัน จองบัตรได้ที่ไทยทิคเก็ตเมเจอร์ทุกสาขา หรือโทร. 0 2262 3456