×

เหตุผลที่ บรูโน แฟร์นันด์ส ปฏิเสธการยิงจุดโทษและโยนโอกาสในการทำแฮตทริกทิ้ง

25.11.2020
  • LOADING...
เหตุผลที่ บรูโน แฟร์นันด์ส ปฏิเสธการยิงจุดโทษและโยนโอกาสในการทำแฮตทริกทิ้ง

ดูเหมือนว่ายิ่งเวลาผ่านไปมากเท่าไร บรูโน แฟร์นันด์ส ก็ยิ่งกลายเป็นนักเตะในดวงใจของชาว ‘ปีศาจแดง’ มากขึ้นเท่านั้น

 

เพราะนับตั้งแต่ย้ายมาจากสปอร์ติง ลิสบอน ทุกครั้งที่แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ประสบความยากลำบากในสนาม เขาจะเป็นคนที่พร้อมยืนหยัดเพื่อทีมเสมอ 

 

ครั้งนี้ก็เช่นกัน – ในสถานการณ์ที่ทีมเริ่มตกอยู่ใต้คำถามจากฟอร์มการเล่นที่ไม่สู้ดีนักในช่วงหลัง และคำถามทิ่มแทงใจในเรื่องการได้จุดโทษมากมายของแมนฯ ยูไนเต็ด จนถูกตั้งสมญาที่ไม่น่าฟังเท่าไรนักว่า ‘จุดโทษ ยูไนเต็ด’ – ก็ถึงเวลาที่แฟร์นันด์สจะสวมบทเป็นซูเปอร์ฮีโร่ของทีมอีกครั้ง

 

ในเกมยูฟ่าแชมเปียนส์ลีกเมื่อคืนวันอังคารที่ผ่านมา แมนฯ​ ยูไนเต็ดมีคิวรับมืออิสตันบูล บาซัคเซเฮียร์ คู่ปรับจากตุรกีที่เคยทำให้พวกเขาอับอายมาแล้วในการพบกันก่อนหน้านี้ และนั่นหมายถึงโอกาสในการคิดบัญชีทบต้นทบดอกให้สาสม

 

จากฟอร์มการเล่นที่ย่ำแย่ในเกมกับเวสต์ บรอมวิช อัลเบียน เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา แม้ว่าจะเป็นฝ่ายเอาชนะได้ 1-0 แต่ประตูโทนในเกมก็เกิดจากลูกจุดโทษ มาวันนี้แมนฯ ยูไนเต็ดคืนสู่ฟอร์มการเล่นที่ยอดเยี่ยมอีกครั้ง

 

แฟร์นันด์สทำ 2 ประตูได้ภายใน 20 นาทีแรกของเกม (นาทีที่ 7 และ 19) เป็นการเริ่มต้นเกมที่สวยงาม ก่อนที่จะได้จุดโทษอีกในนาทีที่ 35 และนั่นคือโอกาสที่เขาจะทำแฮตทริกในเกมนี้ได้ตั้งแต่ในช่วงครึ่งเวลาแรก

 

แต่สิ่งที่ไม่มีใครคาดคิดคือกองกลางชาวโปรตุเกสกลับไม่ยอมทำหน้าที่สังหารประตู โดยปล่อยให้เป็นความรับผิดชอบของ มาร์คัส แรชฟอร์ด กองหน้าเพื่อนร่วมทีมแทน ซึ่งดาวยิงก็ตอบแทนน้ำใจของเพื่อนด้วยการทำหน้าที่อย่างไม่ผิดพลาด

 

แมนฯ​ ยูไนเต็ดขึ้นนำ 3-0 แบบสบายๆ แต่ก็มีคนสงสัยว่าทำไมแฟร์นันด์สจึงไม่ยอมยิง

 

กลัวยิงพลาด? ไม่มั่นใจ? หรือเหตุผลอะไร

 

ไม่ใช่ทั้งนั้น เพราะคำตอบคือเขาต้องการรักษาคำมั่นที่ให้ไว้กับแรชฟอร์ดเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา และการพลาดโอกาสทำแฮตทริกไปก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรสำหรับเขามากไปกว่าความรู้สึกดีๆ ของเพื่อน

 

“แน่นอนว่าทุกคนอยากจะทำแฮตทริกทั้งนั้น แต่หลังจากเกมพรีเมียร์ลีก ผมบอกกับแรชฟอร์ดว่าลูกต่อไปเขาเอาไปยิงได้เลย” แฟร์นันด์สเผยถึงเหตุผล “แรชฟอร์ดเองก็เป็นหนึ่งในกลุ่มดาวซัลโวของแชมเปียนส์ลีก ดังนั้นการให้เขาเรียกความมั่นใจจึงเป็นสิ่งที่สำคัญมาก

 

“ไม่สำคัญเลยว่าใครจะเป็นคนยิงจุดโทษ ตราบใดที่ทีมทำประตูได้ก็พอ”

 

ขณะที่ โอเล กุนนาร์ โซลชาร์ นายใหญ่ชาวนอร์เวย์ ก็ไม่ติดใจอะไรเช่นกัน “แรชฟอร์ดก็เป็นคนที่ยิงจุดโทษได้ดี และแฟร์นันด์สก็มั่นใจมาก ถ้าแฟร์นันด์สอยากจะยกให้แรชฟอร์ดยิง ทำไมจะไม่ได้ อองโตนี มาร์กซิยาล เองก็ยิงจุดโทษลูกหนึ่งในเกมกับไลป์ซิกด้วย แล้วทำไมถึงจะมีการแบ่งกันยิงไม่ได้”

 

ในช่วงที่เหลือของเกมอิสตันบูล บาซัคเซเฮียร์ ได้ประตูปลอบใจกลับมาหนึ่งลูกจากฟรีคิกของ เดนิซ ตูรุซ ในนาทีที่ 75 และหลังจากนั้นเกือบจะได้ประตูตีตื้นเพิ่มด้วย แต่ลูกยิงของ เอดิน วิสกา ไปชนคานเข้าอย่างจัง แต่ท้ายที่สุดแล้วในช่วงทดเวลาบาดเจ็บ เมสัน กรีนวูด ที่หายกลับมาได้แล้วก็เปิดบอลให้ ดาเนียล เจมส์ เข้าฮอสเป็นประตูปิดท้ายในชัยชนะสวยงาม 4-1

 

เอดินสัน คาวานี ทำประตูไม่ได้ในเกมนี้ แต่ก็เล่นได้ดีพอสมควร

 

ประกายแสงจากนักเตะใหม่

นอกเหนือจากเรื่องน่าประทับใจระหว่างแฟร์นันด์สและแรชฟอร์ดแล้ว แฟนแมนฯ ยูไนเต็ดน่าจะรู้สึกชีวิตมีความหวังเพิ่มขึ้นกับฟอร์มการเล่นของ เอดินสัน คาวานี, ดอนนี ฟาน เดอ บีค และอเล็กซ์ เตลเลส นักเตะใหม่ของทีม

 

โดยเฉพาะ ‘เอล มาทาดอร์’ คาวานี ที่รอคอยโอกาสในการลงสนามเป็นตัวจริงนัดแรกมากว่า 7 สัปดาห์

 

ช่วงที่ผ่านมา กองหน้าทีมชาติอุรุกวัยไม่ค่อยได้รับโอกาสในการลงสนามมากนัก แต่ในเกมนี้เมื่อได้โอกาสในการลงเล่นตัวจริงครั้งแรกก็สามารถประสานงานกับเพื่อนได้ดีในบทศูนย์หน้าตัวเป้าของระบบ 4-2-3-1 

 

คาวานีประสานงานกับแฟร์นันด์สได้ดี และโรยตัวลงมาในพื้นที่ว่างระหว่างกองหลังและกองกลางของอิสตันบูล บาซัคเซเฮียร์ ซึ่งมีส่วนในการช่วยถักทอเกมรุกของแมนฯ ยูไนเต็ดให้เป็นไปอย่างไหลลื่นและลงตัวมากยิ่งขึ้น

 

พูดง่ายๆ คือการเล่นง่ายๆ แต่ฉลาดของคาวานีมีส่วนช่วยเปิดมิติในการเล่นของแมนฯ ยูไนเต็ด และดูเหมือนจะเป็นสิ่งที่ทีมพยายามตามหามาอย่างยาวนาน

 

เพียงแต่จะเป็นคำตอบในระยะยาวของทีมหรือไม่นั้นเป็นสิ่งที่ต้องจับตาดูกันต่อไป เพราะหากถามใจของโซลชาร์แล้ว ‘หมายเลข 9’ ที่เขาหวังพึ่งพิงสำหรับอนาคตยังคงเป็นมาร์กซิยาลมากกว่า โดยมีคาวานีเป็นพี่ใหญ่ไว้ประคองเฉยๆ

 

นอกจากในรายของคาวานีแล้ว ฟาน เดอ บีค ที่ได้โอกาสลงประจำการในตำแหน่งกองกลางตัวรับคู่กับเฟร็ดก็ทำได้ดีเช่นกัน ขณะที่เตลเลสก็ยังแสดงให้เห็นถึงอาวุธอันตรายกับการครอสบอลของเขา ซึ่งสัญญาณเหล่านี้ถือเป็นเรื่องที่ดีสำหรับแมนฯ ยูไนเต็ด 

 

อย่างน้อยก็เป็นชัยชนะที่ดี และน่าจะช่วยสร้างบรรยากาศที่ดีในโอลด์แทรฟฟอร์ดได้อีกครั้ง

 

พิสูจน์อักษร: ภาสิณี เพิ่มพันธุ์พงศ์

อ้างอิง:

FYI
  • เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2007 ที่แมนฯ ยูไนเต็ดนำคู่แข่ง 3-0 ในช่วงครึ่งแรกของเกมแชมเปียนส์ลีก โดยครั้งก่อนหน้าคือการนำโรมา ที่จบด้วยสกอร์มโหฬาร 7-1
  • ในข่าวดีก็มีข่าวร้ายนิดๆ เมื่อโซลชาร์ต้องเช็กอาการบาดเจ็บของ วิกเตอร์ ลินเดอเลิฟ ที่ต้องเปลี่ยนตัวออกในช่วงพักครึ่ง และอารอน วาน-บิสซากา แบ็กขวาตัวจริงที่โดนเปลี่ยนตัวออกในช่วงครบชั่วโมงของเกม แต่คาดว่าจะเป็นอาการบาดเจ็บเล็กน้อยเท่านั้น
  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising