×

โบรกประเมิน ‘หุ้นพลังงาน’ อาจถูกเทขายหนัก หากราคาน้ำมันหลุดระดับ 80 ดอลลาร์ แต่เชื่อโอกาสเป็นไปได้ยังมีน้อย

06.07.2022
  • LOADING...
หุ้นพลังงาน

ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกอย่าง WTI ดิ่งลง 8% เมื่อวานนี้ (5 กรกฎาคม) จนส่งผลให้ราคาลดลงมาต่ำกว่า 100 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล มาอยู่ที่ราว 98 ดอลลาร์ ถือเป็นราคาปิดที่ต่ำที่สุดนับแต่เดือนเมษายนที่ผ่านมา การร่วงลงของราคาในครั้งนี้เป็นผลจากความเสี่ยงต่อภาวะเศรษฐกิจถดถอยที่เพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่อง จนทำให้เกิดความกังวลว่าความต้องการใช้น้ำมันดิบจะลดลงในอนาคต 

 

ล่าสุดราคาน้ำมันยังคงทรงตัวราว 98 ดอลลาร์ ในขณะที่แนวโน้มของราคายังดูเหมือนจะผันผวนอย่างมาก ด้วยความแตกต่างกันระหว่างปัจจัยพื้นฐานและความคาดหวังของตลาด

 

จักรพงศ์ เชวงศรี ผู้อำนวยการอาวุโส บล.กสิกรไทย เปิดเผยว่า ขณะนี้ปัจจัยพื้นฐานกับความคาดหวังต่อราคาน้ำมันแตกต่างกันอย่างสุดขั้ว การที่น้ำมันลง 8-9% เมื่อวานนี้ เป็นเพราะความกลัวต่อภาวะเศรษฐกิจถดถอย หลังจากมีสัญญาณว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ มีโอกาสจะเกิดภาวะถดถอยทางเทคนิค ส่งผลให้นักลงทุนลดการถือครองสินทรัพย์เสี่ยง ซึ่งก็รวมถึงน้ำมันด้วยเช่นกัน 

 

ในอีกด้านหนึ่ง ปัจจัยพื้นฐานของราคาน้ำมันคืออุปสงค์ที่ยังไม่ได้ลดลง หลังจากที่ซาอุดีอาระเบียเพิ่งประกาศปรับพรีเมียมของราคาน้ำมันดิบขึ้นอีกราว 2.8 ดอลลาร์ มาอยู่ที่ 9.3 ดอลลาร์ ในส่วนนี้สะท้อนว่าความต้องการน้ำมันในระยะสั้นยังคงเพิ่มขึ้น 

 

“เมื่อเกิดความกลัวต่อ Recession ราคาหุ้นกลุ่มพลังงานก็มักจะถูกให้น้ำหนักลดลงตามราคาน้ำมัน และทำให้หุ้นถูกเทขายออกมาบ้าง แต่ด้วยสถานการณ์ปัจจุบันเชื่อว่านักลงทุนจะยังไม่ถึงขั้น Underweight กลุ่มพลังงาน จนกว่าเศรษฐกิจจะเกิด Recession จริง หรือราคาน้ำมันลดลงต่ำกว่า 80 ดอลลาร์” 

 

นักวิเคราะห์ บล.กสิกรไทย กล่าวต่อว่า ปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตามหลังจากนี้คือ 

 

  1. ราคาน้ำมันจะต่ำกว่า 80 ดอลลาร์หรือไม่ หากต่ำกว่าจะทำให้หุ้นกลุ่มน้ำมันเผชิญกับการขาดทุนจากสต๊อกน้ำมัน ทำให้กำไรจะเริ่มลดลง แตกต่างจากปัจจุบันที่ยังเป็นเพียงว่ากำไรจากสต๊อกน้ำมันจะมากหรือน้อย

 

  1. ตัวเลขเศรษฐกิจที่จะบ่งชี้ว่าภาวะเศรษฐกิจถดถอยจะเกิดขึ้นหรือไม่ ที่ผ่านมาเราเห็น Inverted Yield Curve เกิดขึ้นมาแล้ว 3 รอบ ขณะที่ภาวะถดถอยทางเทคนิคดูเหมือนจะเป็นความตั้งใจของธนาคารกลางสหรัฐฯ เพื่อชะลอเงินเฟ้อ แต่การถดถอยที่แท้จริงจะเกิดขึ้นหรือไม่นั้นต้องติดตามต่อ 

 

“โดยปกติแล้วหุ้นกลุ่มโภคภัณฑ์จะถูกปรับเข้า-ออกก่อนตามความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นหรือลดลงก่อนที่จะเห็นของจริง ขณะนี้นักลงทุนคงจะยังไม่ถึงกับเทขาย แต่คงจะไม่ได้ให้มูลค่าสูงอีกแล้ว หลังจากนี้ราคาน้ำมันคงจะเป็นลักษณะของการชักเย่อกันไปมา” 

 

ด้าน กรภัทร วรเชษฐ์ ผู้อำนวยการ ฝ่ายวิจัยและบริการการลงทุน-กลยุทธ์การลงทุน บล.โนมูระ พัฒนสิน กล่าวว่า ในระยะสั้นแนวโน้มผลประกอบการของหุ้นกลุ่มพลังงานจะยังดีอยู่ ทั้งในส่วนของปิโตรเลียมขั้นต้นและขั้นกลาง แต่ความเสี่ยงต่อภาวะเศรษฐกิจถดถอยทำให้นักลงทุนอาจลดน้ำหนักลง 

 

“แนวโน้มของหุ้นกลุ่มน้ำมันตอนนี้จะขึ้นอยู่กับว่าราคาน้ำมันจะไหลลงต่อหรือไม่ ถ้าลงต่อ หุ้นปิโตรเลียมขั้นต้นน่าจะถูกขายต่อ หลังจากนี้ตลาดน่าจะมองใน 2 ประเด็นคือ Recession กับ Supply ทำให้ราคาน้ำมันจะเหวี่ยงฟื้นตัวสลับพักฐาน” 

 

ในมุมของนักลงทุนที่ไม่ต้องการรับความเสี่ยงจากความผันผวนของราคาน้ำมัน ก็ควรจะมองไปยังหุ้นกลุ่มอื่น โดยอาจจะเป็นกลุ่มที่ถูกกดดันจากราคาน้ำมันสูงก่อนหน้านี้ และจะเริ่มดีขึ้นเมื่อราคาน้ำมันถูกลง เช่น กลุ่มโรงไฟฟ้า ได้ประโยชน์จากต้นทุนก๊าซธรรมชาติที่ลดลง หรือกลุ่มที่มีฐานรายได้อยู่ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งต้นทุนการนำเข้าน้ำมันจะถูกลง 

 

ขณะที่ Goldman Sachs ระบุว่า ขณะที่ความเสี่ยงต่อภาวะถดถอยกำลังสูงขึ้น แต่เศรษฐกิจโลกกำลังฟื้นตัว พร้อมกับความต้องการใช้น้ำมันที่เพิ่มขึ้นในปีนี้ และด้วยค่าเงินดอลลาร์ที่สูงขึ้นก็เป็นแรงหนุนต่อราคาสินค้าโภคภัณฑ์อย่างน้ำมันเช่นกัน รวมทั้งแรงหนุนจากการบริโภคในจีน ซึ่งล่าสุดความต้องการใช้น้ำมันกลับมาสู่ระดับ 90% ของปี 2019

 

อ้างอิง: 

 


 

ช่องทางติดตาม THE STANDARD WEALTH

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising