×

ส.ส. สหราชอาณาจักรโหวตคัดค้านแผน Brexit ของรัฐบาล จ่อโหวตไม่ไว้วางใจ เทเรซา เมย์

16.01.2019
  • LOADING...

นายกรัฐมนตรีเทเรซา เมย์ พ่ายแพ้ในการโหวตในสภาสามัญชนครั้งใหญ่ที่สุดเท่าที่รัฐบาลสหราชอาณาจักรเคยประสบในประวัติศาสตร์ หลังแผน Brexit ของเธอถูกสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรโหวตคว่ำด้วยคะแนนขาดลอยถึง 230 เสียง โดยหลังจากนี้เมย์ยังต้องเผชิญกับการถูกโหวตไม่ไว้วางใจจากพรรคฝ่ายค้านในวันพุธนี้ (16 ม.ค.) ด้วย

 

เมื่อวานนี้ (15 ม.ค.) สภาสามัญชนแห่งสหราชอาณาจักรได้เปิดอภิปรายรายละเอียดแผน Brexit ที่ผลักดันโดยรัฐบาล ซึ่งก็เป็นไปตามคาด เมื่อ ส.ส. ส่วนใหญ่โหวตคัดค้านด้วยคะแนนเสียง 432 ต่อ 202 คะแนน โดยก่อนหน้านี้มีกระแสข่าวว่า ส.ส. พรรคคอนเซอร์เวทีฟของเทเรซา เมย์ จำนวน 100 คนจะหันไปจับมือกับ ส.ส. พรรคเลเบอร์ และพรรคเดโมเครติก ยูเนียนนิสต์ ที่ไม่เห็นด้วย

 

 

ตามโรดแมป Brexit สหราชอาณาจักรมีกำหนดเริ่มกระบวนการแยกตัวจากสหภาพยุโรป (EU) ในวันที่ 29 มีนาคมนี้ และใช้เวลา 18-21 เดือน หรือเกือบ 2 ปีนับจากนั้นในการเปลี่ยนผ่านเพื่อให้ทุกอย่างเข้ารูปเข้ารอย รวมถึงการออกกฎหมายต่างๆ มารองรับ และการเจรจาข้อตกลงการค้าเสรีระหว่างสองฝ่าย อย่างไรก็ตาม จนถึงขณะนี้สหราชอาณาจักรและ EU ยังไม่สามารถตกลงเงื่อนไขในแผน Brexit หรือที่เรียกว่าใบหย่ากันได้ ซึ่งรวมถึงเงื่อนไขเกี่ยวกับพรมแดนและระบบศุลกากรของไอร์แลนด์เหนือ ส่งผลให้กระบวนการ Brexit มีแนวโน้มดำเนินไปโดยที่ไร้ข้อตกลงใดๆ ซึ่งสร้างความไม่แน่นอนทางการเมืองขึ้น

 

หลังแผน Brexit ถูกโหวตคว่ำ ส่งผลให้เทเรซา เมย์ถูกมรสุมการเมืองถาโถมเข้าใส่อีกระลอก เมื่อ เจเรมี คอร์บิน หัวหน้าพรรคเลเบอร์ ได้ยื่นญัตติขอลงมติไม่ไว้วางใจรัฐบาล ซึ่งอาจนำไปสู่การเลือกตั้งทั่วไปครั้งใหม่ และทำให้กระบวนการ Brexit ต้องเผชิญกับความไม่แน่นอนมากขึ้นไปอีก

 

คาดว่าการโหวตไม่ไว้วางใจจะมีขึ้นในช่วงค่ำคืนวันนี้ตามเวลาไทย ซึ่งหากเมย์พ่ายแพ้จะถือเป็นอีกจุดเปลี่ยนสำคัญในหน้าประวัติศาสตร์การเมืองอังกฤษหลังจากที่เมย์เข้ามาบริหารประเทศนานกว่า 2 ปี ขณะที่ ส.ส. ในสภาเสียงแตกออกเป็นหลายฝ่าย โดยมีฝ่ายที่ต้องการให้ลงประชามติ Brexit ใหม่อีกครั้ง ฝ่ายที่ต้องการแผน Brexit ที่ละมุนละม่อมมากกว่านี้ ฝ่ายที่ไม่ต้องการแยกตัวจากสหภาพยุโรป และฝ่ายที่ต้องการเดินหน้ากระบวนการ Brexit โดยไร้ข้อตกลงกับ EU

 

พิสูจน์อักษร: พรนภัส ชำนาญค้า

อ้างอิง:

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising