หนึ่งในแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียที่กำลังเป็นดาวของวงการโฆษณาดิจิทัลคือ ‘ทวิตเตอร์’ ซึ่งถูกนักการตลาดและแบรนด์จับจ้อง เพราะด้วยฐานผู้ใช้หลักที่เป็นวัยรุ่นที่ใครๆ ก็อยากเข้าหา ขณะเดียวกันวัยผู้ใหญ่ก็ใช้มากขึ้นเพราะต้องการติดตามข่าวสาร ส่งผลให้ในปีนี้ถูกประเมินว่าเม็ดเงินโฆษณาที่ใช้ในทวิตเตอร์จะเพิ่มขึ้นจาก 135 ล้านบาท เป็น 204 ล้านบาท เติบโต 52% เลยทีเดียว
ทวิตเตอร์ระบุว่าปัจจุบันแบรนด์ต่างๆ มองหาวิธีในการสร้างความสัมพันธ์ในเชิงลึกกับกลุ่มผู้บริโภคเป้าหมาย ซึ่งบทสนทนาคือพลังของทวิตเตอร์ และกลุ่มเป้าหมายในทวิตเตอร์เป็นผู้สร้างบทสนทนาและขับเคลื่อนความเป็นไปในสังคม ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญที่แบรนด์ต้องฟังเสียงของกลุ่มเป้าหมายว่าพูดเกี่ยวกับแบรนด์นั้นๆ อย่างไรบนทวิตเตอร์ และเสียงของผู้บริโภคนั้นเป็นเสียงสะท้อนที่แท้จริงและทรงอิทธิพลที่สุด
ทวิตเตอร์กลายเป็นแพลตฟอร์มหลักของแบรนด์ต่างๆ ในการเปิดตัวผลิตภัณฑ์หรือแคมเปญใหม่ก่อนแพลตฟอร์มอื่น เนื่องจากผู้ใช้ทวิตเตอร์เป็นกลุ่มที่เปิดรับสิ่งใหม่ และชอบที่จะเป็นคนกลุ่มแรกที่ได้ค้นพบและลองสิ่งใหม่อยู่เสมอ
วันนี้หลากหลายวงการจึงกระโดดเข้ามาใช้ทวิตเตอร์เป็นหนึ่งในช่องทางสื่อสารไปหาผู้บริโภค ทั้ง ‘สถาบันการเงิน’ ในปีที่ผ่านมา แฮชแท็ก #การเงิน ได้ถูกพูดถึง 1.2 ล้านครั้งบนทวิตเตอร์ในประเทศไทย ธนาคารขนาดใหญ่ในประเทศไทยต่างใช้ทวิตเตอร์ด้วยวิธีการที่หลากหลาย และเมื่อต้องเชื่อมต่อถึงกลุ่มคนรุ่นใหม่ ธนาคารก็จะใช้วัฒนธรรมป๊อปมาเป็นตัวชูโรง ยกตัวอย่าง KBank Live (@KBank_Live) กับการแจกบัตรคอนเสิร์ตล่าสุด
‘การสื่อสารโทรคมนาคม’ เห็นได้จากแบรนด์ AIS (@AIS_Thailand) ติดอันดับหนึ่งของ Top 10 แบรนด์ในไตรมาสที่ 2 ของปี 2562 เป็นหนึ่งในแบรนด์ที่มีความเคลื่อนไหวมากที่สุดบนทวิตเตอร์ และในไตรมาสที่ 2 นี้ได้ดึงซูเปอร์สตาร์อย่าง #BlackPink’s #LISA มาร่วมในแคมเปญ NextG ด้วยพลังของลิซ่าจนส่งผลให้เกิดกระแสเปรี้ยงปร้าง
‘ความงาม’ กลุ่มผู้ใช้ทวิตเตอร์ที่มีความสนใจด้านความงามเป็นกลุ่มที่ใช้งานบนทวิตเตอร์ประเทศไทยทุกวัน มีการแชร์เคล็ดลับ ประสบการณ์ในการใช้ผลิตภัณฑ์ใหม่ และบอกถึงความรู้สึกที่แท้จริงให้กับผู้ที่สนใจเรื่องความงามเหมือนกัน ในปีที่ผ่านมามีการติดแฮชแท็ก #แต่งหน้า มากถึง 4.6 ล้านครั้ง
‘สินค้าอุปโภคบริโภค’ สมรภูมินี้แข่งขันกันสูงมาก การตลาดของแบรนด์กลุ่มนี้มีความเคลื่อนไหวค่อนข้างมากบนทวิตเตอร์ ไม่ว่าจะเป็นแคมเปญในรูปแบบการซื้อโฆษณาหรือไม่ได้ซื้อก็ตาม โดยมักจะเข้าไปมีส่วนร่วมกับสถานการณ์หรือโมเมนต์ที่กำลังเกิดขึ้นในทันที ไม่ว่าจะเป็นส่วนลด ข้อเสนอสุดพิเศษ หรือโพสต์ข้อความตลกโดนใจเพื่อสร้างคาแรกเตอร์ให้กับแคมเปญหรือกิจกรรมต่างๆ บนทวิตเตอร์
ขณะเดียวกันทวิตเตอร์ได้แนะ 3 แนวทางสำหรับแบรนด์ต่างๆ ที่ต้องการใช้เป็นหนึ่งในเครื่องมือเข้าหาลูกค้า
1. แบรนด์ต้องเข้าไปมีส่วนร่วมในบทสนทนา เพราะบทสนทนาจำนวน 1.4 พันล้านข้อความที่เกิดขึ้นบนทวิตเตอร์ประเทศไทยในปีที่ผ่านมาคือโอกาสที่ยิ่งใหญ่ของแบรนด์ต่างๆ เพื่อจะได้ทราบว่าลูกค้ากำลังให้ความสนใจกับเรื่องอะไร การใช้แฮชแท็กในการค้นหาบทสนทนาที่มีความสำคัญกับแบรนด์ของคุณ การจับตาดูแฮชแท็กที่กำลังติดเทรนด์เพื่อรู้ว่าตอนนี้เรื่องอะไรกำลังเป็นที่นิยม และการติดตามผู้ที่มีอิทธิพลทางความคิดในทวิตเตอร์เพื่อรู้ว่าพวกเขากำลังสนทนาในเรื่องอะไร ซึ่งข้อมูลทั้งหมดนี้อยู่เพียงแค่ปลายนิ้ว
2. ต้องมีความคิดสร้างสรรค์ ไม่ว่าจะเป็นคลิปวิดีโอ รูปภาพ และข้อความที่โดนใจจะทำให้ทวีตของแบรนด์เตะตากลุ่มเป้าหมาย หลายแบรนด์มักจะลงทุนกับการทำวิดีโอและรูปภาพเพื่อทำให้แบรนด์มีความโดดเด่นเหนือคู่แข่ง สร้างสรรค์ข้อความที่มีเพื่อสร้างปฏิสัมพันธ์กับกลุ่มเป้าหมาย และสร้างโทนหรือสไตล์การสื่อสารของแบรนด์ให้มีความสม่ำเสมอ และสิ่งที่นำเสนอควรมีความแท้จริง นั่นคือวิธีที่ดีที่สุดในการสร้างการมีส่วนร่วมเพิ่มขึ้น
3. ใช้แฮชแท็กอย่างมีประสิทธิภาพ ใช้อักษร 280 ตัวในแต่ละทวีตอย่างชาญฉลาด ใช้แฮชแท็กเพียงหนึ่งหรือสองอันต่อหนึ่งข้อความก็เพียงพอแล้ว การติดแฮชแท็กไม่จำเป็นต้องเป็นชื่อแบรนด์ สามารถใช้ชื่อแคมเปญมาเป็นแฮชแท็กได้ หรือใช้แฮชแท็กซึ่งกำลังเป็นที่นิยมอยู่ในขณะนั้นเพื่อทำให้แบรนด์เข้าไปมีส่วนร่วมกับบทสนทนา และแสดงให้เห็นว่าแบรนด์มีความเข้าใจในเทรนด์ล่าสุด แต่ต้องระวังว่าแฮชแท็กนั้นควรจะมีความเกี่ยวข้องกับแบรนด์ของคุณด้วย
อย่างไรก็ตาม ทวิตเตอร์ได้ประกาศ 10 อันดับท็อปแบรนด์ยอดนิยมบนทวิตเตอร์ในประเทศไทย โดยวัดจากการมีส่วนร่วมของกลุ่มผู้ใช้ทวิตเตอร์ในช่วงไตรมาส 2 ปี 2562 (ระหว่างวันที่ 1 เมษายน – 30 มิถุนายน 2562) ได้แก่
1. AIS
2. KFC Thailand
3. Samsung Thailand
4. Lays Thailand
5. L’Oréal Paris TH
6. Wall’s Thailand
7. Watsons Thailand
8. Mirinda Mix-it
9. 7-Eleven Thailand
10. LINE TV
พิสูจน์อักษร: ภาสิณี เพิ่มพันธุ์พงศ์