×

Book of Film อ่านหนังสือที่ยังเขียนไม่จบของ ฟิล์ม ธนภัทร และประสบการณ์รับรางวัลนักแสดงนำชายยอดเยี่ยม

03.06.2023
  • LOADING...

HIGHLIGHTS

7 MIN READ
  • สำหรับ ฟิล์ม-ธนภัทร กาวิละ ความกังวลในวัย 30 ปี ไม่ใช่เรื่องบ้านหรือรถ แต่เป็นร่างกายที่แก่ขึ้นกว่าตอนอายุ 20 ปีไปเยอะมาก
  • การได้รางวัลนักแสดงนำชายยอดเยี่ยมเป็นเหมือนคำขอบคุณสำหรับการทำงานหนัก แต่ในขณะเดียวกันเขาก็ดีใจกับมันได้แค่วันเดียว
  • รักนี้ต้องเจียระไน เป็นผลงานละครเรื่องที่ 4 ที่ได้ร่วมงานกับนางเอกสุดซี้ ใบเฟิร์น-อัญชสา มงคลสมัย โดยฟิล์มรับบทเป็น ‘รัตติ’ นักออกแบบเครื่องประดับที่ทำอาชีพนักแข่งรถไปในเวลาเดียวกัน
  • ฟิล์มเป็นคนที่มีความย้อนแย้งในตัวเองสูงมาก ชอบแต่งตัวแค่ตอนออกจากบ้าน มีนิสัยเจ้าระเบียบแต่ขี้เกียจทำความสะอาดบ้าน รักความสะอาดแต่ถ้าง่วงมากๆ ก็นอนกลางดินได้
  • สิ่งที่อยากทําจริงๆ ต่อจากนี้ของเขาคือ การเป็น ‘นักร้องอาชีพ’

THE STANDARD POP มีโอกาสพูดคุยกับ ฟิล์ม-ธนภัทร กาวิละ อีกครั้งหลังผ่านอายุ 30 มาหมาดๆ เราจึงถือโอกาสนี้ชวนเขามาพูดคุยเกี่ยวกับช่วงวัยใหม่ พร้อมอัปเดตผลงานและความรู้สึกของการได้รับรางวัลนักแสดงนำชายยอดเยี่ยม ในงานประกาศรางวัลคมชัดลึก อวอร์ด ครั้งที่ 19

 

เมื่อปลายเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา THE STANDARD POP เคยมีโอกาสได้พูดคุยกับฟิล์มไปแล้วหลังละครเรื่อง คุณชาย ลาจอไป ร่วมกับ แจม-รชตะ หัมพานนท์ โดยครั้งนี้นับว่าเป็นครั้งแรกที่เรามีโอกาสพูดคุยกับนักแสดงมากฝีมือคนนี้แบบเต็มๆ และเนื่องจากละครเรื่องล่าสุดของเขาอย่าง รักนี้ต้องเจียระไน กำลังออกอากาศทางช่อง one31 และประเทศจีน ไปพร้อมๆ กัน เราจึงถือโอกาสนี้ดึงฟิล์มมาจับเข่าคุย อัปเดตผลงานและความรู้สึกของเขาในช่วงอายุ 30 ปีไปด้วยกัน

 


 

 

บทนำ: ทักทายวัย 30 ปีของ ฟิล์ม ธนภัทร

 

เพิ่งผ่านวันเกิดไปเมื่อวันที่ 20 เมษายนที่ผ่านมา เขาว่าปีนี้คนราศีเมษจะดวงดี ฟิล์มคิดว่าช่วงนี้ตัวเองดวงดีขึ้นไหม

 

ฟิล์ม: รู้สึกมีหลายอย่างหนุนนํา คือดวงดีไหม ดวงดี แต่ว่ามันก็มาจากการกระทําของเราด้วย มันเหมือนสิ่งที่เราทําคือ 1 แต่มันอาจจะได้ 1.5 ได้ 2 นึกออกไหม มันได้มากกว่าที่เราคาดหวัง 

 

แล้วเป็นคนเชื่อเรื่องดวงไหม

 

ฟิล์ม: เชื่อ 50% ครับ ดวงมันเป็นแค่ไกด์ไลน์ของชีวิต แต่ว่าท้ายที่สุดแล้วถ้าดวงดีแต่ไม่ลงมือทํามันจะไม่เกิดอะไรขึ้น เก็ตไหม คือแค่ว่ามันเป็นไกด์ไลน์ เฮ้ย ปีนี้ดวงดีนะ มันจะเป็นกําลังใจในการทํางาน

 

 

วัย 30 ปี เรียกได้ว่าเป็นอายุเปลี่ยนผ่านที่หลายคนกังวล ฟิล์มรู้สึกอย่างไรเกี่ยวกับตัวเลขนี้

 

ฟิล์ม: ถ้าเป็นเรื่องความกังวล ส่วนตัวผมไม่ได้กังวลกับมันมากมายเท่าไร อย่างความเชื่อที่ว่าอายุ 30 ปีต้องมีรถ อายุ 35-40 ปีต้องมีบ้าน ผมก็ไม่ค่อยเห็นด้วย ผมคิดว่าถ้าชีวิตเขามีความสุขกับการเช่าอยู่ แล้วอาจจะเอาเงินส่วนนั้นไปท่องเที่ยวแทน ไม่จําเป็นต้องมีบ้านก็ได้นี่ ทุกวันนี้โลกมันเปิดมากขึ้น แล้วเราเองก็ไม่จําเป็นจะต้องใช้ชีวิตตามความคาดหวังของใคร เราควรจะใช้ชีวิตให้มีความสุขในแบบของเรา 

 

แต่สิ่งที่ผมรู้สึกคือผมแก่ แก่ในที่นี้คือผมรู้สึกว่าร่างกายมันไม่เหมือนตอนอายุ 25 เรารู้สึกว่าตัวเองเหนื่อยง่ายขึ้น บูสต์ตัวเองช้าลง และง่วงไวขึ้น ใจมันสู้นะ แต่ร่างกายมันไม่ถึกทนเท่าเมื่อก่อนแล้ว เดี๋ยวนี้ทำงานยังไม่ถึง 12 ชั่วโมงเลยตาก็ลอยแล้ว ยิ่งถ้านอนไม่หลับแล้วต้องมาทํางาน วันนั้นก็จะเบลอตลอดเวลา กลายเป็นสลอธเลยครับ ช้ามากๆ 

 

ฟิล์มดูเป็นคนมีปัญหาเรื่องการนอน พอจะเล่าได้ไหมว่าสาเหตุของการนอนไม่หลับคืออะไร

 

ฟิล์ม: ผมว่ามันเกิดจากความเครียด ผมลองสังเกตตัวเองตอนช่วงโควิด ใครหลายๆ คนน่าจะเจอเหมือนกัน ผมเป็นหัวหน้าครอบครัว เรามีภาระบ้านและรถที่ต้องรับผิดชอบคนเดียว แล้วช่วงนั้นเรามีแต่รายจ่ายออกไป ไม่มีรายรับเข้ามา จนเกิดอาการเครียดสะสม แล้วก็นอนไม่หลับ

 

คือเราอยากนอน แต่สมองไม่หยุดคิด พอพยายามจะหลับหรือไม่คิดเรื่องนี้แล้ว เรื่องเดิมก็ยังเด้งเข้ามาในหัว สุดท้ายสะดุ้งตื่นอยู่ดี ช่วงหนึ่งก็เลยหลับยากมากๆ ครับ แต่พอเข้าใกล้วัย 30 รู้สึกว่าหลับง่ายมาก อาจเป็นเพราะร่างกายมันเหนื่อยง่ายขึ้น แล้วเราทํางานหนักเท่าเดิม ร่างกายเลยพร้อมชัตดาวน์ตลอดเวลา

 

 

บทที่ 1: ความสนใจของ ฟิล์ม ธนภัทร

 

ฟิล์มให้สัมภาษณ์ไว้ว่าตัวเองมีความสนใจเรื่องการลงทุน ตอนนี้สนใจการลงทุนแบบไหนอยู่

 

ฟิล์ม: จริงๆ ผมลงทุนไว้หลายที่มากเลยครับ อย่างตอนนี้ผมก็ซื้อที่ไว้ปลูกต้นสัก คือเราลงทุนดูแลเขาช่วง 3 ปีแรก ล้อมรั้ว ตัดหญ้า และระวังไม่ให้เขาตาย แล้วพอสัก 5 ปีขึ้นไปก็ปล่อยให้เขาอยู่ของเขาเองได้ พอครบ 10 ปีค่อยตัดขาย แต่ว่าถ้าอยู่นาน ต้นใหญ่ ราคาก็สูงขึ้น เรามองว่าก็ปลูกไปเรื่อยๆ ไม่ว่าอย่างไรไม้สักก็ยังขายได้ แล้วยิ่งนานราคาก็ยิ่งขึ้นเรื่อยๆ เราปลูกมันไว้เป็นเงินเก็บ เป็นเงินบําเหน็จในอีก 30 ปีข้างหน้า คิดไว้ว่าอย่างน้อยสมมติวันหนึ่งมีลูก เราก็เอาเงินตรงนี้ไปเป็นค่าเล่าเรียนลูกได้ ไปเป็นมรดกให้เขาได้ หรือว่าถ้าวันหนึ่งเราต้องการใช้เงินค่อยตัดมาขายก็ได้ 

 

นอกจากเรื่องการลงทุน ฟิล์มดูเป็นคนที่มีงานอดิเรกเยอะมากๆ ช่วงนี้อินกับงานอดิเรกอะไรอยู่

 

ฟิล์ม: ช่วงนี้ติดการ์ตูนครับ ที่ดูบ่อยก็จะเป็น Demon Slayer, Blue Lock, Dr. Stone, Gundam Build Fighters และ My Hero Academia เยอะแยะไปหมด เป็นคนชอบดูการ์ตูน ผมรู้สึกว่ามันเป็นช่วงเวลาเดียวที่ทําให้ผมคลายเครียดได้โดยที่ไม่ต้องคิดอะไรเลย 

 

จริงๆ ซีรีส์ผมก็ดูนะ แต่พอเป็นซีรีส์มันก็จะมีการแสดงเข้ามาเกี่ยวข้อง เราก็จะดูในฐานะนักแสดงไปด้วย มันเหมือนมีปุ่มอัตโนมัติที่บังคับให้เราต้องวิเคราะห์การแสดงของเขาไปด้วย ประมาณว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่ ทําไมถึงเล่นอันนี้ และทําไมเขาถึงไปถึงจุดนั้นได้ 

 

มีซีรีส์ที่ชอบที่สุดไหม

 

ฟิล์ม: ชอบที่สุดเหรอ ผมชอบเรื่อง Crash Landing on You เรื่องนี้ชอบถึงขนาดว่าผมต้องกลับบ้านมาดูสด มันจะออนแอร์ทุกวันเสาร์ เวลา 3 ทุ่ม สัก 2 ทุ่มก็จะกลับมาอาบน้ำแล้วมานั่งรอหน้าทีวี เพื่อให้ทันดูตอน 3 ทุ่ม เป็นคนติดละครแบบที่ถ้าไม่ได้ติดงานจริงๆ ก็จะเททุกอย่างแล้วรีบกลับบ้านมาดูซีรีส์ 

 

ผมชอบ Crash Landing on You เพราะเนื้อเรื่อง บวกกับชอบตัวนักแสดงอยู่แล้ว ติดตามเขามา ชอบการแสดงของเขา แล้วเรื่องนี้มู้ดแอนด์โทน การเล่าเรื่อง และภาพ มันโคตรสนุก ฉากที่ผมชอบที่สุดคือฉากตอนที่เขาส่งพระเอกกลับเกาหลีเหนือ ที่มันเป็นเส้นแบ่งเขตแดนระหว่างเกาหลีเหนือกับเกาหลีใต้ แล้วนางเอกวิ่งตามมา เป็นฉากที่สุดมาก จําได้ว่าตอนนั้นดูแบบปล่อยจอย ร้องไห้จะเป็นจะตาย โคตรสุด เป็นซีรีส์ที่ผมชอบที่สุดแล้ว 

 

เห็นฟิล์มเป็นแฟนคลับของนักแสดงคิมซอนโฮด้วยใช่ไหม

 

ฟิล์ม: ใช่ครับ คิมซอนโฮนี่คือติดตามถึงขั้นซื้อบัตรแฟนมีตเขาเลยนะ ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมถึงมาชอบ แต่ก่อนผมไม่เคยซื้อบัตรแฟนมีตหรือบัตรคอนเสิร์ตเลย แต่กับซอนโฮผมถึงขั้นซื้อบัตรแฟนมีตไปดู ผมโดนเขาตกจากเรื่อง Start-Up ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทําไม แต่รู้สึกว่าผู้ชายคนนี้อบอุ่นจัง ผมรู้สึกว่าเขา…

 

เขาเป็นสุขุมวิทบอย

 

ฟิล์ม: เขาเป็นสุขุมวิทบอย ใช่! สุขุมวิทบอย แล้วเดินทุกซอยเลยนะ เดินจนรู้หมดเหมือนบ้านตัวเอง มันจะมีกาแฟร้านโปรดของเขา ผมยังไม่เคยไปตามรอยนะ แต่แฟนคลับจะรู้ว่าผมเป็นติ่ง เขาก็จะซื้อกาแฟร้านนี้มาให้กิน

 

แฟนคลับคุณก็เก่งเหมือนกันนะ 

 

ฟิล์ม: แฟนคลับผมเป็นติ่งซอนโฮเหมือนกัน (หัวเราะ) 

 

ชอบผลงานไหนของคุณซอนโฮที่สุด

 

ฟิล์ม: ผมโดนเขาตกจากเรื่อง Start-Up แต่เรื่องที่ผมชอบที่สุดคือ Hometown Cha-Cha-Cha มันทําให้เรารู้สึกเหมือนได้ย้อนกลับไปวัยเด็กอีกครั้ง เพราะเราเป็นคนต่างจังหวัดด้วยมั้งเลยรู้สึกเชื่อมโยงกับมันได้เยอะ เวลาดูรู้สึกว่ามีความสุขอย่างบอกไม่ถูก เป็นซีรีส์ที่ดูแล้วหัวใจพองโตเหมือนถูกเติมเต็มอะไรบางอย่าง ทุกองค์ประกอบของซีรีส์มันฟีลกู๊ดไปหมด จนทำให้รู้สึกว่าความสุขมันหาได้จากสิ่งเล็กๆ รอบตัว

 

 

บทที่ 2: อาชีพนักแสดง ละครเรื่องแรก และรางวัลนักแสดงนำชายยอดเยี่ยม

 

ลองรีวิวตัวเองในละครเรื่องแรกหน่อย ตอนนั้นเราเล่นเป็นอย่างไรบ้าง

 

ฟิล์ม: ถ้าเอาตัวเราตอนนี้ไปรีวิวตอนนั้น ผมเล่นเป็นธรรมชาติมากครับ เป็นก้อนหิน เป็นต้นไม้ แข็งแบบแข็งอะไรขนาดนั้น

 

ตอนเข้ากล้องครั้งแรกรู้สึกอย่างไร

 

ฟิล์ม: ตอนนั้นรู้สึกว่าตัวเองเล่นดีแล้วนะ แต่พอเอาตัวเองตอนนี้ไปดูผลงานตอนนั้นก็คิดว่า ดีแล้วที่แกโตมา ดีแล้วที่แกเก่งขึ้น เราก็เก่งเหมือนกันนะที่พัฒนาตัวเองมาได้ขนาดนี้

 

ฟิล์มเริ่มมาคลิกหรือเข้าใจการแสดงจริงๆ ตอนไหน

 

ฟิล์ม: ช่วงหลังๆ แล้วครับ ประมาณ รักแลกภพ มั้งที่เริ่มจอยมากขึ้น ส่วน เมีย 2018 เป็นจุดปลดล็อกที่ทำให้รู้สึกว่ากล้าที่จะเล่นอะไรมากขึ้น แต่เรื่องที่มาตกผลึกแล้วเข้าใจการแสดงจริงๆ คือ รักแลกภพ และตอนที่รู้สึกว่าเราดีพเข้าไปอีกคือตอนถ่าย คุณชาย กับ ฟ้าเพียงดิน ที่เราสามารถดีพไปกับตัวละครได้มากกว่าเมื่อก่อน

 

เป็นช่วงที่รู้สึกว่าเราเข้าใจการแสดงมากกว่าเมื่อก่อน ทั้งเข้าใจตัวละครและเข้าใจว่าตัวเองยังต้องพัฒนา ยังมีจุดบอดทางการแสดงอีกมาก ทําให้เราเห็นดีเทลเล็กๆ น้อยๆ ที่ต้องแก้ไข

 

เหมือนเราละเอียดกับงานมากขึ้น ละเอียดกับการรีวิวตัวเองมากขึ้น

 

ฟิล์ม: ใช่ครับ ผมรู้สึกสนุกกับการหาข้อผิดพลาดของตัวเองมากขึ้น ไม่ได้หาข้อผิดพลาดเพื่อโทษตัวเอง เพื่อเบลมตัวเอง หรือเพื่อนอยด์ ใช่ แต่มันเป็นการหาข้อผิดพลาดเพื่อพัฒนา 

 

ผมจะเป็นหนึ่งคนที่ชอบดูงานตัวเองเหมือนกัน ถ้ามีเวลานะ จะชอบดูว่าอะไรต้องแก้ไข จุดนี้อะไรขาดไป อะไรดีแล้ว อะไรต้องเก็บไว้ และอะไรที่รู้สึกว่าชอบจังเลย ถ้าดูสิ่งนี้แล้วชอบภาษาผมจะเรียกว่า ‘เล่นแล้วฟิน’ เล่นแล้วฟินคือจบซีนแบบไม่ต้องคิดหาข้อผิดพลาด เพราะรู้สึกว่ามันเพอร์เฟกต์ในแบบของเราแล้ว ถ้าคนอื่นมาเล่นมันอาจจะเป็นอีกคน เป็นอีกรูปแบบหนึ่ง แต่เราเล่น นี่คือเวอร์ชันที่เพอร์เฟกต์ที่สุดแล้ว ดังนั้นถ้าเราฟินออกมาจากซีนแปลว่าใช่

 

ฟิล์มเพิ่งได้รับรางวัลนักแสดงนำชายยอดเยี่ยมมาด้วย รางวัลนี้เติมเต็มหรือผลักดันอะไรในตัวเราบ้าง

 

ฟิล์ม: ผมรู้สึกว่ามันเป็นคําขอบคุณจากแฟนๆ และจากคณะกรรมการมากกว่า เหมือนเป็นคำขอบคุณสำหรับความตั้งใจของเราและผลงานที่เราผลิตออกมา มันเติมเต็มช่องว่างที่เรารู้สึกว่าความพยายามของตัวเองไม่สูญเปล่า 

 

ตอนประกาศมีคิดสักนิดไหมว่าจะได้

 

ฟิล์ม: ไม่มีคิดเลยว่าตัวเองจะได้ ขึ้นชื่อต่อ (ธนภพ ลีรัตนขจร) มาปุ๊บ ก็อยากจะเก็บกระเป๋ากลับบ้านแล้ว คือต้องยอมรับว่าน้องเก่งมาก เขาเป็นไอดอลในด้านการแสดงของผมเหมือนกัน พอผู้เข้าชิงมีชื่อต่อเข้ามา ผมก็ทําใจแล้วว่าไม่ได้ เพราะเขาเก่งมาก รวมถึงแคนดิเดตคนอื่นๆ ที่เข้าชิงด้วย คือผมดูผลงานแต่ละคนแล้วก็คิดว่า ‘เราจะได้เหรอวะ’ ทุกคนงานดีหมดเลย 

 

พอประกาศเป็นชื่อเราก็…ช็อก ปากยิ้มนะครับแต่ทําตัวไม่ถูก แล้วพอเป็นงานใหญ่ เราต้องเดินออกไปรับรางวัลเอง ทำตัวไม่ถูกจริงๆ แม้ว่าลึกๆ ก่อนประกาศก็อยากได้นะ มีแวบหนึ่งที่คิดว่าขอสักหน่อย ขอสักรางวัล ขอสักครั้งในชีวิต 

 

พอได้รางวัลมาแล้วรู้สึกอย่างไรบ้าง

 

ฟิล์ม: มันดีใจนะ แต่มันฟินแค่วันเดียว เพราะผมรู้สึกว่าผมไม่อยากยึดติดกับความสําเร็จตรงนี้ ไม่อย่างนั้นเราจะติดอยู่กับแค่รางวัล แล้วก็จะไม่อยากพัฒนาแล้ว เหมือนมันจะมีกรอบให้กับการแสดงของเราว่ามันคือระดับรางวัลเลยนะ ผมก็เลยดีใจกับมันแค่วันเดียวพอ

 

 

บทที่ 3: ความย้อนแย้งในตัวฟิล์ม กับละคร รักนี้ต้องเจียระไน

 

มาถึงละคร รักนี้ต้องเจียระไน ตัวละคร ‘รัตติ’ หรือ ‘ไนท์’ มีความน่าสนใจอะไรบ้าง

 

ฟิล์ม: ตัวละครไนท์มันย้อนแย้งในตัวเยอะ ด้วยความที่เป็นดีไซเนอร์ทำให้ต้องละเอียดอ่อน แล้วยิ่งเป็นดีไซเนอร์จิวเวลรีทุกสิ่งทุกอย่างคือเพชร คือความสวยงาม ความเปล่งประกาย แต่ในขณะเดียวกันก็เป็นนักแข่งรถที่ต้องอาศัยความเฉียบคมและความเข้มแข็ง ซึ่งสองอาชีพนี้ทำให้ไนท์มีทั้งความเข้มแข็งและความอ่อนโยนในตัวเองสูง

 

แล้วฟิล์มมีความย้อนแย้งในตัวเองแบบนี้บ้างไหม

 

ฟิล์ม: ผมเป็นคนคอนทราสต์ในตัวเองสูง คือเป็นคนเยอะ แต่บทจะง่ายก็คือง่ายเลย บทจะไม่เอาอะไรก็คือไม่เอา อย่างถ้าวันไหนต้องออกไปเจอผู้คนก็จะชอบแต่งตัวมากๆ แต่วันที่อยู่บ้านก็จะเป็นคนละคนเลย หรืออย่างเรื่องนอน เราเป็นคนรักความสะอาดมากๆ แต่ก็สามารถนอนกลางดินได้ 

 

ผมมีอยู่เรื่องหนึ่ง ตอนไปถ่ายละคร ภูตพิศวาส ที่ถ้ำค้างคาว ตอนนั้นผมง่วงมากๆ ก็เลยเอาผ้าใบผืนหนึ่งมาปู แล้วก็นอนหงายหน้าปะทะค้างคาวไปเลย นอนไปค้างคาวก็บินบนหัวไป แล้วสภาพในนั้นมันไม่สามารถหายใจได้ มีแต่กลิ่นแอมโมเนียจากมูล ผมสามารถนอนแล้วก็หลับไปได้เลย

 

อีกอย่างผมเป็นคนเจ้าระเบียบแต่ขี้เกียจทํา ก็เลยต้องจ้างแม่บ้าน แต่ก็มีความสุขในการจัดบ้านนะ งงไหม (หัวเราะ) คือเรามีความสุขกับการได้เห็นบ้านที่ค่อยๆ เป็นระเบียบมากขึ้น ล่าสุดก็เริ่มซื้อถาดมาวางของแล้วนะ เพราะอยู่ในจุดที่ของเยอะจนบ้านไม่มีที่เดินแล้ว 

 

 

ถ้าอย่างนั้นความยากของบทนี้คืออะไร

 

ฟิล์ม: ด้วยความที่ผมมักได้เล่นคาแรกเตอร์ที่นิสัยค่อนข้างคล้ายกัน ความยากคือการที่ผมต้องเล่นให้ละเอียดขึ้น เล่นอย่างไรไม่ให้ครูสอนการแสดงรู้สึกว่าผมแค่เปลี่ยนชื่อ เปลี่ยนเสื้อผ้าหน้าผม หรือเปลี่ยนบทพูด ต้องให้เขาเชื่อว่าเราเป็นอีกคนหนึ่ง ไม่ว่าจะเป็นการเปลี่ยนท่าทาง การพูดกับนางเอก หรือวิธีคิดบางอย่าง

 

แล้วกับนางเอก ใบเฟิร์น-อัญชสา มงคลสมัย ที่ทำงานด้วยกันมา 4 เรื่องแล้ว การทำงานครั้งนี้เป็นอย่างไรบ้าง

 

ฟิล์ม: สนุกดีครับ เรื่องนี้เราสนิทกันมาก มากถึงขั้นที่ว่าไม่ต้องมานั่งเวิร์กช็อปกันเท่าไร ต่างคนต่างทําการบ้านของตัวเองมา พอถึงเวลาก็ยิงใส่กันได้เลย เหมือนเรารู้จังหวะกันและกัน รู้ไส้รู้พุงกันมาหมดแล้ว

 

ถ้าสามารถออกแบบจิวเวลรีให้ตัวเองได้หนึ่งชิ้น จะออกแบบจิวเวลรีอะไร แบบไหน และใช้อัญมณีอะไร

 

ฟิล์ม: ถ้าทำจิวเวลรีของตัวเองได้ ผมอยากทำแหวนครับ ส่วนตัวเป็นคนชอบใส่แหวนมากๆ ถ้ามีโอกาสอยากทำแหวนเกลี้ยงๆ แล้วก็เอาเพชรมาเรียงให้เต็มวง 

 

 

บทที่ 4: เป้าหมายต่อไปของฟิล์ม

 

ชื่อเสียงก็มีแล้ว รางวัลก็ได้มาแล้ว งานหน้ากล้องก็ทำมาเกือบหมดแล้ว ยังมีสิ่งที่อยากทำให้ได้อีกไหม

 

ฟิล์ม: จริงๆ มีงานพิธีกรที่ยังไม่เคยทำจริงจังครับ อาจจะเคยมี YouTube ที่เราดำเนินรายการเอง แต่ว่าพิธีกรอาชีพก็จะเป็นอีกฟีลหนึ่งเลย ส่วนสิ่งที่อยากทําจริงๆ ตอนนี้คือ ‘นักร้องอาชีพ’ นักร้องอาชีพที่แปลว่าเราสามารถร้องเป็นอาชีพได้ ซึ่ง ณ ตอนนี้เราแค่ร้องเพลงได้ ไม่ได้แปลว่าร้องเพลงดี ไม่ได้แปลว่าร้องเพลงเพราะ เขาเรียกว่าร้องเพลงได้ แต่ไม่ได้ดีนะ

 

ถ้าให้ชีวิตฟิล์มเป็นหนังสือ 1 เล่ม ฟิล์มอยากให้บทต่อไปเป็นเรื่องเกี่ยวกับอะไร

 

ฟิล์ม: บทต่อไป… คงอยากให้เป็นเรื่องเกี่ยวกับมุมมองชีวิตของผม ความเปลี่ยนแปลงในช่วงที่ผ่านมา

 

ลองตั้งชื่อให้มันหน่อย

 

ฟิล์ม: ตะกอนชีวิต ครับ จริงๆ มีหลายชื่อในหัว แต่ชื่อนี้น่าจะเหมาะที่สุดแล้ว

 

บทที่ 5: ตะกอนชีวิต

 

To be Continued…

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising
X
Close Advertising