×

‘Black Monday’ ตลาดหุ้นทั่วโลกร่วงจากสถานการณ์โควิด-19, สงครามราคาน้ำมัน Dow Jones ดิ่งกว่า 2,000 จุด

10.03.2020
  • LOADING...

ตลาดหุ้นทั่วโลกร่วงระนาวจากความวิตกกังวลสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 และแรงกดดันของสงครามราคาน้ำมันระหว่างซาอุดีอาระเบียและรัสเซีย ซึ่งทำให้นักลงทุนแห่เทขายหุ้น โดยดัชนี Dow Jones ดิ่งลงกว่า 2,000 จุด เช่นเดียวกับตลาดหุ้นยุโรปและเอเชียที่ร่วงกันถ้วนหน้า ส่งผลให้เมื่อวานนี้ถูกขนานนามให้เป็น ‘Black Monday’

 

ภาวะตลาดหุ้นหลายประเทศเมื่อวานนี้ (9 มีนาคม) เลวร้ายที่สุดนับจากปี 2008 ซึ่งเป็นปีที่เกิดวิกฤตการเงินทั่วโลก หลายประเทศเกิดความตื่นตระหนกเกี่ยวกับสถานการณ์การระบาดของโควิด-19 ซึ่งล่าสุดพบผู้ติดเชื้อ 1.14 แสนรายใน 104 ประเทศและดินแดน นอกจากนี้ตลาดหุ้นยังถูกกดดันจากหุ้นกลุ่มพลังงานที่ปรับตัวลงจากสงครามราคาน้ำมัน หลังรัสเซียปฏิเสธไม่รับข้อเสนอของกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (OPEC) ในการขยายเวลาลดกำลังการผลิตน้ำมันเพิ่มเติม ส่งผลให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับภาวะน้ำมันล้นตลาด  

 

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรม Dow Jones ร่วงลงถึง 2,013.7 จุด หรือ 7.79% ปิดที่ 23,851.02 จุด ทำสถิติร่วงลงมากที่สุดนับจากวันที่ 15 ตุลาคม 2008 ซึ่งวันนั้นดิ่งลง 7.87% โดยหุ้นบริษัทจดทะเบียนยักษ์ใหญ่ที่ร่วงนำตลาดเมื่อวานนี้ ประกอบด้วย Boeing, Apple, Goldman Sachs และ Caterpillar

 

ขณะที่ดัชนี S&P 500 ดิ่งลง 7.6% ปิดที่ 2,746.56 จุด จากแรงฉุดของหุ้นกลุ่มการเงินและพลังงาน นำโดย Exxon Mobil, Hess และ Marathon Oil ที่ร่วงลงกว่า 20% ขณะที่หุ้นกลุ่มการเงินปรับตัวลงกว่า 10% ทำสถิติเลวร้ายสุดนับจากเดือนธันวาคม ปี 2008 เช่นกัน ส่วนดัชนี Nasdaq Composite ดิ่งลง 7.29% ปิดที่ 7,950.68 จุด 

 

ในช่วงแรกของการซื้อขายเมื่อวานนี้ มีการใช้ Circuit Breaker เพื่อหยุดการซื้อขายชั่วคราวเป็นเวลา 15 นาที หลังดัชนี S&P 500 ร่วงลงกว่า 7% โดยตลาดหุ้นสหรัฐฯ สามารถใช้เครื่องมือดังกล่าวในดัชนี S&P 500 ได้ ซึ่งแบ่งเป็น 3 ระดับ หากดัชนีร่วงมากกว่า 7% จะหยุดการซื้อขาย 15 นาที ส่วนระดับที่ 2 คือ หากร่วง 13% จะหยุดการซื้อขายอีกครั้งเป็นเวลา 15 นาที แต่หากเกิดก่อนเวลา 15.25 น. ก็จะไม่มีการใช้ Circuit Breaker อีก และระดับที่ 3 คือเมื่อ S&P 500 ดิ่งลง 20% ซึ่งตลาดจะหยุดการซื้อขายไปตลอดทั้งวัน (กรณีนี้จะเกิดขึ้นหาก S&P 500 ปรับตัวลง 594 จุดเมื่อวานนี้)   

 

ด้านประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐฯ ออกมาตำหนิการทำสงครามราคาน้ำมันและการรายงานข่าวปลอมของสื่อว่าเป็นต้นเหตุที่ทำให้ตลาดหุ้นร่วงหนัก พร้อมโต้แย้งว่า การที่ราคาน้ำมันเบนซินปรับตัวลงถือเป็นเรื่องดีสำหรับผู้บริโภค

 

นักวิเคราะห์บางคนในต่างประเทศมองว่า น้ำมันดิบจะกลายเป็นปัญหาใหญ่กว่าโควิด-19 สำหรับตลาดหุ้น โดย อดัม คริซาฟูลลี ผู้ก่อตั้ง Vital Knowledge ให้ความเห็นกับ CNBC ว่า มีความเป็นไปได้ยากที่ S&P 500 จะฟื้นตัวอย่างมั่นคง หากราคาน้ำมันดิบเบรนท์ยังร่วงต่อเนื่องเช่นนี้

 

ทั้งนี้นักลงทุนกำลังจับตาอย่างใกล้ชิดว่า รัสเซียกับซาอุดีอาระเบียจะกลับมาเจรจาทำข้อตกลงขยายเวลาลดกำลังการผลิตได้อีกครั้งหรือไม่ เพื่อลดความกังวลเกี่ยวกับภาวะน้ำมันล้นตลาด โดยเมื่อวานนี้สัญญาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ร่วงลงต่ออีก 24% แตะระดับ 31.13 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ขณะที่น้ำมันดิบเบรนท์ร่วง 24% สู่ระดับ 34.44 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล หลังร่วงลง 30% จากวันก่อนหน้า 

 

นอกจากตลาดหุ้นนิวยอร์กแล้ว ตลาดหุ้นยุโรปก็พากันดิ่งเหวเช่นกัน โดยดัชนี Stoxx Europe 600 ลดลง 7.4% ซึ่งมากสุดนับตั้งแต่เหตุการณ์ Lehman Brothers ล้มละลายในปี 2008 ขณะที่ตลาดหุ้นสหราชอาณาจักร, อิตาลี, เยอรมนี และสเปน ต่างก็ปิดในแดนลบเช่นกัน โดยแรงกดดันส่วนหนึ่งมาจากหุ้นกลุ่มพลังงานที่ร่วงลงอย่างหนัก

 

ขณะที่หุ้นไทย (SET) ดิ่งลงกว่า 100 จุด ปิดที่ 1,255.94 จุด เมื่อวานนี้ ส่วนดัชนี Nikkei ตลาดหุ้นโตเกียว ร่วง 5.07% ปิดที่ 19,698.76 จุด ตามทิศทางเดียวกับ Shanghai Composite ตลาดหุ้นจีน และ Hang Seng ตลาดหุ้นฮ่องกง ที่ร่วงลง 3.01% และ 4.23% ตามลำดับ   

 

พิสูจน์อักษร: พรนภัส ชำนาญค้า

อ้างอิง:

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising