×

หุ้นบิ๊กเทคฯ โชว์ผลงานไตรมาสแรกดีเกินคาด แต่โอกาสลงทุนในระยะสั้นเหลือไม่มากแล้ว

29.04.2021
  • LOADING...
หุ้นบิ๊กเทคฯ โชว์ผลงานไตรมาสแรกดีเกินคาด แต่โอกาสลงทุนในระยะสั้นเหลือไม่มากแล้ว

หลังจากที่บริษัทในสหรัฐฯ ทยอยประกาศผลประกอบการไตรมาส 1 ปี 2564 โดยเฉพาะหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีขนาดใหญ่รายงานรายได้และกำไรออกมาเติบโตค่อนข้างดี 

 

The Wall Street Journal ระบุว่า บริษัทในดัชนี S&P 500 รายงานผลประกอบการออกมาแล้วประมาณ 30% โดยที่ 88% ของบริษัทที่รายงานออกมาแล้วนั้นสามารถทำได้ดีกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ อย่างไรก็ตาม ในบรรดาบริษัทที่รายงานผลประกอบการออกมาแล้ว มีเพียงแค่ 57% เท่านั้นที่ราคาหุ้นปรับตัวขึ้น 

 

สจวร์ต รัมเบิล ผู้อำนวยการการลงทุน Fidelity International มองว่า บรรดาหุ้นเทคโนโลยีขนาดใหญ่เหล่านี้ มูลค่าหุ้นในระดับนี้ค่อนข้างจะตึงตัวมากกว่าอุตสาหกรรมอื่นๆ

 

 

รัฐศรัณย์ ธนไพศาลกิจ หัวหน้าฝ่ายหลักทรัพย์ต่างประเทศและฟิวเจอร์ส บล.บัวหลวง มองว่า บรรดาหุ้นเทคโนโลยีขนาดใหญ่ของสหรัฐฯ ซึ่งรายงานผลประกอบการไตรมาส 1 ปี 2564 ออกมาแล้ว ถือว่าทำได้ดีกว่าที่ตลาดคาดไว้ทั้งหมด 

 

อย่าง Facabook มีรายได้ 2.60 หมื่นล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 48% ดีกว่าที่ตลาดคาดไว้ที่ 2.37 หมื่นล้านดอลลาร์ ขณะที่กำไรต่อหุ้นทำได้ 3.3 ดอลลาร์ สูงกว่าที่ตลาดคาดไว้ที่ 2.61 ดอลลาร์ โดยหลักหนุนจากรายได้โฆษณาที่เพิ่มขึ้น 46% ขณะที่ผู้ใช้งานเฉลี่ยต่อวันยังเติบโตขึ้น 8% 

 

เช่นเดียวกับ Google ซึ่งมีรายได้เพิ่มขึ้น 34% โดยหลักหนุนจากรายได้โฆษณาผ่าน YouTube ที่เพิ่มขึ้น 49% สะท้อนให้เห็นว่าผู้คนใช้เวลาอยู่บนโลกออนไลน์มากขึ้น และการใช้จ่ายผ่านออนไลน์ก็เติบโตขึ้นมาก เช่นเดียวกับเศรษฐกิจสหรัฐฯ ซึ่งเป็นตลาดหลัก ก็อยู่ในทิศทางของการฟื้นตัวได้ดี

 

ขณะที่ Apple รายงานรายได้เติบโตขึ้น 54% ขณะที่กำไรต่อหุ้นทำได้ 1.4 ดอลลาร์ ดีกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ที่ 0.99 ดอลลาร์ โดยบริษัทสามารถสร้างอัตรากำไรขั้นต้นได้ถึง 42.5% สูงสุดเป็นสถิติของบริษัท 

 

เช่นเดียวกับ Microsoft ซึ่งกำไรต่อหุ้นทำได้ 2.03 ดอลลาร์ ดีกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ที่ 1.78 ดอลลาร์ ด้วยแรงหนุนจากธุรกิจคลาวด์ ซึ่งเติบโตขึ้น 50% ส่วน Amazon จะรายงานผลประกอบการออกมาในช่วงคืนนี้

 

“ผลประกอบการของหุ้นเทคฯ ขนาดใหญ่สะท้อนว่า ไม่เพียงแค่ราคาหุ้นที่เพิ่มขึ้น แต่ผลประกอบการยังมีแนวโน้มเติบโตดีต่อไปได้ตามเทรนด์ของออนไลน์ในระยะยาว” 

 

สำหรับนักลงทุนที่ลงทุนหุ้นเทคโนโลยีขนาดใหญ่เหล่านี้อยู่แล้วสามารถถือต่อไปได้ แต่สำหรับนักลงทุนที่ต้องการจะเข้าลงทุนอาจจะใช้การทยอยสะสมแทน เพราะต้องยอมรับว่าตลาดปรับขึ้นมาค่อนข้างมาก ทำให้ราคาหุ้นระดับนี้ไม่ได้ถูกอีกแล้ว อย่างดัชนี S&P 500 ปรับขึ้นมาราว 25% นับแต่ โจ ไบเดน ขึ้นรับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ 

 

ขณะเดียวตลาดยังมีความเสี่ยงจากการที่ธนาคารกลางต่างๆ อาจเริ่มลดวงเงินการอัดฉีดสภาพคล่อง แม้ว่าสหรัฐฯ จะยังมีช่องว่างให้ดำเนินนโยบายการเงินผ่อนคลายต่อไปได้อีก แต่ก็เริ่มเห็นสัญญาณจากแคนาดา ซึ่งน่าจะเป็นประเทศแรกที่ลดวงเงินอัดฉีด เพราะฉะนั้นการลงทุนขณะนี้ต้องเลือกมากขึ้น โดยเน้นหุ้นที่ยังมีผลประกอบการเติบโตดี เพราะตลาดหุ้นโดยภาพรวมคงจะไม่ได้ปรับขึ้นมากแบบที่ผ่านมา

 

ด้าน ศรชัย สุเนต์ตา กรรมการผู้จัดการ SCB-CIO บล.ไทยพาณิชย์ เปิดเผยว่า ผลประกอบการหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีขนาดใหญ่ในสหรัฐฯ ถือว่าออกมาดีมาก ซึ่งจะช่วยพยุงตลาดไปได้ต่ออีกช่วงหนึ่ง แต่หลังจากนี้ตลาดยังมีเรื่องที่น่ากังวล 3 ประเด็นรออยู่ ได้แก่ 

 

  1. การลดวงเงินอัดฉีดเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ 
  2. นโยบายภาษีธุรกิจ
  3. นโยบายเกี่ยวกับการลดการผูกขาดทางธุรกิจ 

 

“ประเด็นกดดันเหล่านี้น่าจะเริ่มออกมาให้เห็นช่วงไตรมาส 3 หลังจากที่สถานการณ์โควิด-19 เริ่มดีขึ้นในสหรัฐฯ แม้ว่าไตรมาส 2 จะยังสามารถลงทุนในหุ้นกลุ่มเหล่านี้ได้อยู่ แต่ช่วงไตรมาส 3 หรือไตรมาส 4 อาจจะต้องโยกย้ายเงินลงทุนไปยังหุ้นกลุ่มวัฏจักร” 

 

อย่างไรก็ดี การลงทุนในหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีขนาดใหญ่เหล่านี้ยังพอจะมีโอกาสอยู่บ้างในช่วงไตรมาส 2 บนมุมมองที่ว่าเศรษฐกิจเริ่มเปิด ขณะที่บอนด์ยีลด์สหรัฐฯ ยังอยู่ในระดับ 1.5-1.6% ทำให้หุ้นกลุ่มนี้น่าจะนำตลาดขึ้นได้ในช่วงนี้ 

 

แต่หากมองยาวไปถึงครึ่งปีหลัง หุ้นกลุ่มนี้จะเผชิญกับ 3 ความเสี่ยงข้างต้น โดยเฉพาะช่วงไตรมาส 4 ที่น่าจะเริ่มเห็นการส่งสัญญาณลดวงเงินกระตุ้นเศรษฐกิจ ก่อนที่จะเกิดขึ้นจริงในปีหน้า ส่วนภาพในระยะยาวนั้นหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีขนาดใหญ่ยังมีโอกาสจะทำได้ดีกว่าการคาดการณ์ของตลาดอย่างต่อเนื่อง 

 

ภาพประกอบ: ฉัตรชัย เฉยชิต

 


 

ไม่พลาดข่าวไฮไลต์ประจำวัน มาเป็นเพื่อนกับ THE STANDARD WEALTH ในไลน์ คลิก https://lin.ee/xfPbXUP 

 

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising
X
Close Advertising