×

แม่ทัพใหญ่ Big C ไม่หวั่น! การแข่งขันสูง เร่งสปีดร้าน ‘โดนใจ’ ดึงโชห่วยเสริมทัพ 3 หมื่นสาขา ภายในปี 2570

18.01.2023
  • LOADING...
โดนใจ

โชห่วยเนื้อหอม ยักษ์ค้าปลีกรายใหญ่รุมตอม แม่ทัพใหญ่ BJC ไม่หวั่น! แม้การแข่งขันสูง เร่งสปีดร้าน ‘โดนใจ’ ดึงโชห่วยเป็นพันธมิตรให้ได้ 30,000 สาขา ภายในปี 2570 พร้อมขยายตลาดไปเวียดนาม แย้มมีโอกาสโตอย่างมาก

 

ฐาปณี เตชะเจริญวิกุล กรรมการรองผู้จัดการใหญ่อาวุโส บมจ.เบอร์ลี่ ยุคเกอร์ หรือ BJC กล่าวว่า บริษัทเริ่มต้นโครงการร้านเครือข่าย ‘โดนใจ’ มาตั้งแต่ปี 2564 ที่ผ่านมา ซึ่งมาจากวิสัยทัศน์ของคุณพ่อ เจ้าสัว ‘เจริญ สิริวัฒนภักดี’ ที่ต้องการต่อยอดธุรกิจค้าปลีกเข้ามาช่วยพัฒนาผู้ประกอบการร้านโชห่วย หวังสร้างการเติบโตร่วมกันอย่างยั่งยืนและให้อยู่รอดท่ามกลางวิกฤตเศรษฐกิจ

 


 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง:


 

ทั้งนี้ แม้จะมีผู้เล่นค้าปลีกรายใหญ่กระโดดเข้ามาในตลาด เพื่อสนับสนุนร้านโชห่วยมากขึ้น ก็ไม่ได้กังวลเรื่องการแข่งขัน เพราะทุกค่ายต่างมีจุดแข็งที่แตกต่างกัน และที่ยังมองว่าจะช่วยกันผลักดันร้านโชห่วยให้เติบโตในระยะยาวได้ 

 

หากเจาะลึกลงไปถึงร้านโชห่วยทั่วประเทศ ปัจจุบันมีกว่า 400,000 ร้านค้า คิดเป็นสัดส่วนประมาณ 55% ของอุตสาหกรรมค้าปลีกที่มีมูลค่ากว่า 3 ล้านล้านบาท ซึ่งมองว่าตลาดร้านโชห่วยยังมีศักยภาพอีกมาก ซึ่งโมเดลร้านโดนใจจะเข้าไปช่วยยกระดับร้านค้าให้เข้ากับความต้องการของลูกค้าที่เปลี่ยนแปลงไปรอบด้าน 

 

ทั้งนี้ เพื่อรองรับการเติบโตดังกล่าว บริษัทจึงได้ขยายทีมงานเพื่อให้คำปรึกษา ควบคู่กับการพัฒนาระบบ POS หรือระบบการขายหน้าร้าน พร้อมนำความเชี่ยวชาญที่อยู่ในธุรกิจค้าปลีกมาหลายปีเข้าไปช่วยเสริมความแกร่งให้กับร้านค้า พร้อมจับมือกับพันธมิตรกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภคกว่า 30 ราย เพื่อนำสินค้าจากสาขาบิ๊กซีที่มีอยู่ทั่วประเทศกระจายสินค้าให้กับร้านค้า

 

โดยปัจจุบันมีผู้ประกอบการร้านค้าโชห่วยเข้ามาร่วมเป็นเครือข่ายแล้วประมาณ 1,200 ร้านค้า โดยหลักๆ อยู่ใน 9 จังหวัดในโซนภาคอีสาน ต้องยอมรับว่าระยะแรกเราเน้นร้านค้าที่มีกระแสเงินสดเป็นอันดับแรก แต่จากนี้ไปจะเริ่มเปิดรับร้านค้าที่ต้องการเข้าถึงแหล่งเงินกู้เข้ามาเสริม และนับตั้งแต่เปิดมา ภาพรวมยอดขายโมเดลร้านโดนใจเติบโตขึ้นเป็นเท่าตัว

 

ฐาปณีกล่าวต่อว่า กลยุทธ์และแผนการเติบโตของโครงการร้านเครือข่ายโดนใจต่อจากนี้ จะเน้นเปิดในพื้นที่ต่างจังหวัดเป็นหลัก โดยไตรมาสแรกเตรียมเปิดร้านค้าประมาณ 8,000 แห่ง และวางเป้าหมายใหญ่ให้เติบโตกว่า 30,000 แห่ง ภายในปี 2570 พร้อมนำทีมงานเข้าไปทำการตลาดเพื่อสร้างการรับรู้ให้กว้างขึ้น

 

สำหรับโมเดลร้านโดนใจ ผู้ประกอบการรายใหม่อาจใช้งบลงทุนก่อสร้างสาขาประมาณ 3-7 แสนบาท แต่มีเงื่อนไขต้องสั่งซื้อสินค้าในเครือ BJC เข้ามาวางจำหน่าย ขณะที่ร้านค้าเดิมที่มีร้านอยู่แล้วจะใช้งบลงทุนประมาณ 5-7 หมื่นบาท 

 

คีย์สำคัญของร้านโดนใจคือเปิดโอกาสให้เลือกลงทุนและเลือกกลุ่มสินค้าเองได้ โดยไม่ต้องแบ่งผลกำไร มีหลากหลายขนาด แบ่งเป็นร้านไซส์ XS ตามด้วย ไซส์ S ไซส์ M และไซส์ L โดยบริษัทลงทุนในการตกแต่งร้านให้ในสัดส่วน 55% และอีก 45% จะเป็นการลงทุนในรูปแบบของเงินประกันจากเจ้าของร้าน และมีการนำระบบ POS ที่พัฒนาโดย BJC เข้าไปติดตั้งให้ โดยมีค่าเชื่อมระบบเดือนละ 1,800 บาท มีระยะสัญญา 3 ปี

 

ยิ่งไปกว่านั้น บริษัทได้จับมือกับพันธมิตรสถาบันการเงิน เข้ามาช่วยสนับสนุนร้านโชห่วยที่สนใจเปิดร้าน ตลอดจนการเตรียมใช้เทคโนโลยีเข้ามาจัดเก็บข้อมูลการจับจ่าย เพื่อนำไปพัฒนาแผนการตลาดและรายการส่งเสริมการขาย ทั้งแคมเปญและโปรโมชัน ให้สอดรับกับความต้องการของผู้บริโภคในแต่ละพื้นที่ 

 

รวมถึงยังได้นำโครงการร้านโดนใจให้เป็นโมเดลต้นแบบนำไปปรับใช้ในเวียดนาม ภายใต้ชื่อ ‘GIATOT’ ปัจจุบันมีร้านค้าเข้าร่วม 100 ราย ซึ่งมองว่ามีโอกาสอย่างมาก เพราะเวียดนามมีร้านโชห่วยอยู่มากกว่า 7 แสนร้านค้า และจะเป็นช่องทางที่จะนำสินค้าที่ผลิตจากไทยไปขายในภูมิภาคอาเซียน ซึ่งจะสอดรับกับยุทธศาสตร์ของ BJC ที่ต้องการขึ้นเป็นผู้นำตลาดสินค้าอุปโภคบริโภคที่ครอบคลุมตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ 

 

ฐาปณียังได้ฉายภาพเศรษฐกิจและกำลังซื้อรวมภายในประเทศ เริ่มกลับมาฟื้นตัวดีขึ้นหลังจากเปิดรับนักท่องเที่ยวเข้ามา ซึ่งจะทำให้อัตราการบริโภคเติบโตถึง 100% โดยเฉพาะช่วงไตรมาส 3-4 ที่นักท่องเที่ยวจีนจะเริ่มกลับมา และสาขาบิ๊กซีที่อยู่ในย่านท่องเที่ยวจะได้รับอานิสงส์ไปด้วยเช่นกัน 

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising