ประธานาธิบดี โจ ไบเดน ของสหรัฐฯ เดินหน้าวันแรกของการปฏิบัติหน้าที่เต็มรูปแบบที่ทำเนียบขาวเมื่อวานนี้ (21 มกราคม) ด้วยการลงนามคำสั่งพิเศษ 10 ฉบับ ตามแผนยุทธศาสตร์ชาติ เพื่อรับมือโรคโควิด-19 ที่กำลังแพร่ระบาดหนักทั่วประเทศ เฉกเช่นแผนรับมือสถานการณ์ในภาวะสงคราม
แผนรับมือโควิด-19 ดังกล่าว ประกอบด้วยการเร่งให้วัคซีนประชาชน เพิ่มการตรวจเชื้อเชิงรุก และบังคับให้ผู้ที่เดินทางเข้าสหรัฐฯ ต้องแสดงเอกสารยืนยันผลตรวจโควิด-19 เป็นลบก่อนเดินทาง และต้องกักตัว 14 วัน เมื่อเดินทางถึง นอกจากนี้จะมีการออกกฎหมายฉุกเฉินเพื่อเพิ่มกำลังการผลิตอุปกรณ์ที่จำเป็น เช่น หน้ากากอนามัย
ขณะที่ไบเดนยืนยันว่าแผนรับมือดังกล่าวซึ่งมีเอกสารจำนวน 198 หน้า และเผยแพร่ทางเว็บไซต์ WhiteHouse.gov จะยึดหลักวิทยาศาสตร์และข้อเท็จจริง ไม่ใช่การเมือง
“ยุทธศาสตร์ชาติของเราครอบคลุม อิงจากวิทยาศาสตร์ไม่ใช่การเมือง มันขึ้นอยู่กับความจริงไม่ใช่การปฏิเสธ และมันมีรายละเอียด” ไบเดน กล่าว
แผนรับมือโควิด-19 ของไบเดน จะเริ่มต้นด้วยโครงการฉีดวัคซีนประชาชนให้ได้ตามเป้าหมาย 100 ล้านโดส ภายใน 100 วันแรกหลังรับตำแหน่ง ซึ่งครอบคลุมจำนวนประชากร 50 ล้านคน ที่ต้องฉีดคนละ 2 โดส
ขณะที่เขาเผยว่า แผนดำเนินการทั้งหมดพัฒนาโดยอ้างอิงข้อมูลจาก ดร.แอนโทนี เฟาซี ผู้เชี่ยวชาญโรคติดเชื้อและหัวหน้าทีมที่ปรึกษาด้านโควิด-19 ของทำเนียบขาว และเจฟฟ์ ไซเอนต์ส ผู้ประสานงานพิเศษด้านโควิด-19 ของไบเดน ซึ่งไบเดนระบุว่า ชาวอเมริกันจะได้รับข้อมูลด้านโควิด-19 จาก ดร.เฟาซี ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญและนักวิทยาศาสตร์ที่แท้จริงอีกครั้ง หลังจากที่เขาถูกลดบทบาทลงในยุคอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์
ทั้งนี้ ไบเดนเตือนว่าสถานการณ์จะเลวร้ายลงอีกก่อนที่จะดีขึ้น พร้อมคาดการณ์ว่าจำนวนผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 ในสหรัฐฯ จะพุ่งขึ้นถึง 500,000 คนในเดือนหน้า
“นี่คือการทำสงคราม” ไบเดนกล่าว พร้อมย้ำว่า ขณะนี้มีชาวอเมริกันเสียชีวิตจากโรคโควิด-19 มากกว่าในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 แล้ว
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าคำสั่งพิเศษของประธานาธิบดีสหรัฐฯ จะไม่ต้องผ่านการโหวตรับรองจากสภาคองเกรส แต่งบประมาณส่วนใหญ่สำหรับแผนรับมือโควิด-19 นั้นรวมอยู่ในแพ็กเกจฟื้นฟูเศรษฐกิจและช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบโควิด-19 วงเงิน 1.9 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐที่ไบเดนประกาศเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา
ซึ่งหมายความว่าเขายังจำเป็นต้องได้รับความร่วมมือจากสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภาสหรัฐฯ เพื่อให้แพ็กเกจงบประมาณดังกล่าวผ่านการรับรองอย่างราบรื่น
ภาพ: MANDEL NGAN / AFP
พิสูจน์อักษร: วรรษมล สิงหโกมล
อ้างอิง: