×

เอเดรียน นิวอี ชายผู้มองเห็นสายลมที่อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของเรดบูลล์ เรซซิง

05.03.2024
  • LOADING...

ชื่อของ เอเดรียน นิวอี ถูกพูดถึงเป็นอย่างมากในฐานะนักออกแบบที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของ F1 ซึ่งอยู่เบื้องหลังการประสบความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่ของทีมเรดบูลล์ เรซซิง เมื่อฤดูกาลที่ผ่านมา ด้วยการออกแบบรถ RB 19 ซึ่งส่งผลให้ทีมดังจากออสเตรียคว้าแชมป์ได้ถึง 21 จาก 22 เรซในปีก่อน

 

มาในฤดูกาลใหม่ หลายคนก็ปรามาสว่า เวทมนตร์ของนิวอีอาจจะเสื่อมลงแล้วหรือเปล่า หลังทีมเรดบูลล์ทำเวลาในการซ้อมได้ไม่ค่อยสมฐานะแชมป์เก่าสักเท่าไร ด้วยการทำได้ดีที่สุดแค่จบอันดับ 3 ในการซ้อมรอบ 3 (FP3) ก่อนเปิดฉากสนามแรกในฤดูกาลใหม่เท่านั้น

 

แต่เมื่อการแข่งขันแบบจริงจังเริ่มต้นขึ้นเรากลับได้เห็นเรดบูลล์ โหมดเอาจริง และ แม็กซ์ เวอร์สแตพเพน ก็คว้าเกียรติยศทุกอย่างเท่าที่จะคว้าได้จากบาห์เรนอินเตอร์เนชันแนลเซอร์กิต ทั้งการคว้าตำแหน่งโพลในการออกสตาร์ท รวมไปถึงการคว้าแชมป์พร้อมครองตำแหน่งทำเวลาต่อรอบดีที่สุด ขณะที่ เซร์คิโอ เปเรซ ก็ยังคว้าอันดับ 2 ไปครองได้อีกต่างหาก นั่นหมายความว่าในสนามแรก พวกเขา ‘เหมาหมด’

 

เท่านั้นยังไม่พอเวอร์สแตพเพนยังสามารถคว้าแชมป์ที่บาห์เรนได้แบบสบายๆ ชนิดที่เข้าพิตไปแล้วออกมายังนำอยู่เลย แถมเมื่อครบ 57 รอบก็ทำเวลาทิ้งอันดับ 2 ไปถึง 22.457 วินาทีแบบสบายๆ

 

จากผลงานทั้งหมดนี้ส่วนหนึ่งต้องยกเครดิตให้กับ เอเดรียน นิวอี อัจฉริยะผู้อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของทีมเรดบูลล์คนนี้

 

ชายผู้มองเห็นสายลม?

 

 

“ไม่ แน่นอนว่าไม่มีทาง!” เอเดรียน นิวอี ยืนยันอย่างหนักแน่นหลัง แอนดรูว์ เบนสัน จาก BBC ถามเขาว่า “จริงเหรอที่คุณมองเห็นสายลม?”

 

อย่างไรก็ตาม นิวอีอธิบายเพิ่มเติมว่า แม้เขาจะมองไม่เห็นสายลม แต่เขาสามารถวาดภาพมันในหัวได้ โดยเขากล่าวว่า “ผมพยายามจะไม่เข้าข้างตัวเอง แต่การวาดภาพจากสิ่งที่เห็นได้คือจุดแข็งอย่างหนึ่งของผม ผมสามารถใช้สายตาวาดภาพสิ่งต่างๆ ออกมาได้ดีทีเดียว”

 

ความสามารถของนิวอีนั้น ทำให้เขาเดินหน้าอย่างต่อเนื่องในเส้นทางที่เขาทำงานอยู่ และปัจจุบันเขาก็เป็นหัวหน้าเจ้าหน้าที่ด้านเทคนิคของเรดบูลล์ ที่ซึ่งเขาและทีมได้สร้างหนึ่งในรถที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ F1 อย่างเรดบูลล์ RB 19 ที่คว้าแชมป์ได้ถึง 21 จาก 22 สนามในปีก่อน

 

ความยอดเยี่ยมของนิวอีนั้นแสดงออกผ่านการให้เครดิตกับคนทุกคนที่มีส่วนร่วมกับเรดบูลล์ เรซซิง แม้ว่าเขาจะเป็นผู้รับผิดชอบที่ใหญ่ที่สุดในทีมสร้างรถก็ตาม

 

นิวอีกล่าวว่า “ชัดเจนว่า F1 ไม่ได้เป็นกีฬาที่แข่งขันอยู่แค่เพียงคนเดียว แต่เป็นการพัฒนาร่วมกันของทีมวิศวกรและการทำงานร่วมกับทีมนั้น ก็มีความน่าพึงพอใจเป็นอย่างมาก”

 

ไม่เพียงแต่สร้างรถออกมาได้ยอดเยี่ยมในฤดูกาลก่อน อีกหนึ่งผลงานอันยอดเยี่ยมของนิวอี คือการที่เขาให้ทีมเน้นการออกแบบไซด์พอด ซึ่งส่งผลให้มีการระบายอากาศด้านข้างและรอบๆ รถได้อย่างยอดเยี่ยม 

 

รวมถึงการออกแบบระบบกันสะเทือนด้านหน้าและด้านหลัง เพื่อจุดประสงค์ให้พื้นรถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด โดยใต้ท้องรถจะมีท่อคอคอด (Venturi Tunnels) 2 แห่ง คอยช่วยทำให้มีการสร้างดาวน์ฟอร์ซซึ่งจะเร่งการไหลเวียนของอากาศระหว่างรถกับพื้น ทำให้เกิดแรงดันที่ดูดรถเข้าสู่สนามแข่ง

 

ด้วยหลักการนี้ เรดบูลล์จึงมีรถที่ยอดเยี่ยมมาตลอดหลายฤดูกาล และรถพวกเขายังเป็นเพียงแค่เจ้าเดียวที่ไม่ได้รับปัญหา Porpoising หรือ Bouncing ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาด้วย

 

มิเกลันเจโลแห่งโลกมอเตอร์สปอร์ต

 

 

มิเกลันเจโลแห่งโลกมอเตอร์สปอร์ต เป็นอีกหนึ่งคำที่ถูกใช้ยกย่องนิวอี ที่เป็นเช่นนั้นเพราะอีกหนึ่งในความสามารถที่เรียกได้ว่าอัจฉริยะของเขา คือการร่างแบบรถ F1 ลงบนกระดาษด้วยดินสอ 4H 

 

ว่ากันว่าความอัจฉริยะของเขาได้มาจากพ่อกับแม่อย่างละครึ่ง โดยพ่อของเขาเป็นสัตวแพทย์ที่สนใจในเรื่องของคณิตศาสตร์และวิศวกรรมศาสตร์เป็นอย่างมาก ขณะที่แม่ของเขามาจากครอบครัวที่มีความเป็นศิลปินสูง

 

นิวอี เกิดที่เมืองโคลเชสเตอร์ และเติบโตที่สแตรทฟอร์ด-อัพพอน-เอวอน ซึ่งเป็นบ้านเกิดของเชกสเปียร์ แต่เขาชอบเครื่องยนต์กับวิศวกรรมมาตั้งแต่เด็ก และความอัจฉริยะดุจมิเกลันเจโลของเขาก็เริ่มต้นตั้งแต่สมัยเขาอายุเพียง 11 ปี 

 

ในวันหยุดฤดูร้อนที่ยาวนานและไม่มีอะไรให้ทำ นิวอีก็เริ่มร่างแบบรถแข่งของเขาด้วยดินสอ เขาทำเรื่องนี้อยู่เป็นประจำ สม่ำเสมอ จนมันกลายมาเป็นหนึ่งในทักษะติดตัวของเขา

 

“ถ้ากฎ 10,000 ชั่วโมงเป็นเรื่องจริง ผมก็ฝึกฝนเรื่องนี้มาตั้งแต่อายุยังน้อยโดยที่ไม่รู้ตัวเลย” นิวอีเล่าถึงทักษะการสเกตช์ภาพรถแข่งของเขา

 

เมื่อเติบโตขึ้น นิวอีเข้าเรียนที่มหาวิทยาลัยเซาแธมป์ตัน และได้รับปริญญาเกียรตินิยมอันดับหนึ่งในสาขาการบิน ช่วยให้เขาเริ่มต้นเส้นทางสายกีฬามอเตอร์สปอร์ตกับทีมฟิตติปาลดี และมาร์ช F1 ได้อย่างไม่มีปัญหา

 

การออกแบบของเขาที่ทำกับมาร์ชได้รับรางวัลในปี 1983 และ 1984 ขณะที่รถ March 85C ก็ประสบความสำเร็จในวงการอินดี้คาร์ ส่งให้เขาได้เข้าสู่ทีมวิลเลียมส์ F1 ในยุคทองที่คว้าแชมป์ประเภททีมผู้ผลิตต่อเนื่องในปี 1992-1994

 

แต่การทำงานกับวิลเลียมส์ในช่วงเวลานี้ แม้จะสร้างชื่อให้กับนิวอีอย่างมาก แต่มันก็สร้างแผลในใจที่ฝังรากลึกให้แก่เขาเช่นกัน นั่นคือเหตุการณ์การจากไปของ ไอร์ตัน เซนนา นักขับผู้ยิ่งใหญ่ที่จากไปเพราะอุบัติเหตุในสนาม

 

ในตอนนั้นมีแฟนๆ บางส่วนมองว่าเป็นความผิดของทีมงานวิศวกร จนนำไปสู่ข้อกล่าวหาร้ายแรงว่า นิวอีและสมาชิกทีมคนอื่นๆ ฆ่าเซนนาโดยไม่เจตนา ซึ่งตัวนิวอีก็ได้เขียนไว้ในชีวประวัติของเขาว่า อุบัติเหตุครั้งนั้นทำให้เขารู้สึกผิดมาเสมอเช่นกัน

 

หลังจากนั้นนิวอีก็ย้ายไปร่วมงานกับแม็คลาเรน ก่อนย้ายมาหาความท้าทายใหม่ด้วยการร่วมงานกับเรดบูลล์ เรซซิงในปี 2006 ที่ตอนนั้นพวกเขาเป็นเพียงทีมที่เพิ่งตั้งใหม่เท่านั้น

 

ชายผู้มีสูตรโกง

 

 

การทำงานกับเรดบูลล์ เรซซิงของนิวอีเริ่มเห็นผลในปี 2009 หลัง เซบาสเตียน เวทเทล สามารถควบรถ RB 5 คว้าชัยชนะท่ามกลางสายฝนของไชนีส กรังด์ปรีซ์ได้สำเร็จ และสุดท้ายพวกเขาก็สามารถจบอันดับ 2 ในฐานะทีมผู้ผลิตในได้สำเร็จ

 

จนกระทั่งปีต่อมา ภายใต้การทำงานของทีมเรดบูลล์ ซึ่งมี เซบาสเตียน เวทเทล เป็นนักขับมือหนึ่งของทีม พวกเขาก็สามารถคว้าแชมป์มาครองได้อย่างเบ็ดเสร็จ ทั้งในฐานะบุคคลและทีมผู้ผลิต

 

ในปี 2011 รถของเรดบูลล์ก็มาสร้างสถิติน่าเหลือเชื่อด้วยการคว้าตำแหน่งโพลในการออกสตาร์ทได้ถึง 18 จาก 19 สนาม กับรถในรุ่น RB 7 ซึ่งว่ากันว่าเป็นหนึ่งในรถรุ่นที่เร็วที่สุดในประวัติศาสตร์ของ F1 โดยสนามเดียวที่พวกเขาพลาดไป คือสนามโคเรียน กรังด์ปรีซ์ ซึ่งเป็นทาง ลูอิส แฮมิลตัน แห่ง แม็คลาเรน-เมอร์ซีเดส ที่คว้าตำแหน่งโพลไปครองได้แทน

 

แน่นอนว่า ในปี 2011 แชมป์ทั้งในฐานะบุคคลและทีมผู้ผลิตก็ยังตกเป็นของทีมเรดบูลล์อีก 1 ปี เช่นเดียวกับปี 2012 ซึ่งในปีนี้เองที่นิวอีได้รับเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันวิเศษยิ่งแห่งจักรวรรดิบริติช หรือเครื่องราชฯ ชั้น OBE สำหรับการทำงานอันโดดเด่นในวงการมอเตอร์สปอร์ตของเขา

 

นิวอีกับทีมเรดบูลล์ยังคงทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมต่อเนื่องในปี 2013 จากการคว้าแชมป์ทั้งในฐานะบุคคลและทีมผู้ผลิตอีกปี แต่นั่นคือปีสุดท้ายของเครื่องยนต์ V8 และเป็นปีสุดท้ายของเรดบูลล์ที่ได้แชมป์ก่อนที่ F1 จะเข้าสู่ยุคสมัยของเมอร์ซีเดส

 

ชื่อของเรดบูลล์เป็นเพียงชื่อรองของวงการ F1 มายาวนาน จนกระทั่งพวกเขากลับมาในปี 2021 กับเหตุการณ์สุดดราม่าในอาบูดาบี กรังด์ปรีซ์ ซึ่งส่งให้ ‘แมดแม็กซ์’ แม็กซ์ เวอร์สแตพเพน คว้าแชมป์ได้สำเร็จ และเป็นแชมป์ครั้งแรกของเรดบูลล์นับตั้งแต่ปี 2013

 

แน่นอนว่าหลังจากนั้น ในปี 2022 และ 2023 ก็เป็นปีของเรดบูลล์โดยสมบูรณ์ โดยเฉพาะในปีที่แล้ว รถ RB 19 ของนิวอี ถูกจารึกไว้ในประวัติศาสตร์ด้วยการทำลายสถิติมากมายทั้งในฐานะบุคคลและฐานะทีมผู้ผลิต

 

เวอร์สแพตเพนคว้าแชมป์ได้ 19 จาก 22 สนาม ส่วนทีมเรดบูลล์ คว้าชัยได้ 21 จาก 22 สนาม เก็บไป 860 คะแนน มากที่สุดในประวัติศาสตร์ นอกจากนี้ชัยชนะที่แคนาเดียน กรังด์ปรีซ์ ของเขาในฤดูกาลนี้ ยังเป็นชัยชนะที่ 200 ในอาชีพของนิวอีด้วย

 

ตลอด 2-3 ปีหลัง รถของเรดบูลล์แสดงให้เห็นถึงความ ‘เหนือชั้น’ กว่าคู่แข่งอย่างชัดเจน และช่องว่างนั้นก็ถูกตอกย้ำผ่านการแข่งขันที่บาห์เรนเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาเข้าไปอีก เพราะแม็กซ์เล่นเอาชนะคู่แข่งได้แบบสบายเกินไป จนทำให้หลายคนแซวนิวอีว่าคงมี ‘สูตรโกง’ อยู่ในมือจึงสร้างรถมาได้ยอดเยี่ยมขนาดนั้น

 

แต่อันที่จริงนิวอีเคยให้สัมภาษณ์ไว้ก่อนหน้านี้แล้วว่า สาเหตุที่ทำให้รถของเรดบูลล์มีสมรรถภาพที่ยอดเยี่ยมและแทบจะปราศจาก Porpoising หรือ Bouncing คือการที่เขาเคยมีประสบการณ์ในการทำงานกับรถยนต์ที่ใช้ท่อคอคอดมาก่อนในยุคต้นทศวรรษที่ 80

 

นิวอีกล่าวไว้ว่า “ผมคิดว่าเราบรรลุเป้าหมายในการออกแบบรถด้วยเหตุผลหลายประการ เราพยายามดูหลักฟิสิกส์ของการไหลของอากาศ และทำความเข้าใจสิ่งที่เราคิดว่าจำเป็นต้องเข้าใจ 

 

“แต่ใช่ ปัญหา Porpoising ด้วย ผมรู้สึกประหลาดใจที่ไม่มีใครเห็นทางออกกับปัญหานั้นจริงๆ เพราะมันเป็นปัญหาในยุค 80 อย่างแน่นอน”

 

อนาคตที่ไม่แน่นอน

 

 

ตลอดเส้นทางของนิวอีกับเรดบูลล์นับตั้งแต่ปี 2006 ไม่ได้ราบรื่นขนาดนั้น ด้วยความที่เป็นคนมีฝีมือ เขาต้องเผชิญหน้ากับข่าวลือมากมายว่ามีหลากหลายทีมอยากดึงตัวเขาไปร่วมทีม และหลายข่าวลือเหล่านั้นก็เป็นเรื่องจริง แต่เป็นเขาที่เลือกจะไม่ไปไหน

 

แต่หลังจากการขยับของเฟอร์รารีในช่วงปิดฤกาลที่ผ่านมา ด้วยการไปดึงตัว ลูอิส แฮมิลตัน มาร่วมทีมในปี 2025 ก็ทำให้มีข่าวลือเพิ่มเติมเกี่ยวกับนิวอีมาอีกครั้ง

 

ข่าวลือคราวนี้ระบุว่า เฟอร์รารีต้องการตัวนิวอีไปร่วมทีมเพื่อทำรถรุ่นที่ดีที่สุดมาให้ท่านเซอร์ได้ขับอีกครั้ง และหวังว่าเขาจะตอบตกลง

 

อย่างไรก็ตาม แม้จะมีการรายงานข่าวนี้กันโดยทั่วไป แต่ก็ไม่มีการยืนยันใดๆ ออกมาจากทางเฟอร์รารี ขณะที่ทางเรดบูลล์เองก็ยังคงนิ่ง และแน่นอนว่านิวอีก็เช่นกัน

 

ข่าวลือคราวนี้ก็อาจเหมือนหลายครั้งในอดีตที่ผ่านมา ซึ่งจบลงด้วยการที่นิวอีอยู่กับเรดบูลล์ต่อไป แต่พร้อมกันนั้นก็ไม่มีใครกล้าการันตีในตอนนี้เช่นกันว่าเขาจะไม่ไปจากเรดบูลล์

 

นั่นอาจยังเป็นอนาคตที่ยาวไกลเกินไป และอนาคตที่ไม่แน่นอนตรงนั้นอาจเร็วเกินไปที่จะมาพูดถึงหลังสนามแรกของฤดูกาลใหม่เพิ่งจบลง

 

อ้างอิง:

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising