วานนี้ (24 พฤศจิกายน) บมจ. กรุงเทพดุสิตเวชการ (BDMS) แจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์ฯ ว่าได้ทำสัญญาซื้อขายหุ้นที่บริษัทถืออยู่ออกทั้งหมด 22.71% ใน บมจ. โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ (BH) ที่ราคา 103 บาท โดย BDMS จะรับรู้กำไรสุทธิหลังจากภาษีจำนวน 1.1 พันล้านบาทในไตรมาส 4 ปี 2563 จากการขายเงินลงทุนในครั้งนี้
โดยธุรกรรมนี้จะทำรายการผ่านกระดานซื้อขายหลักทรัพย์รายใหญ่ (Big Lot) เป็น 2 รายการ คือ รายการแรกทำเสร็จไปแล้วในช่วงเช้าวันที่ 25 พฤศจิกายน 2563 จำนวน 90.5 ล้านหุ้น ราคาเฉลี่ยหุ้นละ 103 บาท มูลค่า 9.3 พันล้านบาท โดยเป็นรายการที่ BDMS ขาย BH ล็อตแรกให้กับ ดร.สาธิต วิทยากร ซีอีโอของ PRINC ส่วนที่เหลืออีก 90.2 ล้านหุ้น หรือ 11.34% คาดจะซื้อขายแล้วเสร็จในเดือนธันวาคม 2563
กระทบอย่างไร:
วานนี้ราคาหุ้น BDMS ปรับตัวลง 2.2%DoD สู่ระดับ 22.50 บาท เช่นเดียวกับราคาหุ้น BH ที่ปรับตัวลง 6.9%DoD สู่ระดับ 115.00 บาท สำหรับวันนี้ (25 พฤศจิกายน) ราคาหุ้น BDMS ลดลงเล็กน้อย 0.44% สู่ระดับ 22.40 บาท ขณะที่ราคาหุ้น BH เพิ่มขึ้น 5.22%DoD สู่ระดับ 116.00 บาท (ข้อมูลราคา ณ เวลา 12.30 น.)
มุมมองระยะสั้น:
SCBS มองว่า การขายหุ้น BH ของ BDMS ครั้งนี้จะไม่กระทบต่อผลการดำเนินงานในระยะสั้นของทั้งสองอย่างมีนัยสำคัญ เนื่องจากก่อนหน้านี้ BDMS เข้าลงทุนใน BH ในฐานะที่เป็นการลงทุนทางการเงินตั้งแต่ปี 2555 และไม่ได้มีคณะกรรมการบริษัทของ BH ที่มาจากการ BDMS
ในเบื้องต้น BDMS ได้วางแผนว่าจะนำเงินที่ได้จากการขายเงินลงทุนครั้งนี้ไปเพิ่มความแข็งแกร่งทางการเงิน และเพิ่มความสามารถในการแข่งขัน เช่น การลงทุนในโรงพยาบาลเพิ่ม เป็นต้น แต่หากอิงสมมติฐานว่า BDMS จะนำเงินไปชำระคืนหนี้ทั้งหมด จะช่วยให้ BDMS สามารถประหยัดค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยได้ 612 ล้านบาท
มุมมองระยะยาว:
สำหรับประเด็นที่น่าติดตามต่อไปคือ กลยุทธ์การดำเนินธุรกิจของ BH หลังจากที่มีการเปลี่ยนแปลงผู้ถือหุ้นใหญ่รายใหม่ที่มีสัดส่วนการถือหุ้น 22.71% ซึ่งแม้ล่าสุด ดร.สาธิต วิทยากร เผยว่า การเข้าซื้อ BH ครั้งนี้เป็น Friendly deal และไม่มีจุดประสงค์ในการเข้าไปบริหารหรือเป็นคณะกรรมการแต่อย่างใด แต่คาดหวังจะใช้ศักยภาพทางการแพทย์ในระดับตติยภูมิของทาง BH ที่มีในการช่วย PRINC ซึ่งมีโรงพยาบาลเครือข่ายส่วนใหญ่อยู่ในต่างจังหวัด (ปัจจุบันมีโรงพยาบาลเครือข่ายรวม 11 แห่ง ใน 10 จังหวัด) ให้ได้รับการบริการอย่างทั่วถึง เช่น ส่งต่อเคสรักษามายังส่วนกลางของบำรุงราษฎร์ แต่อย่างไรก็ตาม จากนี้เราคงต้องติดตามว่าจะมี Synergy ที่เกิดขึ้นระหว่างทั้งสองฝ่ายดังที่คาดหวังกันมากน้อยแค่ไหน
สำหรับแนวโน้มผลประกอบการของทั้ง BDMS และ BH ในไตรมาส 4 ปี 2563 SCBS คาดว่า จะยังหดตัวลง YoY เนื่องจากจำนวนผู้ป่วยที่เดินทางมาจากต่างประเทศยังคงอ่อนแอ แต่จะปรับตัวดีขึ้น QoQ โดยได้ปัจจัยหนุนจากการเพิ่มขึ้นของจำนวนผู้ป่วยในประเทศที่เริ่มกลับมาเข้ารับการรักษาตามปกติ
ทั้งนี้ ในช่วงก่อนการแพร่ระบาดของโควิด-19 BDMS มีสัดส่วนรายได้จากผู้ป่วยที่เดินทางมาจากต่างประเทศ 30% ของรายได้ทั้งหมด ขณะที่ BH มีสัดส่วนดังกล่าว 66% จึงทำให้ SCBS คาดว่า ผลประกอบการของทั้งสองบริษัทจะค่อยๆ ฟื้นตัวดีขึ้นตามการผ่อนปรนข้อจำกัดการเดินทางระหว่างประเทศ
ข้อมูลเพิ่มเติม:
%YoY คือ % การเปลี่ยนแปลงช่วงเวลาเดียวกันเมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า
%QoQ คือ % การเปลี่ยนแปลงเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า
พิสูจน์อักษร: ภาวิกา ขันติศรีสกุล