ธนาคารกลางอังกฤษ (BOE) ประกาศว่า ธนาคารจะรับซื้อพันธบัตรระยะยาวของรัฐบาลอังกฤษด้วยวงเงิน 6.5 หมื่นล้านปอนด์ ในช่วง 13 วัน หรือตั้งแต่วันที่ 28 กันยายน – 14 ตุลาคมนี้ โดยมีเป้าหมายเพื่อสร้างเสถียรภาพในตลาดการเงิน หลังนักลงทุนแห่เทขายหุ้นอังกฤษ หนีแผนแก้เศรษฐกิจรัฐบาลชุดใหม่
ความเคลื่อนไหวดังกล่าวมีขึ้นหลังอัตราผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลอังกฤษ หรือที่รู้จักกันในชื่อ ‘Gilts’ นั้นมีแนวโน้มว่าจะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วที่สุดในแต่ละเดือนนับตั้งแต่อย่างน้อยปี 1957 เนื่องจากนักลงทุนแห่เทขายพันธบัตรรัฐบาลอังกฤษ หลังรัฐบาลเปิดเผยมาตรการปรับลดภาษีครั้งใหญ่เมื่อปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา รวมทั้งมาตรการเยียวยาภาคครัวเรือนและภาคธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากการพุ่งขึ้นของราคาพลังงานที่ได้รับการวิพากษ์วิจารณ์จากทั่วโลก รวมถึงกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) เนื่องจากหลายฝ่ายเกิดความกังวลต่อสถานะทางการคลังของอังกฤษจากการก่อหนี้เพิ่มขึ้นของรัฐบาล
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
- ‘BOE’ รับเศรษฐกิจเข้าสู่ภาวะถดถอยเชิงเทคนิคแล้ว ขณะที่ ‘Goldman Sachs’ คาดอังกฤษจะขึ้นดอกเบี้ยอีก 0.75% ในปลายปีนี้
- รัฐบาลอังกฤษประกาศ ‘นโยบายภาษีและการใช้จ่ายครั้งใหญ่’ ทำเงินปอนด์ร่วงลงสู่ระดับต่ำสุด ‘รอบ 37 ปี’
- นักเศรษฐศาสตร์ฟันธง เงินเฟ้อ ทั่วโลกผ่านจุดพีค แต่จะไม่กลับไปต่ำเท่ากับช่วงก่อนโควิด
แถลงการณ์ของแบงก์ชาติอังกฤษระบุว่า ขณะนี้ทางธนาคารกลางกำลังติดตามความเคลื่อนไหวของสินทรัพย์ในประเทศและทั่วโลกในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา โดยนอกจากจะมีเป้าหมายเพื่อรักษาเสถียรภาพทางการเงินของประเทศแล้ว ธนาคารกลางยังมีความพร้อมที่จะฟื้นกลไกการทำงานของตลาด และลดความเสี่ยงที่ปัญหาจะลุกลามไปยังภาคครัวเรือนและธุรกิจในประเทศ
ความเคลื่อนไหวของธนาคารอังกฤษครั้งนี้ได้รับเสียงสนับสนุนจากทางกระทรวงการคลังอังกฤษที่ออกแถลงการณ์สนับสนุน พร้อมให้คำมั่นว่า รัฐบาลจะทำงานอย่างใกล้ชิดกับธนาคาร เพื่อสนับสนุนเสถียรภาพทางการเงินและรักษาเป้าหมายเงินเฟ้อ โดยจะเคารพความเป็นอิสระของธนาคารกลาง
แถลงการณ์ของกระทรวงการคลังยังระบุด้วยว่า การแทรกแซงตลาดพันธบัตรรัฐบาลของธนาคารกลางมีความจำเป็นเพื่อสกัดความผันผวนอย่างมากในตลาด และรัฐบาลจะชดเชยการขาดทุนใดๆ ที่เกิดขึ้นจากการดำเนินการของธนาคารกลางในครั้งนี้
ขณะที่ S&P Global Ratings บริษัทจัดอันดับชั้นนำ เปิดเผยรายงานระบุว่า เศรษฐกิจอังกฤษได้เข้าสู่ภาวะถดถอยเต็มตัวแล้ว และยังมีแนวโน้มเลวร้ายมากขึ้นในช่วงเวลาที่ภูมิภาคกำลังก้าวเข้าสู่ฤดูหนาว
S&P Global Ratings คาดการณ์ว่า อังกฤษกำลังอยู่ในภาวะถดถอยปานกลางติดต่อกันถึง 4 ไตรมาส โดยเริ่มต้นตั้งแต่ไตรมาสที่ 2 ที่ผ่านมา เนื่องจากครัวเรือนต้องเผชิญกับอัตราเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้นราว 10% และคาดว่าจะเพิ่มขึ้นอีกในช่วงฤดูหนาว ซึ่งทำให้การใช้จ่ายของผู้บริโภคลดลงในไตรมาสสุดท้ายของปี
ขณะเดียวกัน S&P คาดว่าธนาคารกลางอังกฤษจะตอบสนองโดยการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยจากปัจจุบัน 2.25% เป็น 3.25% ภายในเดือนกุมภาพันธ์ ปี 2023 ซึ่งจะทำให้เศรษฐกิจอังกฤษชะลอตัวลงอย่างรวดเร็ว เพื่อดึงอัตราเงินเฟ้อให้ลดลงสู่ระดับเป้าหมายที่ 2% ในระยะกลาง
ทั้งนี้ ภายหลังธนาคารกลางอังกฤษประกาศแทรกแซงตลาดด้วยการเข้าซื้อพันธบัตรรัฐบาลโดยไม่จำกัด ส่งผลให้ดัชนี FTSE 100 ของตลาดหุ้นลอนดอนฟื้นตัวดีขึ้น จากเดิมที่ติดลบหนัก 2.1% มาอยู่ที่ติดลบ 0.3%
ส่วนค่าเงินปอนด์เริ่มกลับมามีเสถียรภาพ หลังดิ่งลงกว่า 1% ก่อนหน้านี้ โดยเมื่อวานนี้ (28 กันยายน) ค่าเงินปอนด์แข็งค่า 0.14% สู่ระดับ 1.075 ดอลลาร์สหรัฐ ในช่วงแรกของการซื้อ-ขาย ก่อนที่จะปิดตลาดปรับตัวลดลง 1.7% มาอยู่ที่ 1.0552 ดอลลาร์สหรัฐ
อ้างอิง:
- https://www.ft.com/content/756e81d1-b2a6-4580-9054-206386353c4e
- https://www.cnbc.com/2022/09/28/bank-of-england-delays-bond-sales-launches-temporary-purchase-program.html
- https://www.aljazeera.com/economy/2022/9/28/uk-stocks-sterling-slip-as-boe-intervenes-after-imf-slams-budget
- https://www.cnbc.com/2022/09/28/uk-already-in-a-full-year-recession-as-europe-faces-tough-winter-sp-says.html