วันนี้ (23 เมษายน) กรุงเทพมหานครรายงานสถานการณ์สภาพอากาศ โดยคาดการณ์ว่าค่าดัชนีความร้อน (Heat Index) จะพุ่งสูงถึงระดับ ‘อันตราย’ ซึ่งเป็นระดับที่ต้องเฝ้าระวังเป็นพิเศษ เนื่องจากมีความเสี่ยงสูงที่ประชาชนจะได้รับผลกระทบต่อสุขภาพจากการสัมผัสความร้อน
ดัชนีความร้อน หรือ Heat Index คือ อุณหภูมิที่ร่างกายรู้สึกได้จริง ณ ขณะนั้น โดยเป็นผลของอุณหภูมิและความชื้นสัมพัทธ์ของอากาศ ซึ่งเป็นตัวชี้วัดสำคัญในการประเมินความเสี่ยงที่ร่างกายจะได้รับอันตรายจากความร้อน โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่ต้องออกกำลังกายหรือทำงานกลางแจ้งเป็นเวลานาน
ซึ่งมีรายละเอียดระดับเตือนภัยดังนี้ :
- เฝ้าระวัง (27.0-32.9 °C): อาจเกิดตะคริวจากความร้อนและอ่อนเพลียจากการสัมผัสความร้อนนานๆ กลุ่มเสี่ยงคือผู้ที่ทำงานกลางแจ้งและออกกำลังกายนานๆ โดยเฉพาะในช่วงเวลา 11.00-15.00 น.
- เตือนภัย (33.0-41.9 °C): มีความเสี่ยงเพิ่มขึ้น โดยอาจเกิดตะคริวจากความร้อน อ่อนเพลีย และมีโอกาสเกิดภาวะลมแดดหากสัมผัสความร้อนต่อเนื่อง กลุ่มเสี่ยงยังคงเป็นผู้ที่ทำงานกลางแจ้ง ออกกำลังกายนานๆ รวมถึงเด็กเล็ก ผู้สูงอายุ และผู้มีโรคประจำตัว ซึ่งควรระมัดระวังเป็นพิเศษในช่วงเวลา 11.00-15.00 น.
- อันตราย (42.0-51.9 °C): ระดับนี้มีความเสี่ยงสูงที่จะเกิดภาวะลมแดดหากสัมผัสความร้อนต่อเนื่อง กลุ่มเสี่ยงควรหลีกเลี่ยงการทำกิจกรรมกลางแจ้ง และแนะนำให้พักผ่อนในที่ร่ม
- อันตรายมาก (≥ 52 °C): เป็นระดับที่อันตรายอย่างยิ่ง มีความเสี่ยงสูงมากที่จะเกิดภาวะลมแดดหรือฮีทสโตรกได้โดยง่าย
ผลกระทบต่อสุขภาพที่อาจเกิดขึ้นจากการเผชิญกับดัชนีความร้อนสูง ได้แก่ ภาวะที่ร่างกายไม่สามารถปรับตัวลดอุณหภูมิลงได้ ซึ่งอาจนำไปสู่อาการอ่อนเพลีย วิงเวียนศีรษะ คลื่นไส้ หัวใจเต้นเร็ว และรุนแรงที่สุดคือโรคลมแดด (Heat Stroke) ซึ่งเป็นอันตรายถึงชีวิต
กรมอุตุนิยมวิทยาและกรมอนามัยได้ให้ข้อมูลและเน้นย้ำไปยังประชาชนกลุ่มเสี่ยง ซึ่งได้แก่ เด็กเล็ก (0-5 ปี), ผู้สูงอายุ (ตั้งแต่ 65 ปีขึ้นไป), หญิงตั้งครรภ์, ผู้มีโรคประจำตัว, ผู้ที่ต้องทำงานกลางแจ้งเป็นเวลานาน, ผู้ที่ออกกำลังกายกลางแจ้ง และนักท่องเที่ยว ให้เพิ่มความระมัดระวังและหลีกเลี่ยงการสัมผัสความร้อนจัดเป็นเวลานาน
หากพบเห็นผู้ที่มีอาการผิดปกติที่สงสัยว่าอาจเกิดจากภาวะฮีทสโตรก ควรรีบให้การช่วยเหลือเบื้องต้นและโทรแจ้งสายด่วน 1669 กรมการแพทย์ เพื่อขอความช่วยเหลือทางการแพทย์โดยด่วน
