ใน THE STANDARD ECONOMIC FORUM หัวข้อ ‘The Future of Tourism ยุทธศาสตร์การท่องเที่ยวไทยแห่งอนาคต’ ศุภจี สุธรรมพันธุ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท ดุสิตธานี จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า นับตั้งแต่เข้ามาทำงานที่ดุสิตธานีก็เริ่มปรับธุรกิจมาตลอด เพราะตอนนั้นรู้ว่าธุรกิจมีดิสรัปต์มากมาย ทั้งเทคโนโลยี ธุรกิจใหม่ๆ หรือพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป
การปรับเปลี่ยนของดุสิตธานีคือ ลดการพึ่งพารายได้จากทางใดทางหนึ่ง เพราะเรารู้ว่าหากเกิดอะไรขึ้นเราแย่แน่ โดยในขณะนั้นรายได้ 85% มาจากธุรกิจโรงแรม จึงต้องกระจายไม่ให้กระจุกตัวอยู่ที่ใดที่หนึ่ง
ขณะเดียวกันดุสิตธานีก็รู้ว่าผู้บริโภคไม่ได้มีกลุ่มเดียวอีกแล้ว จึงได้เพิ่มกลุ่มใหม่ๆ เช่น มิลเลนเนียลที่เน้นไลฟ์สไตล์แต่ไม่ต้องการราคาที่สูงมาก โดยเปลี่ยนจาก Full Service เป็น Restricted Services และเจาะแบบ Luxury (High-end) บริการส่วนตัวไปเลย และยังไปลงทุนในแพลตฟอร์มสตาร์ทอัพ คล้ายๆ กับ Airbnb
อย่างไรก็ตามถึงจะกระจายความเสี่ยงแล้ว การเกิดขึ้นของโควิด-19 ก็กระทบดุสิตธานีเช่นเดียวกัน สิ่งแรกที่ต้องทำคือการสื่อสารกับพนักงานทั้งหมด เพราะพวกเขากังวลว่าจะถูกปลดไหม แต่เราก็ยืนยันจะไม่มีการปลดพนักงาน แม้ต้นทุนของธุรกิจที่มากที่สุดจะเป็นพนักงานก็ตาม โดยการสื่อการต้องจริงใจ ขณะเดียวกันผู้บริหารเองก็เสียสละด้วยการลดต้นทุน อีกเรื่องคือการสื่อสารไปกรรมการบริษัทและผู้ถือหุ้น
ศุภจีย้ำว่ามี 3 เรื่องที่ต้องคำนึงถึง ได้แก่
- การเงิน – ต้นทุนไหนที่ตัดได้เราต้องตัดออกไปก่อน เช่น ค่าโฆษณา ค่าที่ปรึกษา ค่าที่พัก ขณะเดียวกันแม้จะตัดแล้วต้นทุนยังสูงก็ไปมองเรื่องเพิ่มรายได้ อย่างดุสิตธานีก็เปลี่ยนพนักงานให้ไปช่วยทำอาหารเพื่อขายแบบเดลิเวอรี ในส่วนของการเงินต้องดู Balance Sheet ต้นปีเรามีเงินสดอยู่ประมาณ 3,000-4,000 ล้านบาท ดูแล้วยังพอไหว เราก็ไปเจรจากับธนาคารขอเปลี่ยนสินเชื่อระยะสั้นเป็นระยะยาวแทน
- Organization Structure – เราต้องดูว่าองค์กรเรา Lean หรือยังมีงานอะไรที่ซับซ้อนและมองว่าไม่จำเป็นก็ไม่ต้องเก็บไว้ ซึ่งที่เราลดไม่ใช่ข้ออ้างว่าเกิดจากโควิด-19 แต่เป็นเพราะไม่ตอบโจทย์กับธุรกิจอีกแล้ว นอกจากนี้ยังใช้เทคโนโลยี Data มาช่วยวิเคราะห์ การทำแคมเปญ ซึ่งอย่าทำแบบเหวี่ยงแห ยุคนี้ต้อง Personalization
- Rethink Business Model – ในเรื่องของโมเดลธุรกิจต้องเพิ่มหรือลดอะไรหรือไม่
“สิ่งที่อยากฝากถึงผู้ประกอบการคนอื่นๆ มี 3 เรื่องคือ เรื่องแรก กลับมาดูรายได้ของเราว่าสมดุลแล้วหรือยัง พึ่งพาอะไรมากไปหรือเปล่า เรื่องที่สอง เราต้องกระจายความเสี่ยง ในเรื่องของความยั่งยืน อย่ามองกำไรเป็นที่ตั้งจะเดินยากมากในระยะยาว ตอนนี้ต้องทำแบบค่อยเป็นค่อยไป มองในระยะยาว อีกเรื่องที่สำคัญไม่แพ้กันคือคน เราต้องฝึกพนักงานของเราให้มีทักษะเพิ่ม”
พิสูจน์อักษร: ลักษณ์นารา พักตร์เพียงจันทร์
