×

เงินบาทแข็งค่าสุดในรอบ 6 ปี ทะลุ 30.39 ต่อดอลลาร์ จับตากระทบส่งออก อาหารทะเล ยางพารา เครื่องประดับ

13.09.2019
  • LOADING...
เงินบาทแข็งค่า

ต้องจับตาเงินบาทแข็งค่ามากที่สุดในรอบ 6 ปี นริศ สถาผลเดชา ผู้บริหาร TMB Analytics ให้ข้อมูลกับ THE STANDARD ว่า ล่าสุดเงินบาทแข็งค่าทะลุ 30.39 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐเรียบร้อยแล้ว เนื่องจากการลดดอกเบี้ยของธนาคารกลางยุโรป (ECB) ส่งผลให้นักลงทุนมองหาตลาดเกิดใหม่ที่มีดอกเบี้ยถูกกว่า ซึ่งไทยก็เป็นหนึ่งในนั้น เงินจึงไหลเข้ามา 

 

“ที่ผ่านมายังไม่ได้ฝุ่นตลบขนาดนี้ หากตั้งแต่เมื่อคืนที่เริ่มไหลเข้ามา วันเดียวเกือบ 8,600 ล้านบาท ไหลเข้าสู่ตลาดพันธบัตร แบ่งเป็นเงินระยะสั้น 4,600 ล้านบาท และเงินระยะยาวอีก 4,000 ล้านบาท โดยเงินจำนวนนี้มากกว่าเงินที่ไหลออกทั้งเดือน 6,600 ล้านบาทเสียอีก” นริศกล่าว

 

นริศระบุต่อว่าระยะนี้ค่อนข้างอันตราย ต้องจับตาเรื่องเงินบาทแข็งค่าต่อไปอีก เพราะเมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆ ตอนนี้เงินบาทแข็งค่ามากที่สุดในภูมิภาค ตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมาแข็งขึ้น 7.3% เมื่อเทียบกับดอลลาร์สิงคโปร์, 7.6% เมื่อเทียบกับดอลลาร์ไต้หวัน, 12.5% เมื่อเทียบกับเงินวอน และ 9% เมื่อเทียบกับเงินหยวน

 

การแข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินเพื่อนบ้านยังไม่อันตรายเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักของโลก และยังเป็นคู่ค้าหลักด้วย ทั้งแข็งค่าขึ้น 6.6% เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ, 9.7% เทียบกับสกุลยูโร, 9.2% เมื่อเทียบกับสกุลปอนด์ และ 5.2% เมื่อเทียบกับสกุลเยน

 

สถานการณ์เช่นนี้ผลส่งแน่นอนต่อผู้ลงทุน แต่จะหนักเบาต่างกัน โดยกลุ่มเคมีภัณฑ์และเครื่องใช้ไฟฟ้าอาจจะได้รับผลกระทบไม่มาก เพราะมีการนำเข้าด้วย แต่ผู้ที่กระทบหนักแน่นอนคือกลุ่มที่ส่งออกอย่างเดียว ไม่มีนำเข้า ทั้งอาหารและเครื่องดื่ม โดยเฉพาะอาหารทะเล ยางพารา และเครื่องประดับ

 

ในระยะยาวทิศทางดอกเบี้ยอยู่ในขาลง มีโอกาสที่จะแข็งไปแตะ 30 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ แต่ทั้งนี้นริศเชื่อว่ามีโอกาสเป็นไปได้ค่อนข้างยาก เพราะทางธนาคารแห่งประเทศไทยมีการดูแลเรื่องนี้อย่างเต็มที่ 

 

ด้าน อุตตม สาวนายน ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนโดยเชื่อว่าธนาคารแห่งประเทศไทยจะติดตามสถานการณ์เงินบาทแข็งค่าอย่างใกล้ชิดและบริหารจัดการตามข้อเท็จจริง ส่วนผลกระทบต่อการส่งออก ยืนยันว่าไทยยังอยู่ในภาวะที่แข่งขันได้ เพราะทุกประเทศก็ได้รับผลกระทบเช่นกัน

 

พิสูจน์อักษร: ภาสิณี เพิ่มพันธุ์พงศ์

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising