×

ละคร ฉลาดเกมส์โกง ความเหมือนที่แตกต่าง ภายใต้จุดประสงค์เดียวกันคือตีแผ่ ‘กลโกง’ ในระบบการศึกษา

05.08.2020
  • LOADING...

* บทความนี้มีการเปิดเผยเนื้อหาบางส่วนของละครโทรทัศน์เรื่อง ฉลาดเกมส์โกง ตอนที่ 1-2

 

“ครูขู่ว่าจะกาหัวกระดาษหนู ถ้าหนูทุจริตในการสอบ แล้วอย่างครูที่ให้ข้อสอบกับคนที่เรียนพิเศษด้วย อย่างนี้มันเรียกทุจริตหรือเปล่าคะ”

 

เริ่มต้นมาแค่ 2 ตอนแรก ฉลาดเกมส์โกงเดอะซีรีส์ ผลงานการกำกับเรื่องใหม่ของ พัฒน์ บุญนิธิพัฒน์ (Project S The Series SOS skate ซึม ซ่าส์) ก็สร้างความกดดันลุ้นระทึกให้กับผู้ชมได้ไม่แพ้เวอร์ชันภาพยนตร์ และยังมีเอกลักษณ์ เสน่ห์เฉพาะตัวที่แตกต่างไปจากต้นฉบับมากทีเดียว

 

 

ฉลาดเกมส์โกงเดอะซีรีส์ ว่าด้วยเรื่องราวของ ลิน (จูเน่-เพลินพิชญา โกมลารชุน) เด็กสาวมัธยมผู้มีสติปัญญาชาญฉลาด ถูกรับเลือกให้เป็นนักเรียนทุนของโรงเรียนกรุงเทพทวีปัญญา หนึ่งในโรงเรียนชั้นแนวหน้าค่าเทอมแสนแพง แต่ก็แลกมากับ ‘โอกาส’ ทางการศึกษาที่หลายคนเชื่อว่าจะได้รับมากกว่าที่อื่น 

 

จนกระทั่งลินรู้ว่าทุนที่เธอได้รับต้องถูกแบ่งให้กับ แบงค์ (เจ้านาย-จินเจษฎ์ วรรธนะสิน) เด็กหนุ่มอัจฉริยะที่เคยได้ทุนนี้มาก่อน ทำให้ วิทย์ (แท่ง-ศักดิ์สิทธิ์ แท่งทอง) พ่อของลินที่เป็นเพียงข้าราชการธรรมดาต้องจ่ายค่าเทอมเพิ่มทั้งที่ไม่จำเป็น 

 

ลินจึงตันสินใจรับข้อเสนอของ พัฒน์ (ไอซ์-พาริส อินทรโกมาลย์สุต) และ เกรซ (นาน่า-ศวรรยา ไพศาลพยัคฆ์) ในการช่วยโกงข้อสอบเพื่อแลกกับเงินเอาไปจ่ายค่าเทอม โดยที่เธอไม่รู้เลยว่าการโกงข้อสอบครั้งนี้จะพาให้เธอไปพบความจริงที่ไม่อาจยอมรับ ก่อนที่จะนำไปสู่การโกงข้อสอบระดับประเทศ

 

 

สิ่งแรกที่เราชื่นชอบใน ฉลาดเกมส์โกงเดอะซีรีส์ 2 อีพีแรกที่เพิ่งจบไป คือการวางองค์ประกอบต่างๆ ที่รักษาเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่ไม่เหมือนในเวอร์ชันภาพยนตร์เอาไว้ได้ดีในระดับที่น่าพอใจ 

 

เริ่มตั้งแต่การดีไซน์ช็อตต่างๆ ในฉากโกงข้อสอบที่มักจะใช้ช็อต Close Up (มุมกล้องระยะใกล้วัตถุ) เพื่อให้ผู้ชมได้เห็นอารมณ์ของตัวละครอย่างชัดเจน รวมถึงช็อตเล็กๆ น้อยๆ อย่างการฝนคำตอบ การซูมไปที่เข็มนาฬิกา การถ่ายเก็บอากัปกิริยาต่างๆ ของตัวละคร ฯลฯ ต่างถูกดีไซน์ออกมาได้อย่างมีเสน่ห์

 

มารวมกับจังหวะการตัดต่อแบบคมๆ เพิ่มความกดดัน เสริมด้วยดนตรีประกอบที่เข้ามาช่วยสร้างบรรยากาศและความลุ้นระทึกให้กับผู้ชม จนทำให้การโกงข้อสอบของเด็กมัธยมกลายเป็นฉากสำคัญเหมือนดูหนังจารกรรมเรื่องหนึ่งได้เลย

 

ส่วนสิ่งที่ทำให้ ฉลาดเกมส์โกงเดอะซีรีส์ มีเอกลักษณ์และเสน่ห์ที่แตกต่างไปจากฉบับภาพยนตร์ ต้องยกความดีความชอบให้กับเหล่านักแสดงชุดใหม่ที่เข้ามาเติมเต็มมิติใหม่ๆ ให้กับเหล่าตัวละครชุดเก่าที่เราเคยสร้างจักรวาล ‘เกมส์โกง’ เอาไว้ได้ดีมาก 

 

โดยเฉพาะ จูเน่ ผู้รับบทเป็นครูพี่ลิน ที่รับไม้ต่อมาจากนักแสดงรุ่นพี่อย่าง ออกแบบ-ชุติมณฑน์ จึงเจริญสุขยิ่ง ซึ่งเราสัมผัสได้อย่างชัดเจนว่าเธอได้เติมแต่งความเป็นตัวเองเข้าไปในคาแรกเตอร์ของลิน ทั้งน้ำเสียงและการแสดงอารมณ์ผ่านสีหน้าของเธอ 

 

รวมถึง แบงค์ อีกหนึ่งตัวละครหลักที่รับบทโดย เจ้านาย-จินเจษฎ์ วรรธนะสิน ที่โดนตั้งเครื่องหมายคำถามใหญ่จากผู้ชมหลายคน เพราะต้องมารับช่วงต่อจากนักแสดงรุ่นพี่อย่าง นนกุล-ชานน สันตินธรกุล ที่ทำเอาไว้ดีมากๆ 

 

แต่เจ้านายก็ใช้ช่วงเวลาเพียง 2 ตอนแรกที่ออกอากาศ เพิ่มมิติความน่ารักให้กับตัวละครแบงค์เวอร์ชันภาพยนตร์ที่ชัดเจนในเรื่องความกดดันและหม่นหมอง รวมทั้งช่วยขยายพาร์ตความรักกับแม่และความผูกพันเชิงหนุ่มสาวกับลินให้เพิ่มมากขึ้น ซึ่งเป็นสิ่งที่ตัวภาพยนตร์ไม่ได้ฉายภาพให้เราได้ชมมากนัก

 

ทั้งหมดนี้จึงทำให้เรารู้สึกว่าไม่มีใครที่แสดงเป็นตัวละครครูพี่ลินหรือแบงค์ได้ดีกว่ากัน เพราะทุกคนต่างถ่ายทอดอารมณ์และเสน่ห์ของตัวละครตัวนี้ออกมาได้อย่างมีเอกลักษณ์ที่แตกต่างกันมากกว่า

 

อีกหนึ่งตัวละครรองที่เราอยากกล่าวถึงเป็นการส่วนตัวคือ วิทย์ พ่อของลินที่รับบทโดย แท่ง-ศักดิ์สิทธิ์ แท่งทอง อีกหนึ่งนักแสดงรุ่นใหญ่ที่เข้ามารับช่วงต่อบทบาทนี้จาก ธเนศ วรากุลนุเคราะห์ 

 

แท่งได้โชว์การแสดงออกถึงความรักและความอบอุ่นที่พ่อคนหนึ่งพยายามมอบให้กับลูกสาวออกมาได้อย่างน่าประทับใจ ทำให้เราหลงรักตัวละครตัวนี้ในทันทีตั้งแต่ตอนแรกที่เขาปรากฏตัว และคิดว่าแท่งขึ้นแท่นเป็นนักแสดงบท ‘พ่อ’ อันดับต้นๆ ของประเทศไทยไปแล้ว

 

 

อย่างที่กล่าวไปในตอนต้น ด้วยข้อจำกัดเรื่องเวลาในการนำเสนอของภาพยนตร์ ทำให้ไม่สามารถเจาะรายละเอียดของเนื้อหาได้มากเท่ากับฉบับละครโทรทัศน์ ดังนั้น ฉลาดเกมส์โกงเดอะซีรีส์ จึงทำหน้าที่ถ่ายทอดให้ผู้ชมได้เห็นมิติและความสัมพันธ์ของตัวละครต่างๆ เพิ่มมากขึ้น 

 

ทั้งจุดเริ่มต้นความสัมพันธ์ของลินและแบงค์ การเพิ่มบทบาทให้กับตัวละครรองในเรื่อง การสร้างความสมเหตุสมผลให้กับการโกงข้อสอบและการขยายประเด็นปัญหาของ ‘ระบบการศึกษา’

 

หนึ่งในประเด็นที่ ฉลาดเกมส์โกงเดอะซีรีส์ สองตอนแรกนำเสนอออกมาได้อย่าง ‘สมจริง’ จนทำให้เรารู้สึก ‘เจ็บปวด’ คือความจริงที่ว่า เราสามารถเข้าถึงโอกาสได้ง่ายกว่าคนอื่นหากเรามีเงินที่มากพอ

 

ประเด็นนี้ถูกนำเสนอให้เราเห็นอย่างชัดเจน เมื่อวิทย์พ่อของลินยอมจ่ายเงินค่าแป๊ะเจี๊ยะให้โรงเรียนถึง 2 แสนบาท เพื่อให้ลินได้เข้าโรงเรียนชั้นนำที่จะพาเธอไปสู่โอกาสอีกมากมายในอนาคต รวมถึงเหตุการณ์ที่ครูสอนคณิตศาสตร์ที่แอบปล่อยข้อสอบให้กับนักเรียนที่เรียนพิเศษด้วยเท่านั้น

 

ทั้งหมดทั้งมวลนี้ตอกย้ำให้เราเห็นถึงความเหลื่อมล้ำทางการศึกษาอย่างชัดเจนว่า ไม่สำคัญว่าคุณจะเก่งแค่ไหน เพราะสิ่งสำคัญอยู่ที่คนที่มีเงินมากกว่าย่อมสามารถเข้าถึงโอกาสได้ง่ายกว่าคนอื่นๆ นี่คือความจริงอันแสนเจ็บปวดที่นำไปสู่คำถามต่อไปว่า เราควรจะแก้ปัญหานี้อย่างไร 

 

เพราะบางทีปัญหาความเหลื่อมล้ำที่กำลังเกิดขึ้นนี้ อาจกำลังบีบคั้นให้ใครสักคนต้อง ‘โกง’ อย่างไม่เต็มใจก็เป็นได้

 

นี่เป็นเพียงส่วนหนึ่งของความรู้สึกที่เราได้รับจาก ฉลาดเกมส์โกงเดอะซีรีส์ สองตอนแรกเท่านั้น เรายังคงต้องติดตามกันต่อไปว่าครูพี่ลินจะพาเราไปตีแผ่ความเหลวแหลกของ ‘ระบบการศึกษา’ อะไรอีกบ้างที่สมจริงเสียจนทำให้เรารู้สึกเจ็บปวดได้อีกมากแค่ไหนในอนาคต 

 

สามารถรับชม ฉลาดเกมส์โกงเดอะซีรีส์ ได้ทุกวันจันทร์และอังคาร เวลา 20.15 น. ผ่านทางช่อง one31 และทาง WeTV 

 

สามารถรับชมตัวอย่างได้ทาง

 

 

พิสูจน์อักษร: พรนภัส ชำนาญค้า

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising