เราได้ยินชื่อเสียงของ เชฟตาม-ชุดารี เทพาคำ มานานตั้งแต่เชฟชนะเลิศในรายการแข่งขันทำอาหาร จนกระทั่งออกมาเปิด ‘บ้านเทพา’ ร้านอาหารแรกของเชฟเองที่นำแรงบันดาลใจจากประสบการณ์หลายๆ อย่างมารวมไว้ในคอนเซปต์ Culinary Space ที่ไม่จบแค่เรื่องในครัว
แต่รวมไปถึงประสบการณ์เมื่อทุกคนมากินอาหารหรือการตั้งใจปลูกสวนผักเป็นวงจรของตัวเอง เพื่อนำมาใช้ในบ้านเทพาด้วย
เริ่มแรกบ้านเทพาจะเปิดรับแบบ Chef’s Table อย่างที่หลายๆ คนรู้กัน แต่ตอนนี้เชฟตามเปลี่ยนมาเสิร์ฟให้นั่งชิมบนโต๊ะอาหาร ที่ยังคงมีเคาน์เตอร์เตรียมอาหารให้ทุกคนเดินไปชมการทำงานได้คล้ายสมัยเสิร์ฟในครัว
เมื่อทีมครัวพร้อม เราพร้อม ทุกคนจะได้เข้ามากินคำแรกในครัวบ้านเทพา โดยเชฟตามเดินมาทักทายและเล่าให้เราฟังว่า เป็นเพราะตามยังชอบคอนเซปต์การเสิร์ฟอาหารให้กินในห้องครัว เลยอยากเสิร์ฟคำแรกให้ชิมที่นี่
ส่วนคำแรกที่เชฟเสิร์ฟก่อนเริ่มคอร์สจริงก็คือ ‘ทับทิมกรอบ’ ที่เราว่ามีรสชาติเหมือนของคาว และหลังจากชมครัวจนพอใจแล้ว ทุกคนก็กลับโต๊ะอาหารเพื่อรอชิมคอร์สเมนู ‘Vol.1 Our Signatures’ ได้เลย ซึ่งคอร์สเมนูนี้จะเป็นการนำอาหารไทยมาตีความใหม่โดยเชฟตาม
‘Nam Prik’ เป็นคอร์สแรกที่ทุกคนจะได้ชิม เสิร์ฟเป็นอะมูชบุช 3 คำ เพื่อนำเสนอน้ำพริกจาก 3 ภาค ได้แก่ น้ำพริกไข่เค็มจากภาคกลาง น้ำพริกมะหมาดมาดจากภาคเหนือ และน้ำพริกกะปิจากใต้
หลังจากนั้นเป็นเมนูคล้ายยำผลไม้ ‘Nature’s Giving’ แต่ในสไตล์บ้านเทพาจะไม่ใช้เครื่องปรุงอื่นๆ เพราะเชฟอยากโชว์รสชาติของผักผลไม้ไทย รสชาติเปรี้ยว เค็ม หวาน จึงมาจากวัตถุดิบล้วนๆ มีทั้งเส้นมะละกอ ผักผลไม้ตามฤดูกาล ซุปสาหร่าย และฟิงเกอร์ไลม์ที่ให้ความเปรี้ยว
‘Tepa’s Tostada’ เป็นคอร์สที่เราชอบจนอยากกินอีก เพราะมีสัมผัสทั้งกรอบและนุ่ม กินแล้วนึกถึงอาหารเม็กซิกันแต่กลับมีกลิ่นเอเชีย เมนูนี้เป็นทอสทาดาพล่าปลากะพง ด้านในมีซอสพริกเผา ส่วนด้านบนคือใบมินต์และสมุนไพร
‘Crab Crab Crab!’ ยกให้เป็นอีกหนึ่งไฮไลต์เลย เพราะเชฟตามใช้ปูหลายชนิดมาทำให้ชิมหลายๆ แบบ เริ่มจากคัสตาร์ดปูที่เสิร์ฟมาในถ้วย เชฟนำปูจากสุราษฎร์ธานีมาหมักสาโท ก่อนเสิร์ฟพร้อมซอสส้มเขียวหวาน ส้มจี๊ด และส้มซ่า
ส่วนในจานเป็นปูนิ่มจากจังหวัดตรัง เชฟนำไปแช่น้ำกะทิ ตากให้แห้ง และเคลือบด้วยน้ำปู๋ ก่อนนำมาทอดกรอบและโรยกระยาสารทกรรเชียงปูนา เสิร์ฟให้กินพร้อมซอสแกงเหลืองหน่อไม้ คอร์สนี้เลยมีทั้งรสชาติหลากหลายมิติและความกินสนุก
‘Chicken Liver and Jaew’ เชฟได้แรงบันดาลใจมาจากหมูย่างจิ้มแจ่วที่ขายตามรถเข็น แต่นำมาทำใหม่เป็นมูสตับไก่บด แจ่วเจล ข้าวคั่ว ข้างๆ กันคือแยมกระท้อน เสิร์ฟให้กินพร้อมซาวโดวจ์บริยอชข้าวเหนียวสะเมิงที่ปิ้งมาจนกรอบ
คอร์สต่อมาชื่อ ‘Dong Dang’ หรือพาสต้าเส้นด๊องแด๊ง เชฟตามทำเส้นเองจากข้าวหอมกระดังงา ก่อนเสิร์ฟพร้อมซอสริคอตตามิโสะผสมโคจิ กินพร้อมแฮมยูนนานจากเชียงใหม่และยอดมะพร้าวอ่อนดอง เป็นจานที่มีรสชาติอูมามิน่าสนใจมากจริงๆ
‘River Prawn Roti’ เป็นอีกเมนูที่เราอยากกินซ้ำเช่นกัน แถมเป็นจานซิกเนเจอร์ของบ้านเทพาด้วย คอร์สนี้จะรสจัดจ้านสไตล์อาหารใต้ โดยเสิร์ฟโรตีทำจากข้าวมาให้ดิปกินคู่กับแกงคั่วมันกุ้งจากสุราษฎร์ธานี ข้างๆ กันมีเนื้อกุ้งและสับปะรดมาให้จิ้มกินกับซอสได้อีกแบบ
‘Gaeng Pruh’ เชฟนำเสนอแกงเปรอะสไตล์อีสานในรูปแบบทันสมัย วัตถุดิบก็มีใบย่านาง หน่อไม้ย่าง และสมุนไพรกรอบ ให้กินพร้อมปลาช่อนทะเลและซุปปลาคอนซอมเม
หลังจากนั้นตามด้วย ‘Abalone Color Spectrum Rice’ ที่ได้แรงบันดาลใจมาจากข้าวยำผสมข้าวคลุกกะปิ โดยเชฟเสิร์ฟข้าวให้กินพร้อมเป๋าฮื้อที่ทำแบบหมูหวานในข้าวคลุกกะปิ ข้างๆ กันเป็นข้าวเม่าดอย ผักสมุนไพรหลากสี ต้องคลุกก่อนกินด้วยกัน
เมนคอร์สคือ ‘Stuffed Duck’ ที่เป็นจานไฮไลต์ของคอร์สเมนูนี้ เพราะเชฟตามนำสูตรมาจากตำราสอนทำอาหารของท่านผู้หญิงกลีบ เป็นตำราสอนลูกหลานที่ตกทอดกันมาตั้งแต่ปี 2483
เชฟหยิบเมนูเป็ดยัดไส้ในตำรามาตีความใหม่ในรูปแบบตัวเอง ด้วยการผสมเทคนิคการทำอาหารฝรั่งเศสลงไป เริ่มจากนำเป็ดไปเอจ 14 วัน ก่อนนำมายัดไส้ด้วยหมูสับ ขาเป็ด เม็ดบัว เห็ด และสามเกลอ เสิร์ฟให้กินพร้อมเห็ดผัดเนย ผักกาดหอมทอด และซอสทำจากเป็ด
ปิดท้ายด้วยขนมหวาน 2 อย่าง ‘Issan Wild Almond’ เชฟนำอัลมอนด์อีสานหรือกระบกมาทำไอศกรีมให้ชิมพร้อมน้ำมันใบตองและบิสกิตกระบกกับคินัว และอีกเมนู ‘All of Banana’ เป็นโดนัทฝรั่งเศส เชฟใช้กล้วยหอม กล้วยน้ำว้า และกล้วยไข่ นำมาผสมกันชุบแป้งทอด ก่อนโรยผงใบตองและดอกเกลือน่าน
“ตามไม่อยากจำกัดตัวเองว่าต้องทำอาหารไทย สิ่งที่เรากำลังพยายามทำอยู่คือนำเสนอรสชาติอาหารไทยมากกว่า เพราะเราก็เป็นคนไทย เราโตมากับรสชาตินี้ หลายๆ เมนูเลยเป็นรสชาติแบบที่คนไทยคุ้นเคย แต่มันก็มีกลิ่นอายอาหารประเทศอื่นเข้ามาผสมด้วย”
เราแนะนำให้บ้านเทพาเป็นร้านที่หากใครอยากลองอะไรใหม่ๆ หรือชอบอาหารไทยสมัยใหม่ต้องแวะไปลิ้มลอง เพราะที่นี่จะเต็มไปด้วยความสร้างสรรค์และน่าสนุกไปกับการได้รู้จักวัตถุดิบต่างๆ ที่เชฟนำมาเสนอให้ชิมบนจาน
You may also like: Kavee, Taahra, North Resraurant
Baan Tepa
Open: ทุกวันพุธ-อาทิตย์ เวลา 18.00 เป็นต้นไป
Address: ถนนรามคำแหง แขวงหัวหมาก เขตบางกะปิ กรุงเทพฯ
Budget: 12 คอร์ส ราคา 4,500++ บาท (ไวน์แพริ่ง 2,500 / 3,500++ บาท)
Contact: 09 8696 9074
Website: www.baantepabkk.com/
ข่าวที่เกี่ยวข้อง: