×

AWS คาดธุรกิจ ‘คลาวด์’ ในไทยโตไม่ต่ำกว่า 30% ในปีนี้ เน้นเจาะกลุ่มการเงิน-ค้าปลีก-การผลิต

13.01.2023
  • LOADING...
AWS

แม้อุตสาหกรรมเทคโนโลยีจะเข้าสู่ช่วงของการชะลอตัวในหลายกลุ่มธุรกิจ แต่สำหรับธุรกิจคลาวด์เป็นหนึ่งในธุรกิจที่ยังคงเห็นการเติบโตต่อได้ ซึ่งรวมถึงธุรกิจคลาวด์ภายใต้ Amazon Web Service (AWS) ที่ยอดขายในไตรมาส 3 ปี 2022 เติบโต 27% จากปีก่อน สู่ระดับ 2.05 หมื่นล้านดอลลาร์ แม้จะเป็นการเติบโตที่ชะลอลงจากไตรมาส 2 ที่ทำได้ 33% แต่ยังเติบโตได้สูงกว่ายอดขายภาพรวมของทั้งบริษัทที่ทำได้ 15% 

 

การเติบโตของอุตสาหกรรมคลาวด์ในปี 2023 ผู้บริหารของ AWS ประจำประเทศไทยอย่าง วัตสัน ถิรภัทรพงศ์ Country Manager ของ Amazon Web Service (Thailand) กล่าวว่า Gartner (บริษัทวิจัยด้านเทคโนโลยี) คาดว่าตลาดคลาวด์ทั่วโลกจะเติบโต 20.7% ส่วนในไทยจะโต 31.8% สะท้อนว่าองค์กรในไทยเปิดรับคลาวด์มากขึ้น โดยค่าใช้จ่ายสำหรับบริการคลาวด์สาธารณะโดยผู้ใช้ในไทยจะสูงถึง 54.4 ล้านบาทในปี 2023 เพิ่มขึ้นจาก 41.3 ล้านบาทเมื่อปีก่อน

 

“แต่เรามองบวกต่อการเติบโตของธุรกิจคลาวด์ในไทยมากกว่าที่ Gartner ประเมิน” 

 

จากการพูดคุยกับลูกค้าหลายรายในอาเซียน ด้วยทิศทางเศรษฐกิจมหภาคที่อาจเข้าสู่ภาวะถดถอย โดยเฉพาะในกลุ่มประเทศขนาดใหญ่ ซึ่งจะส่งผลกับธุรกิจในปีนี้อย่างแน่นอน 

 

สิ่งที่เกิดขึ้นทำให้หลายบริษัทต้องปรับตัวเพื่ออยู่รอด นำไปสู่การทำ Digital Transformation ที่จะถูกนำมาใช้จริงมากขึ้น และคลาวด์จะเป็นหนึ่งในเทคโนโลยีที่เข้ามาตอบโจทย์ เพื่อใช้สร้างนวัตกรรมใหม่ๆ ลดค่าใช้จ่าย และที่สำคัญคือช่วยขยายตลาดออกไปต่างประเทศ 

 

ในมุมของ AWS จะมุ่งเน้นขยายธุรกิจคลาวด์ใน 3 อุตสาหกรรมหลัก ได้แก่ 1. บริการทางการเงิน รวมทั้งในส่วนของธุรกิจประกันและหลักทรัพย์ 2. ค้าปลีก และ 3. อุตสาหกรรมการผลิต โดยทั้งสามอุตสาหกรรมนี้เป็นกลุ่มที่บริษัทมีฐานลูกค้าหลักอยู่บ้างแล้วในไทย เช่น KBTG, TISCO, SCB Tech, ASCEND, Central, Counter Service, SCG, CPF และ Pomelo เป็นต้น 

 

ส่วนนวัตกรรมใหม่ๆ เกี่ยวกับเทคโนโลยีคลาวด์ของ AWS ในปีนี้ บริษัทได้เปิดเผยผ่านงาน AWS re:Invent 2022 ที่จัดขึ้นที่เมืองลาสเวกัส สหรัฐฯ เมื่อเดือนธันวาคมที่ผ่านมา 

 

ภายในงานดังกล่าว Adam Selipsky ซีอีโอของ AWS เน้นย้ำว่า ข้อมูลเป็นรากฐานที่สำคัญของการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลของทุกองค์กร ซึ่งนักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าในอีก 5 ปีข้างหน้า ปริมาณข้อมูลจะมีมากขึ้นกว่าสองเท่าเมื่อเทียบกับช่วงเริ่มต้นของยุคดิจิทัล ทำให้การจัดการข้อมูลขนาดใหญ่และการเติบโตของข้อมูลนั้น เป็นทั้งความท้าทายและโอกาสสำหรับทุกองค์กร 

 

ตัวอย่างของเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่เปิดตัวเมื่อปลายปีที่ผ่านมา ได้แก่ 

 

  • Data and Analytics – Amazon Aurora: เป็นการรวมประสิทธิภาพและความพร้อมใช้งานของฐานข้อมูลแบบดั้งเดิม ผสานเข้ากับความเรียบง่ายและความคุ้มค่าของฐานข้อมูล Open Source มีประสิทธิภาพมากกว่า MySQL ถึง 5 เท่า และประสิทธิภาพมากกว่า PostgreSQL ถึงสามเท่า 
  • Data and Analytics – Redshift: คลังข้อมูลขนาดเพตะไบต์ (Petabyte) ที่มีการจัดการเต็มรูปแบบ และวิเคราะห์ข้อมูลขนาดเอกซะไบต์ (Exabyte) 
  • AI/ML – SageMaker: เทคโนโลยี Machine Learning ช่วยให้คาดการณ์สิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคต และยังช่วยสร้างข้อมูลอัจฉริยะให้กับระบบและแอปพลิเคชันต่างๆ
  • Security: Amazon GuardDuty: เช่น การดูแลสุขภาพ ธนาคาร และหน่วยงานภาครัฐ เป็นต้น โดยโครงสร้างพื้นฐานของ AWS ได้รับการตรวจสอบตลอด 24 ชั่วโมงทุกวัน
  • Security: Amazon Security Lake: บริการที่สร้างขึ้นเพื่อช่วยให้ทีมรักษาความปลอดภัยสามารถรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูลความปลอดภัยในระดับเพตะไบต์ได้อัตโนมัติ 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง


  • LOADING...

READ MORE





Latest Stories

Close Advertising
X